“ทำไมทักษิณจึงทนถึงเพียงนี้” เราได้ยินคำถามอยู่บ่อยๆ จนชินหู
มิใช่หน้าด้าน หน้าทนไร้ยางอายนะครับ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทน
นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งหรือเอเชีย เมื่อเขาไม่สามารถป้องกันความบกพร่องเสียหายหรือความรู้สึกไม่ดีต่อรัฐบาล หรือมีอุบัติเหตุความผิดพลาดเกิดขึ้น ถึงแม้จะมิใช่หน้าที่โดยตรงของเขา แต่ต้องรับผิดชอบในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้า เขาพากันละอายใจลาออก และขอโทษประชาชน เทียบกับเขา นายกฯ ของไทยทั้งเหลี่ยมทั้งหนา มีความรู้สึกสำนึกต่ำกว่าธรรมดา และต่ำกว่ามาตรฐานสากล
แต่ทักษิณกลับโอ่อวดอยู่เสมอและพยายามสร้างภาพเป็นผู้นำโลกาภิวัตน์ พี่เบิ้มของอาเซียน แถมจะลุ้นให้ลูกน้องเป็นเลขาธิการสหประชาชาติอีกต่างหาก เดี๋ยวนี้ประเทศที่ยอมรับทักษิณเหลือน้อยแล้ว แม้แต่ไปขอพบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เขาก็ไม่ยอมให้พบ เพราะเขารู้อะไรต่ออะไรดีจากทูตของเขา
เรื่องเหล่านี้ชาวบ้านของเราไม่รู้และไม่เข้าใจ หากชาวบ้านไม่เข้าใจ คนทั่วไปจะมองไม่เห็นความผิดของทักษิณ ซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาล ปล่อยให้ลอยนวลเป็นนายกฯ ต่อไป ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสต่อศาล ขอให้ศาลช่วยกู้ชาติ อย่าปล่อยให้ล่มจม เราต้องเล่าให้ชาวบ้านเข้าใจว่าใครทำให้ชาติล่มจม ทักษิณ ใช่หรือไม่
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นี้ ผมไปบวชเด็กในอุปการะที่วัดเชียงดา อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี อำเภอเพ็ญมีนักการเมืองคู่หนึ่งที่ครองใจประชาชนอยู่ตลอดกาล เป็นเสือเฒ่ากับสิงห์หนุ่ม
เสือเฒ่า คือ พ.อ.สมคิด ศรีสังคม สมาชิกวุฒิสภาและอดีต ส.ส.หลายสมัย หัวหน้าพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย พันเอกสมคิดนามสกุลเดิม ศรีสร้างคอม เพราะเป็นคนตำบลสร้างคอม เดี๋ยวนี้ยกฐานะเป็นอำเภอแล้ว พันเอกสมคิด ได้ทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนอังกฤษ ได้เมียแหม่มเหมือนกับอาจารย์ป๋วย ถึงแม้จะอายุกว่า 90 แล้ว พี่สมคิดยังนำคณะไปยื่นหนังสือขับไล่ กกต.และทักษิณเร็วๆ นี้
ส่วนสิงห์หนุ่มคือ นพ.วิชัย ชัยจิตรวณิชกุล ปาเจโร อดีต ส.ส.หลายสมัย หมอวิชัยไม่เคยสอบตก ครั้งแรกสังกัดพรรคความหวังใหม่ ต่อมาย้ายไปพรรคชาติพัฒนา ปี 2544 เฆี่ยนผู้สมัครไทยลักไทยสบาย เมื่อชาติพัฒนาถูกควบ เพราะทนต่อรองและขู่สำทับคดีทุจริตคลองด่านไม่ไหว หมอวิชัยเลยย้ายมาสังกัดไทยลักไทย กลายเป็นองครักษ์พิทักษ์ทักษิณระดับแนวหน้าคนหนึ่ง
เสือเฒ่ากับสิงห์หนุ่มยืนอยู่ฝั่งการเมือง เหมือนขาวกับดำ แต่ทั้งคู่ต่างก็เป็นนักการเมืองของประชาชน ถ้าหากการเมืองไทยพัฒนาดี มีพรรคการเมืองที่มิใช่แก๊งเลือกตั้ง“รวมศูนย์ รวบอำนาจ เป็นทาสหัวหน้า” ตามลัทธิการเมืองแบบหวังพึ่งของไทย หมอวิชัยมีศักยภาพจะพัฒนาเป็นนักการเมืองชั้นดี ระบบปัจจุบันทำให้หมอวิชัยหวังเกาะทักษิณ กวาดต้อนชาวบ้านของตนเข้าไปอยู่ในระบบทักษิณเหมือนฝูงแกะ
นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทักษิณทน เพราะทักษิณคุมผู้แทนให้สร้างเครือข่ายการเรียกขานวานใช้จ้างระดมมวลชน เอาไว้สมทบกับพวกที่ข้าหลวงนายอำเภองบซีอีโอเที่ยวเกณฑ์มาร่วมกับคาราวานรับจ้างทั้งหลาย เอาไว้รับใช้ระบอบทักษิณ
หมอวิชัยเป็นหัวโจกพาคนไปคุกคามไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่า การอุตสาหกรรมรุ่นทักษิณสมัยแรก ไชยวัฒน์ กับสุริยะใส ไปพูดในนามพันธมิตรที่ราชภัฏอุดร เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2549 แต่ถูกป่วนจนกระทั่งพูดไม่ได้ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าตำรวจต่างก็หงอให้หมอวิชัยกับคณะ มี ส.ส.อีกนายหนึ่งประกาศว่า “ประเทศของกู กูจะเลือกนายกฯ ของกู เรื่องอะไรของมึง” ชาวบ้านไม่เข้าใจว่าระบบรัฐสภาชาวบ้านไม่ได้เลือกนายกฯ เลือกแต่ผู้แทน
ไชยวัฒน์ถูกล้อมกรอบอยู่ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจน 6 โมงเย็น ขาออกสุริยะใสยังโดนชกหน้าฟรีๆ อีกด้วย นี่คือกฎหมายและความสงบเรียบร้อยแบบทักษิณ
ในงานบวช ผมมีโอกาสสนทนากับผู้ที่มาร่วมทำบุญที่ลานวัดสัก 30-40 คน ทุกคนเป็นแฟนทักษิณพันธุ์แท้ ชื่นชม 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เงินกู้เรียนหนังสือ และโครงการโม้แหลกแจกดะของทักษิณ รวมทั้งเชื่อมั่นว่าทักษิณคือคนที่พระเจ้าอยู่หัวส่งมาโปรด
ทุกอย่างที่ชาวบ้านได้รับเป็นเรื่องฟังง่าย เข้าใจง่าย เกิดผลทันตาเห็น จบเป็นเรื่องๆ ไม่ต้องซักถามอธิบายให้เมื่อย เป็นการตลาดโฆษณาชวนเชื่อที่ยอดเยี่ยม เหนือชั้นนักวิชาการหรือพันธมิตรที่ปาวๆ กันอยู่เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน มาตรฐานทางจริยธรรม จิตสำนึกทางการเมือง ละเมิดพระราชอำนาจ เล่นหุ้น หลีกเลี่ยงภาษี คืออะไรไม่รู้ ชาวบ้านฟังไม่เข้าใจ ไม่เห็นทักษิณผิดตรงไหน
ชาวบ้านตกใจและผิดหวังที่รู้ว่า ผมจะสู้กับทักษิณ ผมบอกว่าอยู่ดีๆ ทักษิณมาฟ้องผมทำไมตั้ง 2 พันล้านบาท ถ้าผมมีสัก10-20 ล้าน เอามาแจกพวกเขาจะไม่ดีกว่าหรือ ถ้าผมชนะ ผมจะฟ้องกลับเอาเงินมาใช้กันเอาไหม แล้วผมก็อธิบายเรื่องต่างๆเป็นภาษาชาวบ้านให้เขาฟังทีละเรื่อง ตอนจบเขาก็สาธุ บอกว่าเข้าใจแล้ว ขอให้คุณพ่อสู้จนชนะ ไม่ต้องไม่กลัวมันทักษิณ คนอะไร ไม่มีศีลธรรม รังแกคนแก่ รวยแล้วยังงกอีก
ผมเล่าเสียยืดยาว ก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า ชาวบ้านไม่โง่หรอก แต่เขาไม่รู้ และพวกเราพูดไม่รู้เรื่อง เขาถอดรหัส ภาษาและศัพท์แสงที่พวกเราใช้ไม่ได้ เขาจึงเฮโลไปเชียร์ทักษิณ ก่อนจาก ผมแกล้งถามว่าเอาไหมวันละ 300 บาทค่ารถต่างหาก วันที่ 18 นี้ไปเชียร์ทักษิณที่กรุงเทพฯ เขาบอกว่าไฮ้ ใครจะบ้า พึ่งจะบูชาในหลวงเสร็จไปหยกๆ แสดงว่าเขารู้ทันว่าจะเกณฑ์ไปโชว์พลังแข่งในหลวง
นี่ก็คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทักษิณทน เพราะความไม่รู้และข่าวลือ ทักษิณครองพื้นที่ข่าวสารได้หมด เราแพ้สงครามโฆษณาของทักษิณ เพราะเรามีพื้นที่ข่าวสารน้อย ครั้นพอจะเริ่มมีบ้าง เรากลับพูดไม่รู้เรื่องเสียอีก ชาวบ้านจึงไม่ฟังเรา
