xs
xsm
sm
md
lg

60 ปี ที่ทรงเป็นพลังของแผ่นดิน (4)

เผยแพร่:   โดย: นายภักดีราช

พระนามภูมิพลอันสูงส่งเหนือความคิดจิตใจ เหนือเศียรเกล้าของคนไทยทั้งประเทศนั้น มีผู้กล่าวถึงพระนามนี้ว่าคือพลังแผ่นดิน นั่นคือทรงเป็นบ่อเกิดแห่งพลังและทรงเป็นทั้งพลังของแผ่นดินแห่งสยามประเทศนี้

ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งพลังก็เพราะเหตุที่ทรงบำเพ็ญพระองค์ดุจดั่งประทีปอันสว่างไสว แผ่พลังอันยิ่งใหญ่นำพามวลมหาประชาชนให้ก้าวพ้นจากความทุกข์ยากลำบากและล้าหลัง สู่ความร่มเย็นเป็นสุขและรุ่งเรืองตามควรแก่อัตภาพ

ทรงเป็นพลังก็เพราะเหตุที่พระองค์เองนั้นเปี่ยมด้วยพลังยิ่งฟ้ามหาสมุทร ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย มิรู้ยากลำบาก มิรู้จักหยุดหย่อนตลอดระยะเวลาอันยาวนานจวบถึงกาลบัดนี้ ยากที่จะมีมนุษย์ผู้ใดมีพลังและเป็นพลังดังนี้เลย

พลังของแผ่นดินนั้นเป็นนัยหนึ่ง แต่ก็ยังมีความหมายอีกนัยหนึ่งคือพลังแห่งโลกธาตุ นั่นคือพลังแห่งภูมิธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ และอากาศธาตุ ภูมิทั้งห้านี้คือภูมิแห่งจักรวาลอันมีมาในจักรราศีและโลกธาตุทั้งปวง

พระราชกรณียกิจตลอดระยะเวลาอันยาวนานได้ประจักษ์ถึงความเป็นพลังแห่งโลกธาตุดังกล่าวนี้อย่างชัดเจน หาไม่แล้วพระราชอาณาจักรนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องดิน น้ำ ลม ไฟ และมลภาวะในอากาศที่หนักหนาสาหัสกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากมายหลายเท่านัก

โลกทุนนิยมคุกคามไปทั่วโลก พัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพัฒนาประเทศได้ทำลายความอุดมสมบูรณ์ ความบริสุทธิ์ของดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศธาตุอย่างย่อยยับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกหนทุกแห่งทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระปรีชาสามารถ มีพระปัญญาทัศน์ที่เล็งเห็นการณ์ไกลและไกลออกไปนับสิบๆ ปี ทรงเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งๆ ที่ไม่มีใครมองเห็น

ดังนั้นในขณะที่ประเทศไทยดำเนินการตามแผนพัฒนาฯ เพื่อให้เป็นประเทศอารยะหรือเป็นประเทศพัฒนาเหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลาย โดยได้ยอมรับเอาอิทธิพลยุคอุตสาหกรรมและอิทธิพลทุนนิยมเสรีเข้ามาในประเทศอย่างไม่เลือกเฟ้นนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงเล็งเห็นด้วยพระปรีชาญาณแต่กาลโพ้นมาแล้วว่าอันตรายใหญ่หลวงที่จะบังเกิดแก่พระราชอาณาจักรและพสกนิกรของพระองค์ในเรื่องดิน เรื่องน้ำ เรื่องลม เรื่องไฟ และเรื่องมลภาวะอากาศนั้นหนักหน่วงยิ่งนัก

เพราะเหตุนี้จึงทรงนำ ทรงเริ่ม และทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างในการรักษาฟื้นฟูบูรณะและพิทักษ์ไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์และความบริสุทธิ์ของดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศของพระราชอาณาจักรนี้

มองย้อนไปให้ดีเถิดก็จะเห็นได้อย่างกระจ่างว่าบรรดาพระราชกรณียกิจมากหลายนั้นส่วนใหญ่แล้ว โดยมากแล้วเป็นไปเพื่อการพิทักษ์รักษา ฟื้นฟู บูรณะดิน น้ำ ลม ไฟ และมลภาวะทางอากาศของพระราชอาณาจักรนี้

