xs
xsm
sm
md
lg

บึ้มใต้ตอกย้ำรัฐบาลบ้อท่า อัดแม้วหนีปัญหาไปตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนร้ายปฏิบัติการตอกย้ำรัฐบาลหมดสภาพดับไฟใต้ บึ้มอีกกว่า 10 จุด รถปลัดฯกาบัง เมืองยะลากระจุยทั้งคัน สาหัสทั้งสามี-ภรรยา จนท.สนธิกำลังจู่โจมรวบ 6 ผู้ต้องสงสัยในรือเสาะ เป็นชาวอินโด 1 ขณะแบ่งเงินค่าจ้างปฏิบัติการให้ลูกทีม ผู้ว่าฯนราธิวาส เผยกลุ่มก่อการร้ายยังไม่หยุด วางแผนใช้ประทัดยักษ์ป่วน 200 จุดใน 3 จชต. เตือนประชาชนอย่าหวั่นไหวข่าวลือระเบิดพลีชีพ "ทักษิณ"ลอยตัวหนีปัญหาไปคาซัคสถาน โยน "ชิดชัย"ก้มหน้าแก้ปัญหาเอง ปชป.ระอา"แม้ว"จวกไฟใต้รุนแรง แต่กลับบินไปต่างประเทศปฏิเสธรับผิดชอบปัญหา

หลังจากเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ได้แสดงศักยภาพปฏิบัติการเยาะเย้ยฝีมือรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีว่าไร้น้ำยาในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วยการวางระเบิดกว่า 50 จุดแล้ว

ในวันรุ่งขึ้นของเช้าวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายก็ได้ลงมือปฏิบัติการตอกย้ำความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลอีกครั้ง ด้วยการวางระเบิดในลักษณะเดียวกันอีกกว่า 10 จุดทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นห้องน้ำ ในบริเวณสถานีรถไฟ โดยเหตุเกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เริ่มที่ จ.ยะลา ในเวลา 06.50 น.ได้เกิดระเบิดที่ห้องน้ำชายของสถานีรถไฟยะลา เขตเทศบาลนครยะลา เป็นระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยนาฬิกา โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

**บึ้มรถปลัดสาหัสพร้อมภรรยา

เวลา 09.00 น.เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.กาบัง บริเวณสามแยกมะนังดามา โดยคนร้ายลอบซุกซ่อนระเบิดไว้ใต้ท้องรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีเทาดำ ทะเบียน บพ 7034 สงขลา ที่นายมุสตอฟา มะสะอะ ปลัดอำเภอกาบัง ขับมาพร้อมกับนางปาวีณา มะสะอะ ภรรยา แรงระเบิดทำให้รถพังยับเยินและปลัดอำเภอกับภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

เวลา 10.30 น.เกิดระเบิดที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟรามัน เขตเทศบาลตำบลกายูบอเกาะ อ.รามัน ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 2 เมตร โดยคนร้ายซุกซ่อนระเบิดภายในกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ มีต้นหญ้าปกคลุมอยู่ เป็นระเบิดแสวงเครื่องใช้นาฬิกาดิจิตอลจุดชนวน

ที่ จ.ปัตตานี เกิดระเบิดในห้องน้ำชายภาย ในสถานีรถไฟปัตตานี อ.โคกโพธิ์ เป็นแบบแสวงเครื่อง ตั้งเวลา 06.30 น.เป็นแบบเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ระเบิดลักษณะนี้เป็นระเบิดรูปแบบใหม่มีอานุภาพร้ายแรงมาก และเพิ่งมีการนำมาใช้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

**นราฯโดนอีก 7 จุด-ปชช.สาหัส 3

ที่ จ.นราธิวาส ได้เกิดระเบิดขึ้น 7 จุด 4 อำเภอในเวลาไล่เลี่ยกัน 06.50 น.โดยจุดแรกที่บริเวณห้องน้ำสถานีรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ จุดที่ 2 บริเวณห้องน้ำสถานีรถไฟมะรือโบตก หมู่ 1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จุดที่ 3 บริเวณสถานีชานชาลารถไฟสุไหงโก-ลก จุดที่ 4 พบถุงต้องสงสัยสีดำวางอยู่บริเวณช่องขายตั๋วสถานีรถไฟบ้านลาโล๊ะ อ.รือเสาะ แต่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ไว้ได้ จุดที่ 5 ที่บริเวณกระถางต้นไม้หน้าห้องอาหารเพิร์ล ริมถนนสายรือเสาะ-พิธาน บ้านปะดอ หมู่.3 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ห่างจากที่ว่าการอำเภอรือเสาะประมาณ 500 เมตร เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่องแรงดันต่ำ น้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัมเหมือนกันทั้งหมด โดยตั้งเวลาระเบิดไว้ที่ 06.50 น.