เมื่อวิทยุทีวีที่รัฐบาลคุมจำกัดการเสนอข่าว เมื่อตำรวจสมยอมชมรมคนรักทักษิณให้กระทำตัวเป็นอันธพาลเหนือกฎหมาย มวลชนหลงผิดเหล่านี้อาจฮึกเหิมเติบโตเป็นแสนเป็นล้านทั่วประเทศ พร้อมที่จะเผชิญหน้าและกดดันทุกสถาบันที่ไม่ชอบทักษิณ ไม่เว้นว่าจะเป็นศาลที่ได้รับพระบรมราชโองการ ในขณะที่ความเคลื่อนไหวโดยสงบตามรัฐธรรมนูญของฝ่ายพันธมิตรถูกป้ายสีอย่างแพร่หลายว่าก่อความวุ่นวายทำให้บ้านเมืองเสียหาย
มีเสียงเล็ดลอดมาถึงผมว่า กองทัพมวลชนสองล้านคน พร้อมที่จะเดินทางเข้ากรุง ถ้าหากว่าทักษิณถูกศาล “รังแก” นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทักษิณทน
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถชี้แจงตื้นลึกหนาบางให้ชาวบ้านฟังได้ง่ายๆ ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ที่ยากกว่านี้ ยังมีเรื่อง รัฐธรรมนูญ กฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจ และองค์กรต่างๆที่สลับซับซ้อน มีช่องว่าง และจุดบอด ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณ
เราจะต้องอธิบายกันให้เข้าใจ จึงจะโค่นสมมติสัจจะหรือความจริงเทียมของระบอบทักษิณได้
เมื่อคืนนี้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กรุณาเชิญไปกินข้าว ผมติดรถอาจารย์เจริญ คัมภีรภาพ รองอธิการบดีศิลปากร กลับ ผมถามว่า ทำไมทักษิณจึงทนถึงเพียงนี้ อาจารย์เจริญตอบว่า เพราะทักษิณอ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและรักษากติกา แล้วทักษิณเอาประชาธิปไตยกับกติกาไปผูกไว้กับการเลือกตั้ง คนไทยถึงจะเป็นชนบทบ้านนอกต่างก็รักประชาธิปไตยและความยุติธรรม เมื่อทักษิณชนะการเลือกตั้ง อยู่ๆ จะมาเดินขบวนไล่ทักษิณ ใครจะยอม ไม่มีใครถามว่าเลือกตั้งแบบไหน ทำไมจึงเลือกตั้ง
อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย นักวิชาการหัวก้าวหน้า และปัญญาชนซ้ายอกหักทั้งหลาย ต่างก็ทำตนเป็นแนวร่วมมุมกลับของทักษิณทั้งสิ้น คนพวกนี้พากันเชิดชูการเลือกตั้ง เพราะเกรงว่าหากล้มล้างการเลือกตั้งแล้ว โอกาสปฏิรูปการเมืองไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจะดีขึ้น พวกเขาไม่แยแสสถาบันกษัตริย์ จึงคอยใส่ความว่าพวกเราจะรื้อฟื้นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ให้ในหลวงเป็นเผด็จการ
ผมไม่ว่าที่คนเหล่านี้ยกหางตนเองเป็นเสาหลักประชาธิปไตย และไม่โกรธด้วยที่เขาเห็นว่าผมไม่รักประชาธิปไตย แต่ผมจะไม่ยอมให้เขาดูถูกว่าในหลวงจะเป็นเผด็จการ เพราะเหลียวไปทั่วแผ่นดิน ผมไม่เห็นใครที่จะเข้าใจและปฏิบัติประชาธิปไตยได้ดีและมั่นคงเท่าในหลวงเลย
ผมเลยบอกอาจารย์เจริญว่า ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องช่วยพากันหาหลักฐานและพิสูจน์ว่า ทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตย กติกาของทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตย และการเลือกตั้งภายใต้ทักษิณและกกต.ของทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตย
เราต้องจัดทีมรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมว่า ทักษิณกระทำผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง และกฎหมายอาญาเรื่องอะไรบ้าง หลักฐานเหล่านี้จะชี้ชัดว่าทักษิณไม่มีสิทธิเป็นนายกฯ และระบอบทักษิณเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ ซึ่งบังเอิญไปตรงกับ “ปฏิญญาฟินแลนด์” ซึ่งกำลังลือกันฮือฮา
ชาวบ้านที่คุยกับผมในลานวัดไม่ทราบเลยว่า ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสขอให้ศาลช่วยกัน “กู้ชาติ” เพราะขณะนี้เมืองไทย “วิกฤตที่สุดในโลก” ถ้าทักษิณมีปัญญาระดับกลาง แค่นี้ ก็ควรจะลาออกไปโดยมิชักช้าแล้ว
ไม่แต่เท่านั้นในหลวงตรัสว่า “เลือกตั้งพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย” พล.ต.อ.วาสนา ประธาน กกต.สำรอกออกมาทันทีว่า “ไม่เป็นประชาธิปไตยจะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญทำไม เสียดายอยากจะพูดอะไรก็พูด” จนป่านนี้วาสนาก็ยังไม่สำนึกขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งๆ ที่เมียวาสนาทำงานอยู่กับสมเด็จพระเทพฯ แท้ๆ
ทักษิณเอง พอศาลประกาศว่าการเลือกตั้งมิชอบ มีกระแสสนับสนุนศาลอย่างกว้างขวาง อยู่ๆ ทักษิณก็คำรามว่า ตนไม่ใช่หมา เวลาคนเอาไม้มาแหย่ หมาจะกัดปลายไม้ แต่ตนเป็นเสือจะขบหัวคนถือไม้ คำพูดนี้ทำให้ทักษิณถูกตำหนิอย่างมาก
แต่ที่สำคัญกว่าวาจากาลกิณีหนาเหลี่ยมครั้งนี้ พระราชดำรัสของในหลวง คำแถลงของศาล มิได้รับการเผยแพร่ทางสื่อทีวีและวิทยุที่รัฐควบคุมอยู่อย่างพอเพียงและทั่วถึงเลย ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนอาจสามารถโชว์ของทักษิณเลย ประชาชนส่วนใหญ่ในชนบทยังไม่รู้เรื่องนี้
เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยของทักษิณ พิสูจน์ได้จากวาจาและการกระทำต่างๆ ของทักษิณมากมายหลายประเภท ต่างกรรมต่างวาระ กำลังจะเผยออกมาทีละนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เกี่ยวกับความไม่สุจริตและผิดกฎหมาย
ข่าวดีที่เราควรเจาะอาทิตย์นี้ คือ รองนายกฯวิษณุ เครืองาม จะ ลาออก ภายในหนึ่งเดือน แต่ทักษิณตะเพิดให้ออกวันที่ 24 มิถุนายนเลย โดยไม่ต้องรอ นี่คือกฎระเบียบและวิธีทำงานแบบทักษิณ เขาว่าทักษิณโกรธมากที่วิษณุพูดความจริงว่า รัฐบาลรักษาการอยู่นานเกินไป ซ้ำกระทำการล่อแหลม เช่น เรื่อง สนามบินสุวรรณภูมิ ขาดธรรมาภิบาล เพราะ (1) ไม่โปร่งใส (2) ขาดการมีส่วนร่วม (3) ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ทักษิณก็วิษณุจะต้องพูดจริงคนหนึ่ง โกหกคนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เพิ่งลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ ครม. เพราะรู้สึกอึดอัดที่บ้านเมืองมีวิกฤต บวรศักดิ์ เตือนใครก็ไม่ทราบว่า “ให้คิดถึงตัวเองให้น้อยลงนิดหนึ่ง คิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คิดถึงประเทศไทย คิดถึงประชาชนให้มากขึ้นนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ถูกต้อง”
การเสียนักกฎหมายเอกคู่นี้ แปลว่าเราเริ่มนับถอยหลังอายุของระบอบทักษิณได้