เริ่มกันที่เรื่องน้ำ แบบอย่างมีมาแล้วตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงเล็งเห็นอย่างชัดเจนว่าน้ำคือที่ตั้งแห่งความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์ของพระราชอาณาจักร

ในครั้งนั้นจึงทรงโปรดเกล้าฯ เปิดให้มีการสัมปทานขุดคลองสร้างแหล่งน้ำทั่วทั้งกรุงเทพมหานครและรอบนอก เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวของพื้นที่เกษตร และตอบสนองต่อความต้องการของอาณาประชาราษฎร

เป็นเหตุให้แหล่งน้ำของกรุงเทพมหานครและรอบนอกเพิ่มพูนขึ้นกว่าแต่กาลก่อนเป็นอันมาก ทำให้ภาคเกษตรขยายตัวไปอย่างอุดมสมบูรณ์ เป็นรากฐานทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในยุคนั้น ทั้งเป็นรากฐานแห่งการพัฒนาจากความเป็นจริงของประเทศไทยที่ถูกตรงกับสภาพการพัฒนาในขณะนั้นด้วย

แต่เมื่อมีการพัฒนาประเทศตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 เป็นต้นมาแล้วทิศทางพัฒนาของประเทศก็ก้าวไปในทิศทางอุตสาหกรรม

ที่ราบลุ่มอันเหมาะสมแก่การเกษตรถูกใช้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรม ผลักขับให้ภาคเกษตรต้องไปทำอยู่บนที่สูงและที่ดอย อันไม่อุดมสมบูรณ์ทั้งเรื่องดิน เรื่องน้ำเลย มิหนำซ้ำในพื้นที่ราบลุ่มซึ่งได้ถูกดัดแปลงมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมก็ได้ทำลายแหล่งน้ำให้น้อยลงและให้เสื่อมคุณภาพจนคนและสัตว์พึ่งพาอาศัยไม่ได้

ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมานี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทุ่มเทพระสติปัญญา พลังกาย พลังใจเป็นอันมาก เพื่อสร้าง เพื่อพัฒนา และบูรณะรักษาไว้ซึ่งแหล่งน้ำอย่างจริงจัง

บรรดาเขื่อนทั้งหลายที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ในประการต่างๆ ของประเทศล้วนปรารภเหตุด้วยน้ำพระทัยที่เมตตาต่อพสกนิกรและด้วยพระปรีชาญาณอันยาวไกลของพระองค์ท่านทั้งสิ้น

ไม่มีเขื่อนไหนเลยที่เกิดขึ้นจากการริเริ่มของบุคคลอื่น แต่ด้วยพระบารมีผู้เกี่ยวข้องทุกหมู่เหล่าจึงได้พร้อมเพรียงกันสนองพระราชดำริ สนองพระราชกระแส ทำให้เขื่อนทั้งหลายได้เกิดขึ้นและอำนวยประโยชน์แก่อาณาประชาราษฎรมิให้อนาทรเดือดร้อนจนบัดนี้

เขื่อนภูมิพลและเขื่อนที่ทรงพระราชทานนามทุกๆ เขื่อนล่าลำดับมาจนกระทั่งถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ซึ่งอำนวยประโยชน์ยิ่งใหญ่ให้แก่คนไทยในวันนี้ล้วนเป็นมาเนื่องแต่น้ำพระทัยและพระปัญญาทัศน์อันกว้างไกลของพระมหาราชเจ้าพระองค์นี้ทั้งสิ้น

หลายคนจึงถึงกับอุทานด้วยความลืมตัวเมื่อไปยืนอยู่ริมเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ว่าเห็นเขื่อนและน้ำในเขื่อนนี้แล้วทอดตาไปยังขอบฟ้าเบื้องหน้าราวกับว่าได้เห็นพระเจ้าอยู่หัวฉะนั้น

พระผู้ทรงเป็นภูมิพลังแห่งธาตุน้ำจงทรงพระเจริญเถิดพระพุทธเจ้าข้า ปวงประชาเห็นน้ำ สัมผัสน้ำ อาบน้ำ ดื่มน้ำที่ไหนในวันนี้ก็เพราะได้อาศัยพระบารมีของพระองค์ ได้อิ่มหนำฉ่ำเย็นเป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ตลอดไปในกาลเบื้องหน้านั้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น