xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 25 พระสมเด็จหลวงปู่นาค

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

เส้นทางกลับวัดระฆังมีอยู่สองเส้นทาง คือนั่งรถเมล์เขียวสาย 19 ไปลงที่ถนนอรุณอัมรินทร์ที่หน้าวัดโดยตรง หรือไม่ก็นั่งรถเมล์แดงสาย 23 ไปลงแถวท่าช้างอีกเส้นทางหนึ่ง

ถ้าวันไหนกลับวัดด้วยรถเมล์เขียวสาย 19 หากรถไม่ติดผมก็รักที่จะแวะร้านกาแฟริมถนนซึ่งมีการเล่นหมากฮอสกันทุกวัน แวะแล้วก็จะสั่งกาแฟหรือโอเลี้ยงมานั่งกินแล้วดูเขาเล่นหมากฮอสกัน

เพราะเหตุนี้ผมจึงได้รู้จักมักคุ้นกับพวกวงการหมากฮอสของร้านกาแฟนั้นทั้งหมด และพาลรู้ต่อไปด้วยว่าคนประหลาดสามคนที่มีชื่อเณร เป๋ และกำธรนั้นหาใช่นักหมากฮอสธรรมดาไม่ แต่นับได้ว่าเป็นเซียนหมากฮอสตัวฉกาจที่นอกจากมีอาชีพทำราชการเป็นปกติอยู่แล้วก็ยังเล่นการพนันหากินกับหมากฮอสเป็นอาชีพเสริมอีกทางหนึ่ง

ทั้งสามคนนี้เณรและเป๋ทำงานอยู่ที่กรมอู่ทหารเรือด้วยกัน ในขณะที่กำธรทำงานอยู่คนละที่เพราะทำงานอยู่ที่เทศบาลกรุงเทพฯ แต่ความที่เป็นนักหมากฮอสด้วยกัน เป็นยอดฝีมือระดับเซียนด้วยกัน และมีถิ่นฐานอยู่ในย่านนี้ด้วยกัน จึงได้คบหาเป็นสหายสนิทกันมาช้านาน มีความสนิทสนมแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเป็นญาติพี่น้องกันเสียอีก

แม้ว่าต่างคนต่างก็เป็นเซียนหมากฮอสแต่อัธยาศัยต่างกันเป็นคนละแบบ เป๋มีลักษณะเป็นนักต้มตุ๋น มีฝีมือสูง แต่แกล้งทำเป็นหมูให้คู่แข่งต่อแต้ม ครั้นชนะการพนันจนเขาหมดตัวแล้วก็ค่อยเล่นแต้มเท่าไปจนกระทั่งต่อแต้มให้กับคู่แข่งไปเลย

เณรนั้นเป็นคนนักเลง โผงผาง ตรงไปตรงมา แต่เป็นคนอารมณ์ดี จะเล่นพนันกับใครก็เล่นกันตรงไปตรงมาและรักที่จะต่อแต้มให้คนอื่น ในขณะที่กำธรนั้นมีฝีมือเหนือกว่าทั้งสองคน เป็นคนสุขุมลุ่มลึก และเยือกเย็นจนน่าพิศวง มีความมั่นคงในจิตใจสูงมาก เพราะถึงหากจะถูกรบกวนในขณะเล่นหมากฮอสด้วยวิธีใดๆ กำธรก็จะยังคงดำรงสติมั่นเป็นปกติ ราวกับว่าได้ผ่านการฝึกฝนอบรมจิตจนมีภูมิธรรมถึงขั้นสูงแล้วก็มิปาน

ปกติกำธรจะไม่ค่อยเล่นหมากฮอสกับคนอื่นเพราะฝีมือห่างไกลกันมาก ยากที่จะหาคนที่มีฝีมือใกล้เคียงกันมาเล่นกันให้สนุก ดังนั้นกำธรจึงรักที่จะเล่นหมากฮอสกับเพื่อนสองคนนั้นเท่านั้น หรือไม่ก็เล่นกับเซียนหมากฮอสด้วยกันเองซึ่งหาโอกาสได้ยากเพราะมีอยู่ไม่กี่คน จึงนับได้ว่ากำธรเป็นคนที่น่านับถือในคุณธรรมได้คนหนึ่ง

ผมได้รับรู้ข้อมูลของทั้งสามคนจากวงการหมากฮอสก่อนที่จะได้มักคุ้นกับทั้งสามคนนี้ซึ่งเป็นผลมาจากความเฉลียวและมักระแวง คือเมื่อมีความรู้สึกระแวงสงสัยเกิดขึ้นแล้วก็รักที่จะสืบสาวราวเรื่องเพื่อให้ได้ความจริง และเพราะได้ความจริงเช่นนี้ผมจึงไม่ถูกเป๋ต้มตุ๋น มีแต่ผมทำตนเป็นหมูกินเซียน เล่นหมากฮอส กินกาแฟและกินเงินเป๋มาหลายบาท