ส่วนจุดที่ 6 เหตุเกิดในเวลา 12.30 น.ที่ร้ายอาหาร "ตุ้ย ส้มตำ-คาราโอเกะ" ตั้งอยู่เลขที่ 89/13 ถนนสายตากใบ-นราธิวาส บริเวณสามแยกตากใบ-สุไหงโกลก บ้านบางน้อย หมู่ 4 ต.เจะเห อ.ตากใบ ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย คือ 1.นายถนอม บ่อแก้ว อายุ 58 ปี, 2.นายประเสริฐ เพริศวงศ์ อายุ 48 ปี และ 3.นายสุภาพ มูลา อายุ 40 ปี รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหาย 3 คัน

จุดที่ 7 เกิดขึ้นในเวลา 15.00 น.ที่บริเวณห้องน้ำชายของปั๊มน้ำมัน พี.ที.หจก.ฟานบริการ เลขที่ 14/1 ริมถนนสายรือเสาะ-ยะลา บริเวณหมู่ 1 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนรือเสาะวิทยา เป็นระเบิดชนิดแสวง

**บุกจับชาวอินโด - นำตัวไปสอบ

เช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองใน อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้สนธิกำลังกว่า 100 นายเข้าตรวจค้นหมู่บ้านเป้าหมาย 3 จุด คือ หมู่ 5 ต.บองอ พบชายชาวอินโดนีเซีย 1 คนตรวจค้นบ้านพบถุงปุ๋ยยูเรียไนเตรทน้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม เศษตะปูเรือใบจำนวนหนึ่ง จึงควบคุมตัวไปสอบที่ สภ.อ.ระแงะ แต่ชายคนดังกล่าวพูดภาษาไทยไม่ได้ จึงควบคุมตัวนางรอเมะ บือซา ภรรยามาสอบสวน

ในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหารายนี้ชื่อ นายซัยรี บิน อาแมรูดิง อายุ 37 ปี เป็นชาวเกาะสุมาตราประเทศอินโดนีเซีย ตรวจสอบไม่มีหลักฐานการเข้าเมือง และให้การในเบื้องต้นว่าหลบหนีเข้ามาพักอาศัยอยู่ร่วมกับภรรยามานาน 2 ปี โดยหลบหนีเข้าเมืองข้ามเข้ามาทางช่องเถื่อนทางด้านแม่น้ำสุไหงโก-ลก โดยทางเรือ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนขยายผลว่าเป็นผู้ร่วมในการก่อเหตุป่วนใต้หรือไม่

**รวบ 5 แกนนำขณะแบ่งเงินกัน

ต่อมาช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ระแงะ ได้สนธิกำลังทหาร และฝ่ายปกครองกว่า 150 นาย เข้าตรวจค้นในพื้นที่บ้านบาโงกูโบหมู่ 6 ต.บองอ อ.ระแงะ หลังได้รับรายงานจากสายข่าวว่ามีกลุ่มแกนนำและแนวร่วม หลบซ่อนตัวอยู่โดยสามารถควบคุมตัวกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ 5 คนพร้อมอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ม.ม. 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 5 นัด อาวุธปืนพกสั้นขนาด .357 ม.ม. พร้อมเครื่องกระสุนปืน 34 นัด นำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.อ.ระแงะ ก่อนควบคุมตัวไปที่ ศปก.ตร.ส่วนหน้า จ.ยะลา เพื่อสอบสวนขยายผลในคดีความมั่นคงต่อไป

ชายทั้ง 5 คนประกอบด้วย 1.นายเปาซี นิสาเระ อายุ 44 ปี, 2.นายมูฮำหมัดซากียา นิสาเระ อายุ 38 ปี, 3.นายอาแว นิสาเระ อายุ 51 ปี, 4.นายมามุ มาลี อายุ 46 ปี และ 5.นายยาวารี วามะ โดย 1 ใน 5 คือ นายเปาซี นิสาเระ เป็นผู้ต้องสงสัยที่ถูกออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.ระแงะ และอำเภอใกล้เคียงหลายจุด และยังเป็นหัวหน้าแกนนำสมาชิก อาร์.เค.เค.รับเงินจากผู้ว่าจ้างเพื่อไปใช้จ่ายในการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ขณะที่ถูกจับกุม นายเปาซีอยู่ระหว่างแบ่งเงินว่าจ้างให้กับแนวร่วมทั้ง 4 คน

**เผยคนร้ายยังมีระเบิดอีก 200 ลูก

นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า ขณะนี้มีข่าวแจ้งเตือนว่ากลุ่มก่อความไม่สงบได้วางแผนเตรียมป่วน 3 จังหวัดภาคใต้อีกครั้ง โดยการใช้ประทัดยักษ์กว่า 200 ลูก โดยการนำประทัดที่มีขนาดเล็กทำให้ซุกซ่อนและพกพาได้ง่าย สามารถนำไปก่อเหตุในสถานที่ต่างๆ ได้ แม้อานุภาพจะไม่ร้ายแรง แต่ก็ส่งผลทางจิตวิทยาสร้างความวิตกกังวล ความไม่มั่นใจในความปลอดภัย ทำให้การค้า-ลงทุน และการท่องเที่ยวชะงักอีกระลอก

ส่วนขณะนี้มีข่าวลือว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายได้นำระเบิดแบบพลีชีพเข้าพื้นที่ 3 จังหวัดแล้วนั้น นายประชา กล่าวว่า ขอให้ประชาชนอย่าหวั่นไหว ต้องช่วยกันดูแลสอดส่องระวังเหตุเป็นดีที่สุด หากตื่นตระหนกก็จะเป็นผลดีต่อกลุ่มก่อเหตุนี้หวังโชว์ผลงานเพื่อรับเงินจากต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับว่ามีความเกี่ยวโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการนำคนไปเลี้ยงดูหวังผลให้กลับมาก่อกวนในพื้นที่จำนวนมาก และแม้จะมีการพลีชีพก็ไม่สามารถระงับเหตุได้ และไม่ควรไปขยายผลให้คุณค่าต่อการกระทำดังกล่าว เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ยากขึ้น เพราะพื้นที่นั้นกว้างขวาง

"การทุ่มกำลังตรวจตรากัน 24 ชั่วโมง ก็ป้องกันอะไรไม่ได้เมื่อฝ่ายตรงข้ามจ้องจะก่อเหตุอยู่แล้ว ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุระเบิดไล่เลี่ยกันใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็ยังไม่มีการปรับแผนดูแลความปลอดภัยสถานที่ราชการแต่อย่างใด เนื่องจากสามารถป้องกันเหตุได้น้อย ยกเว้นการดึงประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบต่อเหตุความไม่สงบในวงกว้างให้มีส่วนร่วมในการป้องกันเหตุกับภาครัฐเป็นดีที่สุด" นายประชา กล่าว

**"ทักษิณ"ไม่ชัดเจนจะลงใต้เมื่อไร

ที่ บน.6 วันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดการประชุมว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์และการแสวงหาความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย ครั้งที่ 2 ที่คาซัคสถาน ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เมื่อคืนได้หารือกับ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงแล้ว ซึ่ง พล.ต.อ.ชิดชัย ได้เล่าให้ฟังถึงปัญหาต่างๆ และจะไปประชุมตั้งแต่วันนี้เพื่อปรับแผนในสิ่งที่ได้สั่งการไปแล้วและติดตามเรื่องที่ยังไม่คืบหน้า ต้องแก้ไข และทำงานกันต่อไป ส่วนเรื่องที่ไม่คืบหน้ามีอะไรบ้างนั้น พล.ต.อ.ชิดชัย จะเป็นผู้ดูแลและอธิบายให้ฟัง

ส่วนหลังจากเดินทางกลับจากคาซัคสถานแล้วจะลงพื้นที่ภาคใต้เลยหรือไม่นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ต้องรอให้ทาง พล.ต.อ.ชิดชัย ประเมินสถานการณ์และบอกมาอีกครั้งว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งตนยอมรับว่ามีความเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก

จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินเข้าไปในห้องรับรองของท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ขณะที่ พล.ต.อ.ชิดชัย ได้เดินทางมารายงานสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้รับทราบ ก่อนที่ พล.ต.อ.ชิดชัย จะหลบผู้สื่อข่าวที่รอสัมภาษณ์ โดยไปขึ้นรถของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรักษาการนายกรัฐมนตรีออกไป ขณะที่รถของ พล.ต.อ.ชิดชัย ได้ขับตามหลังไป

**ชี้บึ้มใต้ไม่ได้บ่งชี้มีแนวร่วมเพิ่ม

ที่ บก.สูงสุด พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด เปิดเผยรายงานผลสรุปเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของวันที่ 15 มิ.ย.ว่า ตัวเลขขณะนี้ยังไม่แน่นอน แต่จะเห็นได้ว่าการระเบิดไม่ได้หวังผลในการทำลาย เป็นการหวังผลด้านจิตวิทยามากกว่า เพื่อทำให้เห็นว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบสามารถปฏิบัติการได้ ซึ่งการเกิดเหตุหลายจุดพร้อมกันยังไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่า ขบวนการดังกล่าวมีแนวร่วมมากขึ้น แต่เราก็ต้องทบทวนตัวเอง ต้องฟื้นฟูการปฏิบัติต่าง ๆ ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น

"การทำงานที่ผ่านมาของเราดีอยู่แล้ว การข่าวก็ดี แต่พื้นที่ค่อนข้างกว้าง เราจึงไม่รู้ว่าใครจะมาทำอะไรบ้าง ระเบิดที่วางก็ไม่ได้ใช้เวลาอะไรมาก บางพื้นที่เป็นประทัด เพื่อทำให้เกิดเสียงดังเท่านั้นเอง เป็นการสร้างผลทางจิตวิทยาเท่านั้น" พล.อ.เรืองโรจน์ กล่าว

ผบ.ทหารสูงสุด ยืนยันว่า สถานการณ์ในภาคใต้ขณะนี้ยังอยู่ในขีดความสามารถที่ควบคุมได้ เพียงแต่เราต้องเพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติให้มากกว่านี้ ทั้งนี้ ในเรื่องของเอกภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน เป็นไปด้วยดี ซึ่งเหตุระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ตัวชี้วัดว่างานของเราไม่ได้ผล เป็นความต้องการแสดงออกของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบว่า เขายังดำรงอยู่เท่านั้น

พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รักษาการ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ที่ จ.สระบุรี ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยยังยืนยันว่า การข่าวได้มีการแจ้งล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการก่อเหตุ แต่เราไม่สามารถลงรายละเอียดได้ว่าจะมีการก่อเหตุอย่างไร และจุดใด เมื่อถามว่าเมื่อมีการข่าวแจ้งล่วงหน้าแล้วทำไมเหตุการณ์ยังเกิดขึ้นอีก พล.อ.อ.คงศักดิ์ แก้ต่างว่า เราแจ้งล่วงหน้าในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแจ้งเตือนและป้องกันได้ 100% ในส่วนที่เสียชีวิตต้องยอมรับว่า เขาเปลี่ยนเป้าหมาย ซึ่งเราต้องพยายามติดตามต่อไป

**ปชป.จวกแม้วไม่รับผิดชอบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงสถานการณ์และคาดว่าจะลงพื้นที่ในช่วงปลายเดือนนี้ ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องทบทวน คือ เกิดเหตุระเบิดพร้อมกันในหลายจุด แสดงว่ามีการประสานงานเครือข่ายอย่างเป็นระบบ สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งดู คือ เมื่อคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) สรุปเรื่องแล้ว ก็ควรมีท่าทีที่ชัดเจนว่าส่วนไหนจะปรับการทำงานได้ ก็ทำให้เป็นนโยบายไป แต่ส่วนใดที่ทำไม่ได้ ก็ให้ไปปรึกษาเพิ่มเติมกับ กอส.แต่ถ้าทิ้งสภาพไว้เช่นเดิม ก็ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจจะทิ้งช่วงบ้าง แต่เหตุการณ์เมื่อวานนี้ก็เป็นตัวยืนยันแล้ว

นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกสำนักเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคได้ให้ความสนใจและมีการพูดคุยกันอย่างมากว่าจะต้องหาวิธีการที่จะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้โดยนายอภิสิทธิ์ ได้แสดงเจตนาที่จะลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชน แต่สิ่งที่สมาชิกพรรคหลายคนลงความเห็นนั้น คือ สถานการณ์เกิดขึ้นซ้ำซาก แต่ยังไม่เห็นรัฐบาลเอาใจใส่อย่างจริงจัง

"สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุด แต่นายกฯกลับเมินเฉยปลีกตัวไปต่างประเทศและให้ความสนใจกับสถานการณ์ภาคใต้น้อยมาก ทั้งที่ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากความผิดพลาดทางนโยบายของรัฐบาลเอง แต่ไม่เห็นรัฐบาลจะแสดงความรับผิดชอบ เช่น กรณีครูจูหลิง มีการโยนความรับผิดชอบให้กับผู้ว่าฯและแม่ทัพภาคที่ 4 รับไป แต่รัฐบาลไม่มีท่าทีอะไร แม้แต่คำว่าขอโทษและแสดงความเสียใจ" นายเทพไท กล่าว

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้ปรับแผนแก้ปัญหาสถานการณ์ภาคใต้นั้น นายเทพไท กล่าวว่า เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงรัฐบาลก็จะปรับแผนครั้งหนึ่ง เรียกว่าปรับไปเรื่อยๆ ซึ่งหลายคนบอกว่า สิ่งที่ควรปรับอย่างเดียวก็คือปรับตัวนายกฯออกไปแล้วปัญหาทุกจะคลี่คลาย
กำลังโหลดความคิดเห็น