xs
xsm
sm
md
lg

โกหกของทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: กำนันโต้ง ณ โคราช

19 มิถุนายน 2549 กำลังจะกลายเป็นวันตายทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้อื้อฉาวที่สุดในประวัติการเมืองไทย ส่วนมรณบัตรที่เป็นทางการได้เขียนไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่จะเติมวันที่ลงไปทันที เพื่อแพทย์ตัดสินใจสั่งถอดสายยางช่วยการหายใจ

19 มิถุนายน 2549 คือวันที่ศาลอาญาจะเริ่มขบวนการพิจารณาคำฟ้องที่ทักษิณกับภริยาเป็นจำเลยร่วมคดี แจ้งความเท็จ ฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จ ถ้าหากทักษิณแพ้ ซึ่งมองอย่างไรๆ ก็ยังไม่เห็นทางชนะ เพราะคดีนี้เป็นคดีที่ทักษิณถูกฟ้องกลับ เนื่องจากทักษิณกับภริยาไปฟ้องฝรั่งคนหนึ่งว่าฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ ศาลไม่เชื่อและตัดสินว่าทักษิณขี้ตู่ เพราะทรัพย์นั้นเป็นของฝรั่งต่างหาก

ศาลที่ว่ามีถึง 5 ศาล คือ ความอาญา ณ ศาลอาญาชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา และความแพ่ง ที่ศาลแพ่ง ศาลอุทธรณ์ ทักษิณแพ้แล้วทั้ง 5 ศาล ศาลฎีกาแพ่งกำลังจะตัดสินอีกในไม่ช้า

การที่ฝรั่งฟ้องกลับว่าทักษิณและภริยาแจ้งความเท็จ ฟ้องเท็จ และเบิกความเท็จ แปลเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ ว่า ทักษิณโกหกตำรวจ ทักษิณโกหกศาล และทักษิณโกหกผู้พิพากษานั่นเอง หลังจากเล่นเอาเถิดเจ้าล่อถ่วงเวลาโอ้เอ้กันมานาน หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้ศาลช่วยกันกู้ชาติ ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวนี้เลย แต่คดีนี้ก็โผล่หัวกลับคืนมา ได้จังหวะพอดี

ถึงในวันที่ 19 นี้ ทักษิณจะไม่ไปศาล เพราะต้องไปราชการสำคัญภาคใต้ ไม่ใช่ใต้ของไทยดอก แต่เป็นใต้ของอดีตสหภาพโซเวียต ในที่สุดทักษิณก็จะต้องหนีไม่พ้นคำพิพากษา

แม้นศาลจะเมตตาทักษิณเพียงใด ก็ยังมองไม่เห็นทางที่ทักษิณจะลอยชายเล่นการเมืองต่อไปได้ ถ้าไม่ไปเองโดยความละอายใจ คนไทยก็คงจะไม่สามารถทนละอายที่จะมีผู้นำอย่างทักษิณต่อไปได้

มีสุภาษิตว่า คนเราลองโกหกซะอย่าง ก็จะทำความชั่วอื่น ๆ ได้ทุกอย่าง ทักษิณจะเป็นเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นข้อยกเว้น ป่านนี้สังคมไทยน่าจะดูออกแล้ว

ผู้เขียนจะมีเจตนาดูหมิ่นหรือประจานใส่ร้ายทักษิณในฐานะส่วนตัวก็หามิได้ แต่ผู้เขียนในฐานะประชาชนที่รักชาติบ้านเมือง ย่อมมีสิทธิจะตั้งคำถามว่า บุคคลที่ชอบโกหกจนเป็นสันดานสมควรจะเป็นผู้นำประเทศไทยหรือไม่

คำว่าโกหกเป็นสันดานนี้ มิได้หมายความว่าโกหกเพียง 3-4 ครั้ง แต่แปลว่า โกหกอยู่เป็นประจำจนติดนิสัย ไม่ว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่สลักสำคัญ จนกระทั่งเรื่องใหญ่ที่ผิดกฎหมาย หรือกระทบกระเทือนอนาคตและผลประโยชน์ของบ้านเมือง ก็โกหกไปเสียทุกเรื่อง

คนอย่างนี้ ถึงจะไม่มีกฎหมายห้ามว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่ก็น่าจะมีกฎหมายธรรมหรือกฎหมายธรรมชาติห้าม ว่าคนอย่างนี้อย่าว่าแต่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเลย แม้แต่จะเล่นการเมืองก็ไม่สมควร เพราะเมื่อคนรู้ความจริงมากๆ เข้า ไม่ใช่แต่คนคนนั้นจะเสื่อมเสีย ประเทศชาติก็จะขาดความเชื่อถือ ใครเขาก็ไม่อยากจะคบด้วย ผลที่สุดบ้านเมืองก็จะเสียหายย่อยยับ