ความเฉลียวกับความฉลาดเป็นของคู่กัน หากขาดไปเสียอย่างใดอย่างหนึ่งก็พึ่งตนเองลำบาก เพราะหากมีความเฉลียวอย่างเดียวก็จะระแวงสงสัยจนเป็นความกังวลหม่นหมอง หรือหากฉลาดอย่างเดียวก็รู้ตัวไม่ทันการ ตัวอย่างก็มีให้เห็นๆ กันอยู่ ดังนั้นการฝึกฝนให้มีพร้อมทั้งความฉลาดและความเฉลียวจึงเป็นเรื่องจำเป็นของคนเราอีกเรื่องหนึ่ง

ถ้าวันไหนผมกลับวัดด้วยรถเมล์แดงสาย 23 เมื่อลงจากรถเมล์ที่ท่าช้างวังหลวงแล้ว หากยังพอมีเวลาเหลือจึงมักที่จะเดินทางไปดูหนังสือที่ซุ้มหนังสือใต้ต้นมะขามข้างสนามหลวง ซึ่งเป็นแหล่งหนังสือมากมายหลายชนิด ทั้งหนังสือวิชาการ บันเทิง วรรณคดี สารคดีครบครัน และในราคาที่ไม่แพง

ผมลงทุนให้กับสมองของตัวเองมาตั้งแต่น้อย และไม่เห็นว่าการลงทุนใดจะดียิ่งไปกว่าการลงทุนด้วยการซื้อหาหนังสือตำรับตำรามาอ่าน เหตุทั้งนี้เนื่องจากผมมีอัธยาศัยรักการอ่านมาตั้งแต่น้อย เมื่อครั้งที่เรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนเก่าที่บ้านนอก ยามใดมีเวลาว่างผมก็มักจะเข้าไปหาหนังสืออ่านที่ห้องสมุด จนมีความคุ้นเคยสนิทสนมกับบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่ประจำห้องสมุดเป็นอย่างดี

ผมอ่านหนังสือจนหมดห้องสมุด ได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายจนเกินวัย และแน่นอนว่าเมื่อขลุกอยู่กับห้องสมุดเช่นนี้ก็ย่อมมีโอกาสเรียนรู้ได้มากกว่าคนที่ไม่รักการอ่าน

เฉพาะหนังสือสามก๊กนั้นผมได้ยินก๋งเล่าเรื่องสามก๊กให้ฟังตั้งแต่ยังพอจำความได้ ตอนเล็กๆ รู้จักเรื่องสามก๊กจากการขับร้องแบบงิ้วซึ่งภาษาฮกเกี้ยนเรียกว่าโผยเต หงี่ พอรู้ความมากขึ้นก๋งก็เล่าเรื่องสามก๊กให้ฟังเป็นประจำ ทำให้มีความสนใจเรื่องสามก๊กมาตั้งแต่เด็ก พอรู้จักเข้าห้องสมุดก็อ่านสามก๊กจนจบไปหลายรอบ

ตั้งแต่น้อยผมก็ได้ยินคนเขาแซวว่าเป็นเด็กเพียงเท่านี้ริจะอ่านหนังสือสามก๊ก เห็นท่าต่อไปจะคบไม่ได้เพราะใครอ่านสามก๊กจบสามรอบโบราณเขาว่าห้ามคบ ผมก็ได้แต่หัวเราะเพราะคิดและเชื่อว่าใครจะเป็นคนคบได้หรือคบไม่ได้ย่อมไม่ใช่เพราะอ่านหนังสือเป็นแน่ ย่อมสุดแท้แต่จิตใจชั่วร้ายเลวทรามหรือดีงามสูงส่งต่างหาก

ในวัยเด็กผมไม่รู้จักการลงทุนเพื่อการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยทางทรัพย์สินเงินทอง แต่ผมก็รู้จักและได้เรียนรู้ถึงการลงทุนทางสมองและปัญญาด้วยการขวนขวายซื้อหาหนังสือและตำรับตำรามาอ่าน จึงทำให้ผมมีหนังสือสะสมเป็นจำนวนมาก

พอเติบโตขึ้นผมก็ได้พบคำสอนของท่านเจ้าคุณพุทธทาสในเรื่องนี้ว่าอายุคนเราไม่ยาวนานเท่าใดนัก แต่คนจำนวนมากกลับปล่อยปละให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ สู้หัวเผือกหัวมันก็ยังไม่ได้ เพราะหัวเผือกหัวมันนั้นแต่ละเดือนแต่ละปีก็ใหญ่โตเรื่อยไป

แล้วท่านเจ้าคุณพุทธทาสก็สอนว่าเกิดมาเป็นคนก็อย่าให้เสียชาติเกิด ต้องพยายามเรียน พยายามรู้ด้วยการศึกษาปฏิบัติให้ถึงพร้อม คือถึงพร้อมทั้งปริยัติ ปฏิบัติและปฏิเวธ ก็จะมีผลต่อการทำให้สติปัญญาพัฒนาไปในทางที่ประเสริฐสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ หากทำเช่นนี้แล้วก็จะไม่อายหัวเผือกหัวมัน

แต่เวรกรรมผมคล้ายกับคนเร่ร่อนจรจัด อยู่ที่ไหนได้พักหนึ่งก็ต้องโยกย้ายที่อยู่ เมื่อย้ายที่อยู่ทีหนึ่งก็ต้องขนย้ายหนังสือเป็นกองพะเรอเกวียน ในขณะที่ทรัพย์สมบัติอย่างอื่นหาได้มีสิ่งใดมีค่าไม่ คงมีก็แต่เสื้อผ้า 2-3 ชุดกับรูปภาพพระอาจารย์และผู้ที่เคารพนับถือเท่านั้น

ที่ว่าเป็นเวรกรรมก็เพราะที่อยู่แต่ละแห่งนั้นมักจะมีปลวกมากมายสุดจะคาดคิด หนังสือวางอยู่ดีๆ เห็นเป็นเล่มเรียงแถวอยู่ดีๆ พอหยิบขึ้นมาดูอีกทีหนึ่ง ที่ไหนได้ข้างในปลวกกินไปจนหมดแล้ว เป็นอย่างนี้หลายครั้งหลายหน จนถึงวันนี้ผมก็ไม่มีห้องสมุดของตัวเองที่เป็นตัวเป็นตนเป็นเรื่องเป็นราวเลย

เพราะเหตุที่หนังสือหนังหาตำรับตำราสูญหายไปเพราะเหตุประการต่างๆ จึงทำให้ผมไม่ค่อยวางใจในความรู้อันมีอยู่ในตำรา ดังนั้นในพลันที่ได้รับหรือหาหนังสือหนังหาตำรับตำรามาได้แล้ว ผมจึงต้องก้มหน้าก้มตาอ่านจนหมด อ่านหมดแล้วหากยังไม่เข้าใจหรือไม่ซึมซับประทับไว้กับใจก็จะเอามาอ่านใหม่ในยามว่าง

ทำให้ความรู้มาอยู่กับตัวคู่กับความรู้ที่อยู่ในตำรา ซึ่งเป็นไปตามคติโบราณที่ว่า “จำขึ้นใจในวิชาดีกว่าจด จำไม่หมดจดไว้เป็นครูสอน จดและจำทำวิชาให้ถาวร เป็นอาภรณ์เทิดตนพ้นลำเค็ญ” ดังนั้นแม้วันเวลาผันแปรผ่านไป ความรู้และวิชาทั้งหลายส่วนที่อยู่ในหนังสือและตำราถึงจะถูกปลวกกัดกินหรือสูญหาย แต่ความรู้และวิชาในส่วนที่อยู่ในตัวนั้นมดปลวกไม่มีวันทำลายหรือมีเหตุที่ทำให้สูญหายไปได้เลย

ในกรณีที่ผมแวะเวียนไปซื้อหาหนังสือที่สนามหลวงแล้ว ผมก็มักที่จะแวะไปหาหมอปานซึ่งนั่งดูหมอเป็นประจำอยู่ที่นั่น บางวันหมอปานก็ให้ดูหมอแทนบ้างพอเป็นเครื่องอดิเรก จากนั้นจึงไปหาข้าวหาปลากินกัน แล้วพากันกลับไปวัด

ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ผมได้จัดเวลาให้กับตัวเองเป็นว่าในวันเสาร์นั้นสำหรับซักเสื้อผ้า ปัดกวาดกุฏิเป็นการใหญ่ เสร็จแล้วก็จะไปเล่นหมากรุกกับลุงต๋อมที่ใต้ถุนกุฏิหลวงปู่นาค ถ้าวันไหนลงเล่นหมากรุกแล้วก็เป็นอันว่าเล่นกันจนค่ำมืด นานวันเข้าผมก็ชักชำนาญในการหมากรุก

แต่ถ้าหากไม่เล่นหมากรุกผมก็ไปเล่นหมากฮอสซึ่งมีที่เล่นอยู่ 2-3 แหล่ง คือที่ร้านกาแฟหน้าคณะหนึ่ง หรือร้านกาแฟริมถนนอรุณอัมรินทร์ หรือไม่ก็ไปเล่นที่ตลาดบ้านขมิ้น และถ้าลงไปเล่นหมากฮอสก็เช่นเดียวกับหมากรุกคือเล่นจนค่ำมืด

ทำให้ผมได้พรรคพวกเพื่อนฝูงในวงการหมากฮอส ทั้งพวกที่เล่นหมากฮอสเองและพวกที่เชียร์หมากฮอสเป็นจำนวนมาก จนแทบจะกล่าวได้ว่าไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่ไร้ซึ่งเพื่อนฝูง และเพื่อนวงการนี้ส่วนใหญ่ก็มีน้ำใจ ใครกินอะไรอยู่เห็นเพื่อนพวกมาก็จะชวนร่วมกินร่วมดื่ม ทำให้ได้ความอบอุ่นใจและคลายความว้าเหว่เหงาหงอยได้เป็นอย่างดี

สำหรับวันอาทิตย์เป็นวันนัดเพื่อนฝูงซึ่งแทบทั้งหมดก็เป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ไปเที่ยวเตร่เฮฮาเสียครึ่งค่อนวัน บางครั้งก็ไปบ้านของเพื่อนคนนั้น บางครั้งก็ไปบ้านของเพื่อนคนนี้ บางทีก็ไปเที่ยวในที่ต่างถิ่นหรือเที่ยวในการงานเทศกาลตามควรแก่การเรื่อยไป

ช่วงบ่ายถึงค่ำก็ทบทวนตำรับตำรา หรือไม่ก็นั่งฟังพระสนทนาธรรมกับญาติโยม ซึ่งมีญาติโยมมาเยี่ยม มาถวายข้าวของ และมาสนทนาธรรมกับพระมหาทรงธรรม์เป็นประจำ แท้จริงแล้วผมไม่ได้มีเจตนานั่งฟังการสนทนาธรรมแต่ประการใด เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องของพระอภิธรรมซึ่งผมไม่ค่อยชอบ ดังที่ได้กล่าวถึงมาแล้ว แต่ที่เรียกว่านั่งฟังก็เพราะต้องนั่งในที่ใกล้เพื่อคอยรับใช้พระและญาติโยมตามหน้าที่นั่นเอง

บางวันถ้ากุฏิท่านเจ้าคุณใหญ่เขาทำพระสมเด็จผมก็เข้าไปช่วยเขาทำด้วย ทำให้ได้รู้จักมักคุ้นกับเด็กวัดในคณะหนึ่งเป็นอย่างดีทั่วทุกคน

หลวงปู่นาคท่านเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ อยู่ในวัยแปดสิบเศษ รูปร่างอ้วนท้วน หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา และมีศีลจริยาวัตรงดงาม ประพฤติธรรมอยู่เป็นเนืองนิจ มีอิทธิจิตในระดับที่สูง ดังนั้นจึงเป็นที่เชื่อถือกันอย่างกว้างขวางว่าหลวงปู่นาคทรงความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพระสมเด็จที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่นาคจึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

ท่านเจ้าคุณใหญ่หรือหลวงปู่นาคท่านทำพระสมเด็จอยู่เสมอตามความจำเป็นและความต้องการของญาติโยม แต่เป็นการทำไปเรื่อยๆ ตามแต่สะดวกและความพร้อมของผู้ทำคือบรรดาเด็กวัดและพระเณรในคณะหนึ่ง ไม่ได้จัดตั้งเป็นการพิธีใหญ่และทำพระเป็นจำนวนมากๆ เพื่อจำหน่ายเป็นพุทธพาณิชย์ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

วันไหนมีการทำพระสมเด็จ ท่านเจ้าคุณใหญ่หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ประจำกุฏิใหญ่ก็จะผสมผงมาแล้วเสร็จ ใส่ในกาละมังบ้าง ในถังบ้าง และให้บรรดาพระเณรรวมทั้งเด็กวัดช่วยกันพิมพ์พระที่บริเวณชั้นล่างด้านหน้าของกุฏิใหญ่

การทำพระสมเด็จของหลวงปู่นาคจะใช้ผงปูนปลาสเตอร์เป็นพื้น ผสมกับผงพระเก่าที่เหลือจากการทำรุ่นก่อนๆ สืบทอดกันมา เหมือนกับน้ำมนต์ในวิหารสมเด็จที่ใช้น้ำใหม่เติมน้ำมนต์ในโอ่งที่ทำมาตั้งแต่ครั้งเจ้าประคุณสมเด็จ