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ยกสอง เป็นหมัดแย็บ โปรดช่วยระวัง อย่าให้มุมแดงต่อยใต้เข็มขัด เดี๋ยวจะอดดูหมัดตรงเข้ากระโดงคาง
มิใช่หน้าด้าน หน้าทนไร้ยางอายนะครับ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทน
นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งหรือเอเชีย เมื่อเขาไม่สามารถป้องกันความบกพร่องเสียหายหรือความรู้สึกไม่ดีต่อรัฐบาล หรือมีอุบัติเหตุความผิดพลาดเกิดขึ้น ถึงแม้จะมิใช่หน้าที่โดยตรงของเขา แต่ต้องรับผิดชอบในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้า เขาพากันละอายใจลาออก และขอโทษประชาชน เทียบกับเขา นายกฯ ของไทยทั้งเหลี่ยมทั้งหนา มีความรู้สึกสำนึกต่ำกว่าธรรมดา และต่ำกว่ามาตรฐานสากล
แต่ทักษิณกลับโอ่อวดอยู่เสมอและพยายามสร้างภาพเป็นผู้นำโลกาภิวัตน์ พี่เบิ้มของอาเซียน แถมจะลุ้นให้ลูกน้องเป็นเลขาธิการสหประชาชาติอีกต่างหาก เดี๋ยวนี้ประเทศที่ยอมรับทักษิณเหลือน้อยแล้ว แม้แต่ไปขอพบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เขาก็ไม่ยอมให้พบ เพราะเขารู้อะไรต่ออะไรดีจากทูตของเขา
เรื่องเหล่านี้ชาวบ้านของเราไม่รู้และไม่เข้าใจ หากชาวบ้านไม่เข้าใจ คนทั่วไปจะมองไม่เห็นความผิดของทักษิณ ซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาล ปล่อยให้ลอยนวลเป็นนายกฯ ต่อไป ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสต่อศาล ขอให้ศาลช่วยกู้ชาติ อย่าปล่อยให้ล่มจม เราต้องเล่าให้ชาวบ้านเข้าใจว่าใครทำให้ชาติล่มจม ทักษิณ ใช่หรือไม่
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นี้ ผมไปบวชเด็กในอุปการะที่วัดเชียงดา อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี อำเภอเพ็ญมีนักการเมืองคู่หนึ่งที่ครองใจประชาชนอยู่ตลอดกาล เป็นเสือเฒ่ากับสิงห์หนุ่ม
เสือเฒ่า คือ พ.อ.สมคิด ศรีสังคม สมาชิกวุฒิสภาและอดีต ส.ส.หลายสมัย หัวหน้าพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย พันเอกสมคิดนามสกุลเดิม ศรีสร้างคอม เพราะเป็นคนตำบลสร้างคอม เดี๋ยวนี้ยกฐานะเป็นอำเภอแล้ว พันเอกสมคิด ได้ทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนอังกฤษ ได้เมียแหม่มเหมือนกับอาจารย์ป๋วย ถึงแม้จะอายุกว่า 90 แล้ว พี่สมคิดยังนำคณะไปยื่นหนังสือขับไล่ กกต.และทักษิณเร็วๆ นี้
ส่วนสิงห์หนุ่มคือ นพ.วิชัย ชัยจิตรวณิชกุล ปาเจโร อดีต ส.ส.หลายสมัย หมอวิชัยไม่เคยสอบตก ครั้งแรกสังกัดพรรคความหวังใหม่ ต่อมาย้ายไปพรรคชาติพัฒนา ปี 2544 เฆี่ยนผู้สมัครไทยลักไทยสบาย เมื่อชาติพัฒนาถูกควบ เพราะทนต่อรองและขู่สำทับคดีทุจริตคลองด่านไม่ไหว หมอวิชัยเลยย้ายมาสังกัดไทยลักไทย กลายเป็นองครักษ์พิทักษ์ทักษิณระดับแนวหน้าคนหนึ่ง
เสือเฒ่ากับสิงห์หนุ่มยืนอยู่ฝั่งการเมือง เหมือนขาวกับดำ แต่ทั้งคู่ต่างก็เป็นนักการเมืองของประชาชน ถ้าหากการเมืองไทยพัฒนาดี มีพรรคการเมืองที่มิใช่แก๊งเลือกตั้ง“รวมศูนย์ รวบอำนาจ เป็นทาสหัวหน้า” ตามลัทธิการเมืองแบบหวังพึ่งของไทย หมอวิชัยมีศักยภาพจะพัฒนาเป็นนักการเมืองชั้นดี ระบบปัจจุบันทำให้หมอวิชัยหวังเกาะทักษิณ กวาดต้อนชาวบ้านของตนเข้าไปอยู่ในระบบทักษิณเหมือนฝูงแกะ
นี่ก็คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทักษิณทน เพราะทักษิณคุมผู้แทนให้สร้างเครือข่ายการเรียกขานวานใช้จ้างระดมมวลชน เอาไว้สมทบกับพวกที่ข้าหลวงนายอำเภองบซีอีโอเที่ยวเกณฑ์มาร่วมกับคาราวานรับจ้างทั้งหลาย เอาไว้รับใช้ระบอบทักษิณ
หมอวิชัยเป็นหัวโจกพาคนไปคุกคามไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่า การอุตสาหกรรมรุ่นทักษิณสมัยแรก ไชยวัฒน์ กับสุริยะใส ไปพูดในนามพันธมิตรที่ราชภัฏอุดร เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2549 แต่ถูกป่วนจนกระทั่งพูดไม่ได้ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าตำรวจต่างก็หงอให้หมอวิชัยกับคณะ มี ส.ส.อีกนายหนึ่งประกาศว่า “ประเทศของกู กูจะเลือกนายกฯ ของกู เรื่องอะไรของมึง” ชาวบ้านไม่เข้าใจว่าระบบรัฐสภาชาวบ้านไม่ได้เลือกนายกฯ เลือกแต่ผู้แทน
ไชยวัฒน์ถูกล้อมกรอบอยู่ตั้งแต่ 9 โมงเช้าจน 6 โมงเย็น ขาออกสุริยะใสยังโดนชกหน้าฟรีๆ อีกด้วย นี่คือกฎหมายและความสงบเรียบร้อยแบบทักษิณ
ในงานบวช ผมมีโอกาสสนทนากับผู้ที่มาร่วมทำบุญที่ลานวัดสัก 30-40 คน ทุกคนเป็นแฟนทักษิณพันธุ์แท้ ชื่นชม 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เงินกู้เรียนหนังสือ และโครงการโม้แหลกแจกดะของทักษิณ รวมทั้งเชื่อมั่นว่าทักษิณคือคนที่พระเจ้าอยู่หัวส่งมาโปรด
ทุกอย่างที่ชาวบ้านได้รับเป็นเรื่องฟังง่าย เข้าใจง่าย เกิดผลทันตาเห็น จบเป็นเรื่องๆ ไม่ต้องซักถามอธิบายให้เมื่อย เป็นการตลาดโฆษณาชวนเชื่อที่ยอดเยี่ยม เหนือชั้นนักวิชาการหรือพันธมิตรที่ปาวๆ กันอยู่เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน มาตรฐานทางจริยธรรม จิตสำนึกทางการเมือง ละเมิดพระราชอำนาจ เล่นหุ้น หลีกเลี่ยงภาษี คืออะไรไม่รู้ ชาวบ้านฟังไม่เข้าใจ ไม่เห็นทักษิณผิดตรงไหน
ชาวบ้านตกใจและผิดหวังที่รู้ว่า ผมจะสู้กับทักษิณ ผมบอกว่าอยู่ดีๆ ทักษิณมาฟ้องผมทำไมตั้ง 2 พันล้านบาท ถ้าผมมีสัก10-20 ล้าน เอามาแจกพวกเขาจะไม่ดีกว่าหรือ ถ้าผมชนะ ผมจะฟ้องกลับเอาเงินมาใช้กันเอาไหม แล้วผมก็อธิบายเรื่องต่างๆเป็นภาษาชาวบ้านให้เขาฟังทีละเรื่อง ตอนจบเขาก็สาธุ บอกว่าเข้าใจแล้ว ขอให้คุณพ่อสู้จนชนะ ไม่ต้องไม่กลัวมันทักษิณ คนอะไร ไม่มีศีลธรรม รังแกคนแก่ รวยแล้วยังงกอีก
ผมเล่าเสียยืดยาว ก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า ชาวบ้านไม่โง่หรอก แต่เขาไม่รู้ และพวกเราพูดไม่รู้เรื่อง เขาถอดรหัส ภาษาและศัพท์แสงที่พวกเราใช้ไม่ได้ เขาจึงเฮโลไปเชียร์ทักษิณ ก่อนจาก ผมแกล้งถามว่าเอาไหมวันละ 300 บาทค่ารถต่างหาก วันที่ 18 นี้ไปเชียร์ทักษิณที่กรุงเทพฯ เขาบอกว่าไฮ้ ใครจะบ้า พึ่งจะบูชาในหลวงเสร็จไปหยกๆ แสดงว่าเขารู้ทันว่าจะเกณฑ์ไปโชว์พลังแข่งในหลวง
นี่ก็คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทักษิณทน เพราะความไม่รู้และข่าวลือ ทักษิณครองพื้นที่ข่าวสารได้หมด เราแพ้สงครามโฆษณาของทักษิณ เพราะเรามีพื้นที่ข่าวสารน้อย ครั้นพอจะเริ่มมีบ้าง เรากลับพูดไม่รู้เรื่องเสียอีก ชาวบ้านจึงไม่ฟังเรา
เมื่อวิทยุทีวีที่รัฐบาลคุมจำกัดการเสนอข่าว เมื่อตำรวจสมยอมชมรมคนรักทักษิณให้กระทำตัวเป็นอันธพาลเหนือกฎหมาย มวลชนหลงผิดเหล่านี้อาจฮึกเหิมเติบโตเป็นแสนเป็นล้านทั่วประเทศ พร้อมที่จะเผชิญหน้าและกดดันทุกสถาบันที่ไม่ชอบทักษิณ ไม่เว้นว่าจะเป็นศาลที่ได้รับพระบรมราชโองการ ในขณะที่ความเคลื่อนไหวโดยสงบตามรัฐธรรมนูญของฝ่ายพันธมิตรถูกป้ายสีอย่างแพร่หลายว่าก่อความวุ่นวายทำให้บ้านเมืองเสียหาย
มีเสียงเล็ดลอดมาถึงผมว่า กองทัพมวลชนสองล้านคน พร้อมที่จะเดินทางเข้ากรุง ถ้าหากว่าทักษิณถูกศาล “รังแก” นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทักษิณทน
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถชี้แจงตื้นลึกหนาบางให้ชาวบ้านฟังได้ง่ายๆ ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่ที่ยากกว่านี้ ยังมีเรื่อง รัฐธรรมนูญ กฎหมาย การเมือง เศรษฐกิจ และองค์กรต่างๆที่สลับซับซ้อน มีช่องว่าง และจุดบอด ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณ
เราจะต้องอธิบายกันให้เข้าใจ จึงจะโค่นสมมติสัจจะหรือความจริงเทียมของระบอบทักษิณได้
เมื่อคืนนี้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กรุณาเชิญไปกินข้าว ผมติดรถอาจารย์เจริญ คัมภีรภาพ รองอธิการบดีศิลปากร กลับ ผมถามว่า ทำไมทักษิณจึงทนถึงเพียงนี้ อาจารย์เจริญตอบว่า เพราะทักษิณอ้างว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและรักษากติกา แล้วทักษิณเอาประชาธิปไตยกับกติกาไปผูกไว้กับการเลือกตั้ง คนไทยถึงจะเป็นชนบทบ้านนอกต่างก็รักประชาธิปไตยและความยุติธรรม เมื่อทักษิณชนะการเลือกตั้ง อยู่ๆ จะมาเดินขบวนไล่ทักษิณ ใครจะยอม ไม่มีใครถามว่าเลือกตั้งแบบไหน ทำไมจึงเลือกตั้ง
อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย นักวิชาการหัวก้าวหน้า และปัญญาชนซ้ายอกหักทั้งหลาย ต่างก็ทำตนเป็นแนวร่วมมุมกลับของทักษิณทั้งสิ้น คนพวกนี้พากันเชิดชูการเลือกตั้ง เพราะเกรงว่าหากล้มล้างการเลือกตั้งแล้ว โอกาสปฏิรูปการเมืองไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจะดีขึ้น พวกเขาไม่แยแสสถาบันกษัตริย์ จึงคอยใส่ความว่าพวกเราจะรื้อฟื้นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ให้ในหลวงเป็นเผด็จการ
ผมไม่ว่าที่คนเหล่านี้ยกหางตนเองเป็นเสาหลักประชาธิปไตย และไม่โกรธด้วยที่เขาเห็นว่าผมไม่รักประชาธิปไตย แต่ผมจะไม่ยอมให้เขาดูถูกว่าในหลวงจะเป็นเผด็จการ เพราะเหลียวไปทั่วแผ่นดิน ผมไม่เห็นใครที่จะเข้าใจและปฏิบัติประชาธิปไตยได้ดีและมั่นคงเท่าในหลวงเลย
ผมเลยบอกอาจารย์เจริญว่า ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องช่วยพากันหาหลักฐานและพิสูจน์ว่า ทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตย กติกาของทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตย และการเลือกตั้งภายใต้ทักษิณและกกต.ของทักษิณไม่เป็นประชาธิปไตย