ผู้เขียนจะไม่ขอย้ำถึงวาจาหรือคำมั่นสัญญาทางการเมืองของทักษิณ ที่รู้กันอยู่ทั่วไป เช่น เรื่องเกี่ยวกับรัฐมนตรีคอร์รัปชัน เรื่องจะไปอภิปรายตอบข้อข้องใจในรัฐสภา เรื่องจะไม่ยุบสภา ฯลฯ แต่ความจริงมีอยู่มากมายกว่านี้ แทบจะเรียกว่า นับไม่ถ้วน อยากจะขอแนะนำให้สื่อ และนักวิจัยเก็บรวบรวมไว้เป็นกรณีศึกษา

แต่ผู้เขียนจะขอนำเสนอกรณีของทักษิณ ในฐานะนักธุรกิจ ที่ได้กระทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้หลีกเลี่ยงปิดบังความจริง หรือไม่ก็โกหกหรือยกเอาความเท็จมาอ้างดื้อๆ โดยไม่สามารถยืนยันหรือพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง ในที่สุด ก็ถูกศาลพิพากษาลงโทษ

สำหรับคดีที่ทักษิณจะต้องต่อสู้แก้ตัวในวันที่ 19 มิถุนายน 2549 นี้ ผู้เขียนขอแนะนำให้ท่านที่สนใจไปขอคัดสำนวนคดีและคำพิพากษาทั้ง 5 จากศาลที่เกี่ยวข้อง การขอคัดทุกวันนี้ง่าย เราไม่จำเป็นจะต้องขอรับรองสำเนาที่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องคอยผู้พิพากษา เราแค่ขอถ่ายสำเนาโดยเครื่องเพื่อนำมาศึกษาเท่านั้นก็พอ ยื่นคำขอเดี๋ยวนั้น ถ่ายเดี๋ยวนั้น ได้เลย

เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีบุคคลผู้หนึ่งโพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์ต่างๆ ดังนี้

“ขณะที่ผมรับราชการเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาในช่วงระหว่างปี 2530 ถึง 2536 มีคดีเช็คเรื่องหนึ่งขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกา คดีนี้เป็นเรื่องจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ จ่ายเช็คแก่เจ้าหนี้เพื่อชำระหนี้ ต่อมาเช็คเด้ง เจ้าหนี้จึงนำคดีมาฟ้องลูกหนี้เป็นจำเลยต่อศาล

เมื่อคดีมาสู่ศาลลูกหนี้ซึ่งเป็นจำเลยต่อสู้คดีว่า จำเลยไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใดๆ กับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นโจทก์ ลายเซ็นชื่อจำเลยในเช็คพิพาทเป็นลายเซ็นปลอม

ในที่สุดคดีนี้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จริง และลายเซ็นชื่อจำเลยในเช็คพิพาท ก็เป็นลายเซ็นชื่อของจำเลยจริง มิใช่เป็นลายเซ็นปลอมดังที่จำเลยอ้าง จึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามฟ้อง เป็นเงิน 1,300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

คดีดังกล่าวคือคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2532 คดีระหว่าง นางชม้อย เชื้อประเสริฐ (โจทก์) พันตำรวจตรีทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) จำเลย

ท่านผู้ใดสงสัยอยากศึกษารายละเอียดของคดีนี้ หาอ่านได้ที่ห้องสมุดของศาลฎีกา หรือห้องสมุดของเนติบัณฑิตยสภา

ผมหนักใจสถานการณ์บ้านเมือง ที่เรามีผู้นำประเภทนี้

อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา”

เมื่อทำการตรวจสอบปรากฏว่าจริง พันตำรวจตรีทักษิณ ชินวัตรเป็นจำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า ตนมิได้สลักหลังเช็คและมิได้เป็นหนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อและพิพากษา ให้ทักษิณแพ้ ศาลฎีกาสรุปว่า “ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คตามฟ้อง และเหตุที่จำเลยที่ 1 จะออกเช็คตามฟ้อง และจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลังก็เกิดจากมูลหนี้ดังที่โจทก์นำสืบ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คตามฟ้องให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ฎีกาข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้ศาลฎีกาตั้งผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้สลักหลังในเช็คตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ไว้แล้ว จึงไม่สั่งซ้ำอีก พิพากษายืนให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 3,000 บาทแทนโจทก์” องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา:นายบุญส่ง คล้ายแก้ว นายประมาณ ชันซื่อ นายนิเวศน์ คำผอง

ผู้เขียนไม่ทราบว่าเป็นครั้งที่เท่าไรที่ทักษิณโกหกศาล แต่ครั้งนี้ก็ไปไม่รอดทั้ง 3ศาล!!

ถ้าหากพี่น้องชาวไทย ทั้งที่รักทักษิณ และที่ชังทักษิณ สมาชิกพรรคไทยรักไทย คาราวานคนจน ฯลฯ จะพากันไปสวดมนต์ภาวนาช่วยทักษิณ และไปช่วยกันฟังการพิจารณาของศาล ณ ศาลอาญาใต้ สนามหลวง ในวันที่ 19 มิถุนายน 2549 นี้ ก็จะดีเป็นอย่างยิ่ง

พวกเราจะได้รู้กันว่า บัดนี้ทักษิณได้ถูกตัดสินว่าโกหกศาลไปแล้วถึง 8 ศาล คือ 3 ศาลในคดีเช็ค และ 5 ศาลในคดีที่ฝรั่งฟ้องกลับ กำลังจะเป็น 9 ศาลในคดีแพ่งฎีกาเร็วๆ นี้ สำหรับคดีในวันที่ 19 ซึ่งอาจจะต้องสู้กันถึง 3 ศาล หากอนุมานจากวิธีการและสันดานเดิมของทักษิณก็อาจจะรวมเป็น 12 ศาล

ผู้เขียนจึงอยากให้ความเป็นธรรมแก่ทักษิณ โดยขอให้กองเชียร์ของทักษิณไปฟังกันมากๆ เสร็จแล้วจะได้ขอคัดสำเนาคำตัดสินคดีก่อนๆ ไปแจกกันให้ครบ 20 ล้านตามจำนวนสมาชิกพรรค หรือตามจำนวนจริงๆ ที่ กกต.อนุมัติเงินสนับสนุนโดยมิได้โกหก พวกเราจะได้พากันเรียนรู้วิธีโกหกโดยสุจริตใจเอาไว้ใช้กันให้ทั่วประเทศไทย

แต่ช้าก่อน ถ้าพวกเราคิดว่าการโกหกศาลของทักษิณจะมีอยู่แค่นั้น ยังจะมีคดีอีกเป็นจำนวนมากทั้งที่ทักษิณเป็นโจทก์และเป็นจำเลยที่กำลังจะทยอยเปิดตัวออกมาเรื่อยๆ ทำนองเดียวกับคดีสุภิญญา กลางณรงค์ เป็นต้น หากนับดีๆ ผู้เขียนเกรงว่าจะถึง 100 คดีเสียก็ไม่รู้ มิหนำซ้ำยังมีคดีในต่างประเทศทั้งในอดีตและอาจจะในอนาคตอีก ซึ่งผู้เขียนจะนำมาแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างเพียง 1 คดี

นั่นก็คือ คดีที่ศาลสูง มลรัฐวอชิงตัน มีบริษัทในมลรัฐฮาวายเป็นโจทก์ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และนางพจมาน ชินวัตร เป็นจำเลย ซึ่งทักษิณ ชินวัตร ไปให้การต่อศาลด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) ก่อนที่ทักษิณจะขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ 6 เดือนกับ 5 วัน

ผู้เขียนขอลอกข้อความบางตอนมาจากรายงายของศาลดังต่อไปนี้

IN THE SUPERIO COURT OF THE STATE OF WASHINGTON
IN AND FOR COUNTY OF KING

Date: April 20, 1994
SHINAWATRA 2

APPEARANCES ปรากฏตัวต่อศาล

For the Plaintffs ฝ่ายโจทก์ Richard W. Pierson
ที่อยู่
Paul G. Eklund
ที่อยู่
For the Defendants: ฝ่ายจำเลย Howard D. Stambor
ที่อยู่
เต็มใจ ดามาพงศ์
สมพร พงศวร
ชานน สุวะสิน
พานทองแท้ ชินวัตร

คำให้การ SHINAWATRA/ Eklund 128

Q . So I think you described , when Mr.Pierson was examining you, you describes initially the joint venture-well, I won’t guess. I will look at my own notes. Oh, yes, I think you said. In general, you would do the political side, which meant obtaining a license to get the frequencies and that Mr.Monson’s company would do, you called it, the managing. He would help with the MMDS and the set up.
A. Technical.

Q. The technical. As part of what you contemplated doing in your part of the Video Link agreement, would that have included a payoff to try to get the license?
A. Entertainment.

Q. Would that have been $ 60,000 for that amount?
A. I can’t remember.

Q. But there was some sort of, you said, entertainment fee?
A. Entertainment. Yes, we have to entertain.

Q. That was a successful way to try to get the license?
A. Not necessarily. You have to help yourself in terms to be able to abide by the rules and regulations.

Q. So it is both. It is both abiding by the rules and showing what Americans call deference to the custom of entertainment?
A. Uh-huh, entertainment.

Q. But you don’t remember what the amount was of the entertainment fee?
A. Quite small to me. It is quite small, not big. If you pay a bribe, it is probably very big. It is not small.

Q. A bribe would be large and an entertainment fee would be small?
A. Yes. Yes.

Q. WOULD IT SURPRISE YOU IF THERE WERE RECORDS THAT SHOWED THAT IT WAS 60,000 U.S.?
A. No, not surprising. That amount is not much.

Q. Is that in the small range, the entertainment range?
A. Yes, that is entertainment.
กำลังโหลดความคิดเห็น