ศูนย์การเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม เปิดผลสำรวจพบคนไทยตั้งแต่ เด็ก -อาชีวะ-ปริญญาตรี ยันข้าราชการหมกมุ่นกับการเล่นพนันฟุตบอลกว่า 3.6 ล้านคน คาดช่วงฟุตบอลโลกมีเงินสะพัดสูงถึงกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท ระบุ “สมุทรสาคร-ชัยนาท-อยุธยา-จันทบุรี” ผีพนันเกลื่อน ส่วน “นครปฐม-นนทบุรี ปทุมธานี” แหล่งระบาดเจ้ามือโต๊ะบอล นักวิจัยนิด้า ชี้ ต่อไปนักเล่นจะเจอปฏิบัติการทวงหนี้อย่างรุนแรง จนต้องหนีหนี้ ด้านกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เตรียมประสานไปยังจังหวัดที่มีการเล่นพนันรุนแรงเพื่อรณรงค์ภัยจากการพนัน
วานนี้ (22 มิ.ย.) ศูนย์เฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาแบบยั่งยืน สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)เปิดเผยรายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคมเรื่อง “ผลกระทบจากการแข่งขันฟุตบอลโลกกับสังคมไทย’ ระหว่างวันที่ 13 -15 มิ.ย. ใน 75 จังหวัดทั่วประเทศ จากจำนวนผู้ให้ข้อมูล 29,869 ราย
นายสังคม คุณคณากรสกุล นักวิจัยจากสถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยว่าศูนย์ศึกษาการพัฒนาแบบยั่งยืน ได้ทำการประเมินสถานการณ์การเล่นพนันบอลโลกโดยอิงกับประชากรพบว่าจะมีผู้เล่นทายพนันบอลโลกสูงถึง 3,651,938 ราย เป็นชาย 2,899,326 ราย หญิง 752,613 ราย หรือคิดเป็นพันละ 24 ราย
สำหรับวงเงินหมุนเวียนเล่นพนันบอลคาดว่าต่อคู่มีเงินหมุนเวียนประมาณ 741 ล้านบาทผ่านมือเพศชาย 660 ล้านบาท ผ่านมือเพศหญิง 81 ล้านบาทและถ้าปราศจากมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากการเล่นพนันบอล คาดว่า เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันบอลโลกจะมีเงินหมุนเวียนในการเล่นพนันบอลสูง 47,453,597,598 บาท
รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุด้วยว่าจังหวัดที่มีการเล่นพนันบอลในระดับรุนแรง และต้องเตือนภัยคือ จ.สมุทรสาคร ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี ตราด น่าน ลำปาง สุโขทัย อุดรธานี สุราษฎธานี ส่วนจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดของโต๊ะบอล เจ้ามือรับเล่นพนันบอลในระดับที่มีผลกระทบรุนแรงต่อสังคมคือนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ราชบุรี น่าน อุตรดิตถ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ดและสุราษฎร์ธานี
นักวิจัยจากนิด้า กล่าวว่าอย่างไรก็ตาม ในกลุ่มคนที่เล่นทายพนันบอล มีการศึกษาระดับระดับปริญญาตรี ร้อยละ 34.24 อาชีวศึกษา ร้อยละ 25.29 มัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 20.49 มัธยมศึกษาตอนต้นร้อยละ 19.98 ขณะที่อาชีพรับราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเล่นพนันบอลร้อยละ 18.74 อาชีพรับจ้างทั่วไปร้อยละ 13.69 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัวร้อยละ 9.99 พนักงานบริษัทมีอัตราส่วนร้อยละ 8.52 โดยวงเงินหมุนเวียนจริงสำหรับการเล่นทายพนันบอลมาจากเงินส่วนตัว จากผู้ปกครองและเงินกู้ยืมตามลำดับ
อย่างไรก็ตามแหล่งพนันบอลที่นักพนันชอบแทงคือเพื่อนร้อยละ 45.60 รองลงมา โต๊ะบอล เจ้ามือ ร้อยละ 35.10 ญาติพี่น้องร้อยละ 10.13 และอินเตอร์เนตร้อยละ 2.79 ตามลำดับ โดยนักพนันจะติดตามผลการแข่งขันฝ่านทาง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ สื่อพิมพ์ด้านกีฬา อินเตอร์เนท การพูดคุยกับเพื่อน และเคเบิ้ลทีวีตามลำดับ
ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างยอมรับว่าเกิดความเครียดจากกากรเล่นพนันบอลร้อยละ 54.18 แบ่งเป็นประเภทเครียดมากร้อยละ 23.87 เครียดปานกลางร้อยละ 30.31 ขณะที่ร้อยละ 45.82 ระบุว่าไม่เครียดเลย
“เหตุที่ยังไม่เครียดมากเพราะเป็นช่วงต้นฤดูกาล ยังมีเงินจ่าย หลังจากนี้เชื่อว่า จะมีการทวงหนี้และหนี้หนีกันมากขึ้น วิธีการทวงหนี้ของโต๊ะบอลขั้นแรกคือสั่งสอนเบาะๆ ต่อมาก็ทำให้หลาบจำอาจเป็นการทำร้ายร่างกาย และมาตรการสุดท้ายคือมาตรการ ขั้นเด็ดขาดเพื่อไม่ให้คนอื่นทำตามเป็นเยี่ยงอย่าง” นักวิจัยจากนิด้า กล่าว
ทางด้านนายสุรเดช ฉายะเกษตริน ผู้ตรวจราชการ พม. กล่าวว่า จุดเริ่มต้น การเล่นพนันบอลมาจากคนใกล้ตัวคือเพื่อน อีกทั้งการพนันยังไม่ต้องใช้เงินสด แทงได้หลายงวด ใช้เวลาในการแทงไม่มาก จึงทำให้เยาวชนหลายคนขาดการ ไตรตรอง ท้ายที่สุดจะเกิดการหนีหนี้ จากผลการสำรวจทาง พม.จะประสานไปยังจังหวัดที่มีการเล่นพนันบอลในระดับรุนแรงและต้องมีการรณรงค์ อย่างต่อเนื่อง เพราะมีการแข่งขันบอลตลอดทั้งปี อาทิหลังจากเทศกาลบอลโลกในเดือนสิงหาคมจะมีการแข่งบอลีก 150 คู่
สำหรับมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาการเล่นพนันบอล ทาง พม.กำหนดไว้ 3 แนวทาง โดยแนวทางแรกใช้การรณรงค์ โดยเครือข่ายด้านเด็ก สตรี อาสาสมัคร ประสานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยการทำป้ายและจัดกลุ่มเดินรณรงค์ในแต่ละจังหวัด จัดทำสื่อ เอกสารแจก แนวทางต่อมาคือใช้สื่อประชาสัมพันธ์ อาทิยกตัวอย่าง ข่าวสารการใช้ความรุนแรงในการติดตามหนี้ การก่ออาชญากรรมจากผู้มีหนี้สิน จากการพนัน และแนวทางสุดท้ายคือรณรงค์ด้านวิชาการคือจัดกลุ่มเพื่อนดูแลเพื่อน และจัดเสวนาเสนอข้อมูลความรุนแรงที่มีผลกระทบจากการพนัน จากผู้มีประสบการณ์ในการทำงานกับผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว
วานนี้ (22 มิ.ย.) ศูนย์เฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาแบบยั่งยืน สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)เปิดเผยรายงานการเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคมเรื่อง “ผลกระทบจากการแข่งขันฟุตบอลโลกกับสังคมไทย’ ระหว่างวันที่ 13 -15 มิ.ย. ใน 75 จังหวัดทั่วประเทศ จากจำนวนผู้ให้ข้อมูล 29,869 ราย
นายสังคม คุณคณากรสกุล นักวิจัยจากสถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยว่าศูนย์ศึกษาการพัฒนาแบบยั่งยืน ได้ทำการประเมินสถานการณ์การเล่นพนันบอลโลกโดยอิงกับประชากรพบว่าจะมีผู้เล่นทายพนันบอลโลกสูงถึง 3,651,938 ราย เป็นชาย 2,899,326 ราย หญิง 752,613 ราย หรือคิดเป็นพันละ 24 ราย
สำหรับวงเงินหมุนเวียนเล่นพนันบอลคาดว่าต่อคู่มีเงินหมุนเวียนประมาณ 741 ล้านบาทผ่านมือเพศชาย 660 ล้านบาท ผ่านมือเพศหญิง 81 ล้านบาทและถ้าปราศจากมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากการเล่นพนันบอล คาดว่า เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันบอลโลกจะมีเงินหมุนเวียนในการเล่นพนันบอลสูง 47,453,597,598 บาท
รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุด้วยว่าจังหวัดที่มีการเล่นพนันบอลในระดับรุนแรง และต้องเตือนภัยคือ จ.สมุทรสาคร ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา จันทบุรี ตราด น่าน ลำปาง สุโขทัย อุดรธานี สุราษฎธานี ส่วนจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดของโต๊ะบอล เจ้ามือรับเล่นพนันบอลในระดับที่มีผลกระทบรุนแรงต่อสังคมคือนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ราชบุรี น่าน อุตรดิตถ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ดและสุราษฎร์ธานี
นักวิจัยจากนิด้า กล่าวว่าอย่างไรก็ตาม ในกลุ่มคนที่เล่นทายพนันบอล มีการศึกษาระดับระดับปริญญาตรี ร้อยละ 34.24 อาชีวศึกษา ร้อยละ 25.29 มัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 20.49 มัธยมศึกษาตอนต้นร้อยละ 19.98 ขณะที่อาชีพรับราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเล่นพนันบอลร้อยละ 18.74 อาชีพรับจ้างทั่วไปร้อยละ 13.69 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัวร้อยละ 9.99 พนักงานบริษัทมีอัตราส่วนร้อยละ 8.52 โดยวงเงินหมุนเวียนจริงสำหรับการเล่นทายพนันบอลมาจากเงินส่วนตัว จากผู้ปกครองและเงินกู้ยืมตามลำดับ
อย่างไรก็ตามแหล่งพนันบอลที่นักพนันชอบแทงคือเพื่อนร้อยละ 45.60 รองลงมา โต๊ะบอล เจ้ามือ ร้อยละ 35.10 ญาติพี่น้องร้อยละ 10.13 และอินเตอร์เนตร้อยละ 2.79 ตามลำดับ โดยนักพนันจะติดตามผลการแข่งขันฝ่านทาง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ สื่อพิมพ์ด้านกีฬา อินเตอร์เนท การพูดคุยกับเพื่อน และเคเบิ้ลทีวีตามลำดับ
ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างยอมรับว่าเกิดความเครียดจากกากรเล่นพนันบอลร้อยละ 54.18 แบ่งเป็นประเภทเครียดมากร้อยละ 23.87 เครียดปานกลางร้อยละ 30.31 ขณะที่ร้อยละ 45.82 ระบุว่าไม่เครียดเลย
“เหตุที่ยังไม่เครียดมากเพราะเป็นช่วงต้นฤดูกาล ยังมีเงินจ่าย หลังจากนี้เชื่อว่า จะมีการทวงหนี้และหนี้หนีกันมากขึ้น วิธีการทวงหนี้ของโต๊ะบอลขั้นแรกคือสั่งสอนเบาะๆ ต่อมาก็ทำให้หลาบจำอาจเป็นการทำร้ายร่างกาย และมาตรการสุดท้ายคือมาตรการ ขั้นเด็ดขาดเพื่อไม่ให้คนอื่นทำตามเป็นเยี่ยงอย่าง” นักวิจัยจากนิด้า กล่าว
ทางด้านนายสุรเดช ฉายะเกษตริน ผู้ตรวจราชการ พม. กล่าวว่า จุดเริ่มต้น การเล่นพนันบอลมาจากคนใกล้ตัวคือเพื่อน อีกทั้งการพนันยังไม่ต้องใช้เงินสด แทงได้หลายงวด ใช้เวลาในการแทงไม่มาก จึงทำให้เยาวชนหลายคนขาดการ ไตรตรอง ท้ายที่สุดจะเกิดการหนีหนี้ จากผลการสำรวจทาง พม.จะประสานไปยังจังหวัดที่มีการเล่นพนันบอลในระดับรุนแรงและต้องมีการรณรงค์ อย่างต่อเนื่อง เพราะมีการแข่งขันบอลตลอดทั้งปี อาทิหลังจากเทศกาลบอลโลกในเดือนสิงหาคมจะมีการแข่งบอลีก 150 คู่
สำหรับมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาการเล่นพนันบอล ทาง พม.กำหนดไว้ 3 แนวทาง โดยแนวทางแรกใช้การรณรงค์ โดยเครือข่ายด้านเด็ก สตรี อาสาสมัคร ประสานกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยการทำป้ายและจัดกลุ่มเดินรณรงค์ในแต่ละจังหวัด จัดทำสื่อ เอกสารแจก แนวทางต่อมาคือใช้สื่อประชาสัมพันธ์ อาทิยกตัวอย่าง ข่าวสารการใช้ความรุนแรงในการติดตามหนี้ การก่ออาชญากรรมจากผู้มีหนี้สิน จากการพนัน และแนวทางสุดท้ายคือรณรงค์ด้านวิชาการคือจัดกลุ่มเพื่อนดูแลเพื่อน และจัดเสวนาเสนอข้อมูลความรุนแรงที่มีผลกระทบจากการพนัน จากผู้มีประสบการณ์ในการทำงานกับผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว