xs
xsm
sm
md
lg

“บ้าหวย” เหยื่อคนเหลี่ยมจัด

เผยแพร่:   โดย: สุวัฒน์ ทองธนากุล

ปรากฏการณ์คนบ้าหวยเจ๊งระนาวในงวดการออกรางวัล เมื่อวันที่ 16 ที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ “น่าเห็นใจ” หรือควรจะ “สมน้ำหน้า” กันดี

แต่ที่แน่ๆ สำนักงานสลากกินแบ่ง งวดนี้มียอดขายและเงินกำไรมากเป็นประวัติการณ์ เพราะมีการร่ำลือ “เลขเด็ด” (558 และ 41) จากพระธุดงค์ ซึ่งไปพักอยู่ที่วัดในจังหวัดนครสวรรค์

คนหวังรวยทางลัดที่อยากรวยแบบเสกเอาได้ ทั้งหวยใต้ดินที่ถูกรัฐบาลทักษิณเอาขึ้นมาบนดิน รวมทั้งที่ยังคงหากินอยู่ใต้ดิน และลอตเตอรี่ก็พากันขายดิบขายดี ใบที่มีเลขตามที่ใบ้หวยขึ้นราคาเท่าไรก็มีคนซื้อ

ชาวบ้านพากันเทกระเป๋าเอาไปแทงหวยจนการค้าขายในตลาดบางชุมชนเงียบเหงา มีคนยอมกู้เงินเอาไปเล่นหวย หรือเอารถยนต์ไปจำนองเอาเงินทุ่มแทงหวยก็ยังมี

แต่พอผลการออกรางวัลออกมาแทนที่จะเป็นเสียงเฮ ก็กลายเป็นเสียงโฮเสียใจ เพราะเลขเด็ดของบรรดาเกจิ งวดนี้โดนปราบเซียนเจ็บไปตามๆ กัน

ชาวบ้านก็ลมใส่สิครับ เพราะรางวัลที่ฝันว่าจะได้กลายเป็นหนี้ที่ต้องจ่าย หรือเป็นภาระพอกพูนเพิ่มขึ้น

ขณะที่รายจ่ายและหนี้สินของชาวบ้านทุกหย่อมหญ้า กลับกลายเป็นรายได้ของสำนักงานสลากที่งวดนี้เฉพาะประเภทหวยบนดิน ซึ่งยอดขาย 2,137 ล้านบาท ทำลายสถิติสูงสุดนับแต่เปิดให้มีการแทงหวย 2 ตัว 3 ตัวมา 3 ปีกว่า

หักค่ารางวัลและค่าใช้จ่ายแล้วงวดนี้มีกำไรกว่า 1,000 ล้านบาท

สรุปแล้วการขายหวยบนดินที่แผ่ขยายจนชาวบ้านทุกเพศทุกวัยหาซื้อได้อย่างสะดวก ทำธุรกิจนี้ปีละ 24 งวด ก็น่าจะมีกำไรสุทธิไม่น้อยกว่าปีละประมาณ 20,000 ล้าน

จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณทักษิณ ชินวัตร เองเคยพูดเหมือนเตือนให้ชาวบ้านว่าอย่ามัวเมามาเล่นหวย แถมบอกว่าไม่เคยมีใครรวยจากหวย หรือคุณศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง เตือนว่าการเสี่ยงโชคควรทำตามฐานะ ไม่ควรเสี่ยงโชคมากเกินไป

ที่สำคัญประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งท่านนี้ให้หลักสถิติว่า “เลขท้าย 2 ตัวที่แทงมีโอกาสออก 1 ใน 100 ส่วนเลขท้าย 3 ตัว มีโอกาส 1 ใน 100”

แต่คนจนและคนที่ไม่ใช้ปัญญาก็ยังอยากลุ้นกันอยู่แล้วไปหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆที่ถูกเอาเปรียบจากการขายสลากเกินราคา และยอมเสี่ยงกับความเป็นไปได้ 1 ใน 100 หรือ 1 ใน 1,000

สำนักวิจัยเอแบคโพลล์เพิ่งแถลงผลสำรวจล่าสุดของคนเล่นทายพนันฟุตบอลและเล่นหวย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลพบว่าคนเล่นหวยใต้ดินและสลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่มขึ้นจาก 56.8% เมื่อพฤษภาคม 49 เป็น 67.4% ช่วง 10-16 มิถุนายน 49

เหตุผลการเล่นหวยก็คือหวังว่าจะโชคดี หรือไม่ก็เพราะได้เลขเด็ดมาจากมีคนบอกใบ้ หรือฝันไปแล้วตีความเป็นตัวเลข

ที่มีการเล่นพนันฟุตบอลและเล่นหวยกันอย่างกว้างขวาง คิดเป็นเงินมหาศาลทุกวันนี้ ผู้วิจัยวิเคราะห์น่าสนใจว่า

เพราะประชาชนอ่อนแอด้านจริยธรรมและคุณธรรม จนมีพลังไม่พอที่จะปฏิเสธสิ่งยั่วยุที่เป็นอบายมุขเหล่านี้ อีกทั้งระบบและกลไกป้องกันปราบปรามการเล่นพนันยังไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะตามทันวิธีการ และเทคโนโลยีของขบวนการเหล่านี้

ดังนั้น จึงอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลว่าจะยอมรับการเสี่ยงโชคในลักษณะการพนันเหล่านี้อย่างไร

โดยส่วนลึกของรัฐบาลชุดนี้มุ่งการหาเงินมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เล็งอยากเอาธุรกิจใต้ดินขึ้นมารับรองตามกฎหมายแล้วจัดระเบียบควบคุม

ถึงกับเคยมีหนังสือไปยังสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดแรกที่มีคุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานเพื่อถามความเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินการกับธุรกิจบ่อนการพนันหรือกาสิโน หวยเถื่อน การพนันฟุตบอล

ปรากฏว่าความเห็นและข้อเสนอแนะจากสภาที่ปรึกษาฯ อ้างผลการศึกษาและเสียงส่วนใหญ่ “ไม่เห็นด้วย” ที่จะให้มีกฎหมายรับรองธุรกิจเหล่านั้น

เพราะเกรงจะส่งผลกระทบด้านสังคมมาก เนื่องจากเห็นว่าภาครัฐจะไม่สามารถกำหนดมาตรการและดำเนินการควบคุมให้ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น แม้จะมองว่าจะเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับรัฐก็ไม่คุ้มกับผลเสียทางสังคม

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ให้สำนักงานสลากฯ นำหวยใต้ดินขึ้นมาดำเนินการบนดิน และด้วยความ “เหลี่ยมจัด” ก็ยังหลีกเลี่ยงการนำเงินรายได้จากการค้าหวยบนดินเข้าระบบการคลัง

ขณะนี้จึงพิสูจน์ชัดว่า นอกจากประชาชนคนยากจนจะถูกจูงใจให้มัวเมาในการเล่นหวยโดยระบบคนขายเข้าถึงทุกหย่อมหญ้าจนอยู่ในวังวนความยากจนแล้ว เงินที่ดูดไปเป็นรายได้และกำไรก็ยังหลีกเลี่ยงระบบการตรวจสอบจากระบบปกติ ทำให้เงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้เป็นขุมกำลังเงินที่เอื้อต่อ “ระบอบทักษิณ” ในการเบิกจ่ายเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองอีกด้วย

ประเด็นจึงอยู่ที่ว่า

การชอบเสี่ยงโชคมีอยู่ในพื้นฐานของคนทั่วไป การนำเอาหวยใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินจะช่วยให้คนไม่ต้องไปเล่นหวยใต้ดิน แล้วยังได้เงินกำไรมาช่วยเหลือพัฒนาสังคมคนจนด้วย

แต่ขณะนี้กลายเป็นว่าชาวบ้านที่ไม่เคยเล่นหวยใต้ดิน ก็ได้รับการอำนวยความสะดวกจากตัวแทนที่ตั้งโต๊ะขายตามถนน และในซอยของทุกแหล่งชุมชน จนผู้คนซึ่งเป็นคนระดับล่างพากันเข้าสู่การเป็นลูกค้าเล่นหวยกันทั่วหน้า

แถมยังมีการ “ส่งเสริมการขาย” ด้วยรางวัลแจ็กพอต อย่างงวดหน้าเงินล่อใจสะสมมีสูงถึง 104 ล้านบาท กันทีเดียว

การที่เพียงแต่พูดว่าขานรับพระราชดำริตามหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” แต่ผลที่เกิดขึ้นจากกรณีคนมัวเมาเรื่องหวย ได้พิสูจน์ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำไปนั้นมันสวนทาง
กำลังโหลดความคิดเห็น