เราต้องจัดทีมรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมว่า ทักษิณกระทำผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง และกฎหมายอาญาเรื่องอะไรบ้าง หลักฐานเหล่านี้จะชี้ชัดว่าทักษิณไม่มีสิทธิเป็นนายกฯ และระบอบทักษิณเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ ซึ่งบังเอิญไปตรงกับ “ปฏิญญาฟินแลนด์” ซึ่งกำลังลือกันฮือฮา
ชาวบ้านที่คุยกับผมในลานวัดไม่ทราบเลยว่า ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสขอให้ศาลช่วยกัน “กู้ชาติ” เพราะขณะนี้เมืองไทย “วิกฤตที่สุดในโลก” ถ้าทักษิณมีปัญญาระดับกลาง แค่นี้ ก็ควรจะลาออกไปโดยมิชักช้าแล้ว
ไม่แต่เท่านั้นในหลวงตรัสว่า “เลือกตั้งพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย” พล.ต.อ.วาสนา ประธาน กกต.สำรอกออกมาทันทีว่า “ไม่เป็นประชาธิปไตยจะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญทำไม เสียดายอยากจะพูดอะไรก็พูด” จนป่านนี้วาสนาก็ยังไม่สำนึกขอพระราชทานอภัยโทษ ทั้งๆ ที่เมียวาสนาทำงานอยู่กับสมเด็จพระเทพฯ แท้ๆ
ทักษิณเอง พอศาลประกาศว่าการเลือกตั้งมิชอบ มีกระแสสนับสนุนศาลอย่างกว้างขวาง อยู่ๆ ทักษิณก็คำรามว่า ตนไม่ใช่หมา เวลาคนเอาไม้มาแหย่ หมาจะกัดปลายไม้ แต่ตนเป็นเสือจะขบหัวคนถือไม้ คำพูดนี้ทำให้ทักษิณถูกตำหนิอย่างมาก
แต่ที่สำคัญกว่าวาจากาลกิณีหนาเหลี่ยมครั้งนี้ พระราชดำรัสของในหลวง คำแถลงของศาล มิได้รับการเผยแพร่ทางสื่อทีวีและวิทยุที่รัฐควบคุมอยู่อย่างพอเพียงและทั่วถึงเลย ซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนอาจสามารถโชว์ของทักษิณเลย ประชาชนส่วนใหญ่ในชนบทยังไม่รู้เรื่องนี้
เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยของทักษิณ พิสูจน์ได้จากวาจาและการกระทำต่างๆ ของทักษิณมากมายหลายประเภท ต่างกรรมต่างวาระ กำลังจะเผยออกมาทีละนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เกี่ยวกับความไม่สุจริตและผิดกฎหมาย
ข่าวดีที่เราควรเจาะอาทิตย์นี้ คือ รองนายกฯวิษณุ เครืองาม จะ ลาออก ภายในหนึ่งเดือน แต่ทักษิณตะเพิดให้ออกวันที่ 24 มิถุนายนเลย โดยไม่ต้องรอ นี่คือกฎระเบียบและวิธีทำงานแบบทักษิณ เขาว่าทักษิณโกรธมากที่วิษณุพูดความจริงว่า รัฐบาลรักษาการอยู่นานเกินไป ซ้ำกระทำการล่อแหลม เช่น เรื่อง สนามบินสุวรรณภูมิ ขาดธรรมาภิบาล เพราะ (1) ไม่โปร่งใส (2) ขาดการมีส่วนร่วม (3) ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ทักษิณก็วิษณุจะต้องพูดจริงคนหนึ่ง โกหกคนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เพิ่งลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ ครม. เพราะรู้สึกอึดอัดที่บ้านเมืองมีวิกฤต บวรศักดิ์ เตือนใครก็ไม่ทราบว่า “ให้คิดถึงตัวเองให้น้อยลงนิดหนึ่ง คิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คิดถึงประเทศไทย คิดถึงประชาชนให้มากขึ้นนิดหนึ่ง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ถูกต้อง”
การเสียนักกฎหมายเอกคู่นี้ แปลว่าเราเริ่มนับถอยหลังอายุของระบอบทักษิณได้
ท่านผู้อ่านที่เคารพ ยกสอง เป็นหมัดแย็บ โปรดช่วยระวัง อย่าให้มุมแดงต่อยใต้เข็มขัด เดี๋ยวจะอดดูหมัดตรงเข้ากระโดงคาง