นอกจากนี้ยังใช้ผงธูปจากกระถางธูปในโบสถ์ ผงตะไคร่น้ำจากพระปรางค์และพระเจดีย์ในวัดระฆัง แม้กระทั่งดอกไม้สำหรับบูชาพระประธานในโบสถ์มาตากแห้งแล้วบดเป็นผง และใช้ข้าวก้นบาตรรวมทั้งกล้วยซึ่งบดทั้งเปลือกเป็นส่วนผสมด้วย

เมื่อผสมผงได้ที่ตามตำรับเก่าแก่ของวัดระฆังแล้ว ก็จะพิมพ์ลงในแบบพิมพ์พระซึ่งแกะสลักในแผ่นไม้ บางแผ่นก็มีพิมพ์พระหนึ่งองค์ บางแผ่นก็สอง หรือสาม หรือห้าองค์ ตามแบบต่างๆ ที่วัดระฆังเคยทำมา และทรงอันเป็นที่นิยมมากก็คือแบบพิมพ์ทรงพระประธานทรงใหญ่

ในบรรดาเด็กวัดที่ช่วยกันทำพระสมเด็จนั้นก็มีโอฬารหัวหน้าเด็กวัดคณะหนึ่งเป็นเจ้ากี้เจ้าการควบคุมเด็กวัด แต่ก็ยังมีพระผู้ใหญ่คอยควบคุมดูแลอยู่อีกชั้นหนึ่ง

พระที่พิมพ์ก็จะเป็นพระสมเด็จซึ่งเรียกกันว่าพระสมเด็จวัดระฆังรุ่นหลวงปู่นาค มีทั้งทรงพิมพ์ใหญ่ ทรงเจดีย์ ทรงปรกโพธิ์ และอีกหลายแบบสุดแท้แต่แม่พิมพ์ที่พระผู้ควบคุมการจัดทำจะจัดมาให้ทำ

วันไหนพิมพ์พระได้เท่าใดก็จะมีการนับจำนวนทวนสอบจนตรงกัน แล้วพระเถระผู้ควบคุมการทำพระก็จะยกเอาถาดใส่พระซึ่งพิมพ์เสร็จแล้วขึ้นไปข้างบน เพราะหลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการปลุกเสกตามแบบฉบับและกรรมวิธีของวัดระฆังที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี

พระสมเด็จเหล่านั้นจะถูกนำไปบรรจุกล่องและวางไว้ในห้องพระของท่านเจ้าคุณใหญ่ซึ่งเป็นห้องโถงอยู่ชั้นบนของกุฏิใหญ่นั้น จากนั้นก็จะมีการวนสายสิญจน์จากพระประธานของห้องพระ วนลงมาเวียนรัดรอบกล่องพระนั้นจนครบถ้วนทุกกล่อง

ทุกวันหลังจากหลวงปู่นาคท่านสวดมนต์ไหว้พระแล้ว ท่านก็จะเข้าสมาธิภาวนาพระคาถาชินบัญชร แล้วเพ่งพลังจิตและอธิษฐานจิตตามกรรมวิธีปลุกเสกพระสมเด็จวัดระฆัง และจะเพิ่มเวลาทำสมาธิภาวนาแผ่พลังจิตมากขึ้นสำหรับวันพระและถ้าเป็นห้วงเวลาในเทศกาลเข้าพรรษาก็ยิ่งเพิ่มเวลามากขึ้นไปอีก

บางครั้งหลวงปู่นาคก็จะให้นิมนต์พระสงฆ์ในคณะหนึ่งมาสวดพระปริตรและสวดพระคาถาชินบัญชรปลุกเสกพระด้วย และบางทีในวันพระใหญ่คือวันขึ้น 15 ค่ำและวันมหาปาวารนา หลวงปู่นาคก็จะให้พระขนกล่องพระสมเด็จเข้าไปในโบสถ์ วนสายสิญจน์มาจากพระประธานมายังกล่องพระ

ในบางทีเมื่อมีงานบวชหลวงปู่นาคก็จะให้ขนกล่องพระเข้าไปในโบสถ์ด้วย นัยว่าการสวดญัตติจตุตถกรรมนั้นในอุปสมบทพิธีนั้นมีผลมากต่อการปลุกเสกพระเครื่องให้เป็นพระ.

โปรดติดตามตอนที่ 26 “พระสมเด็จโอฬาร” ในวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น