xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 24 เพื่อนใหม่ในเมืองกรุง

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

พอนักเรียนเงียบเสียงลง ครูสุมนาจึงพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่านี่พวกเธอการเป็นนักเรียนนั้นไม่ใช่สักแต่เรียนหนังสืออย่างเดียว ต้องเรียนให้เก่งด้วย ต้องกล้าหาญด้วย พ่อคนนี้ครูใหญ่ซึ่งพวกเธอทุกคนก็รู้ดีว่าเข้มงวดอย่างไร ยังยอมรับยกย่องว่าเป็นคนเก่งคนกล้า แต่เมื่อมาเรียนร่วมกับพวกเราแล้วครูจะให้เขาเล่าความเป็นมาจะได้รู้จักกันไว้ กล่าวแล้วครูสุมนาก็หันหน้ามาสั่งผมว่าให้เล่าประวัติแต่ย่อๆ ให้เพื่อนร่วมชั้นได้ฟังสักหน่อยหนึ่ง

ครูสุมนานี้ให้ความรัก ให้ความใกล้ชิดกับศิษย์ทุกคน และรักที่จะใช้คำโบราณเรียกนักเรียนทุกคนว่าพ่อ เช่น พ่อพิสุทธิ์ พ่อสุพจน์ พ่อบุญเลี่ยม เป็นต้น สำหรับผมในขณะนั้นครูสุมนายังไม่รู้จักชื่อจึงเรียกว่าพ่อคนนี้

ในสมัยโบราณนั้นหากจะเรียกผู้ชายที่ใกล้ชิดสนิทสนมก็นิยมเรียกว่าพ่อนั่น พ่อนี่ หรือหากจะเรียกผู้หญิงที่ใกล้ชิดสนิทสนมก็จะเรียกว่าแม่นั่น แม่นี่ดังนี้ ซึ่งได้ยินได้ฟังแล้วก็จะรู้สึกว่าอบอุ่น ใกล้ชิด สนิทแน่นประดุจญาติฉะนั้น

ผมได้ยินคำสั่งของครูสุมนาก็รู้สึกประหวั่นใจ แต่ไม่ใช่เพราะกลัวหรือเกรงอะไร ที่ประหวั่นใจเช่นนั้นก็เพราะว่าแม้ผมจะเข้ามากรุงเทพฯ ร่วมสี่เดือนแล้วแต่ถ้อยร้อยภาษายังเป็นภาษาทองแดงคือเป็นสำเนียงของคนภาคใต้ที่พูดภาษากลางแบบคนกรุงเทพฯ ผมจึงเกรงว่าเมื่อพูดด้วยสำเนียงทองแดงก็จะเป็นที่ครื้นเครงหัวเราะของเพื่อนนักเรียน

แต่ครั้นนึกเสียว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ได้ที่เรียนแล้ว และได้เรียนห้อง ก. เสียด้วย จะพูดสำเนียงทองแดงไปก็เป็นไรมี เป็นไรก็เป็นกัน ผมนึกเช่นนั้นแล้วก็กวาดสายตาไปทั่วทั้งห้อง เห็นเพื่อนนักเรียน 5-6 คน โบกไม้โบกมือเป็นทีให้กำลังใจ

ในจำนวนนั้นมีสามคนที่ต่อมาภายหลังได้คบหากันสนิท ได้กรีดเลือดดื่มน้ำสาบานเป็นเพื่อนร่วมสาบานกันที่หน้าพระปรางค์วัดระฆังคือมนูญผล, ศิริศักดิ์ และอีกคนหนึ่งคือไสยวิชย์ แม้ไม่ได้กระทำพิธีดื่มน้ำร่วมสาบานแต่ก็รักใคร่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง ส่วนอีกสองคนเพิ่งเข้าเรียนในปีเดียวกันเป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรีทั้งคู่คือวิฑูรย์และกมลศักดิ์

สามคนแรกโบกมือให้กำลังใจก็เห็นจะเพราะบุรพกรรมที่เคยเป็นสหายสนิทกันมาแต่ปางก่อน ดังนั้นพอพบปะหน้ากันในครั้งแรกก็รู้สึกผูกพันรักใคร่ราวกับว่ารู้จักกันมานานปี ส่วนสองคนหลังโบกมือให้กำลังใจก็เห็นจะเป็นเพราะเป็นเด็กบ้านนอกคอกนามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ มีหัวอกเหมือนกัน

ผมข่มใจได้มั่นคงแล้วก็เล่าประวัติโดยย่อให้เพื่อนร่วมชั้นได้ฟังด้วยสำเนียงทองแดงแท้ พูดสิ้นประโยคหนึ่งก็มีเสียงหัวเราะของเพื่อนนักเรียนฮาลั่นดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง ผมก็นึกเสียว่าเพื่อนฝูงมันเยาะจึงมิได้ถือเป็นเรื่องละอายใจแต่ประการใด กลับคิดเป็นเรื่องสนุกสนาน เล่านิทานประวัติส่วนตัวโดยสังเขปไปจนจบ ก็ได้ยินเสียงปรบมือดังสนั่นทั้งห้อง

พอเสียงปรบมือเงียบลง ครูสุมนาก็มาหยิกที่แขนแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่าเธอนี่ช่างหน้าด้านไม่รู้จักอาย เพื่อนฝูงหัวเราะเยาะกลับทำเป็นเรื่องสนุกไปได้ ผมไม่ฟังเนื้อหาที่ครูพูด แต่ฟังน้ำเสียงและแววตาของครูก็รู้ว่าครูผสมเยาะซ้ำ แต่เป็นไปด้วยความเมตตาโดยแท้ ผมก็กระทำคำนับแล้วกล่าวว่าขอบคุณครับครู

ครูสุมนาไล่ผมไปนั่งโต๊ะเรียนด้านหลังสุดของห้องซึ่งเป็นเก้าอี้นักเรียนที่นั่งได้สองคนแต่มีคนนั่งอยู่คนหนึ่ง ได้ยินเสียงครูสุมนากล่าวขึ้นว่าโบ๊ะลักให้เขานั่งเรียนกับเธอนั่นแหละ

ผมจึงได้รู้ว่าเพื่อนนักเรียนร่วมโต๊ะของผมชื่อโบ๊ะลักและใช้แซ่ ต่อมาจึงได้รู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นของผมส่วนใหญ่เป็นลูกคนจีน หลายคนยังใช้ชื่อจีน เช่น เกี้ยงซินหรือโบ๊ะลักคนนี้เป็นต้น บางคนแม้จะใช้ชื่อเป็นไทยแล้วแต่ยังคงใช้แซ่ บางคนแม้จะเปลี่ยนแซ่มาใช้นามสกุลแล้วแต่ดูนามสกุลก็รู้ได้ว่าเพิ่งเปลี่ยนมาจากการใช้แซ่ รวมความว่าเพื่อนร่วมชั้นของผมส่วนใหญ่เป็นลูกคนจีน

หลังจากจัดให้ผมได้โต๊ะนั่งเรียนหนังสือแล้วครูสุมนาก็เริ่มสอนต่อไป ในขณะที่ครูสุมนากำลังสอนเพื่อนนักเรียนก็หันมาตะโกนทักทายกับผมแทบทุกครั้งที่ครูสุมนาหันหน้าเข้าหากระดานดำที่ฝาผนังห้อง บ้างก็เขียนใส่เศษกระดาษขว้างมาที่ผม มีเนื้อหาแตกต่างกันไป แต่โดยเนื้อความรวมแล้วก็คือยินดีต้อนรับเพื่อนใหม่โว้ย ผมก็ยิ้มให้แต่ละคนไป

ครั้นเวลาใกล้เที่ยงครูสุมนาก็พาผมไปทำใบสมัครเข้าเรียน แต่ค่าเล่าเรียนผมไม่ได้เตรียมตัวมา แม้ว่าไม่กี่ร้อยบาทแต่เมื่อเงินไม่พอก็เท่ากับไม่มีเหมือนกัน ครูสุมนาจึงต้องออกเงินทดรองค่าเล่าเรียนให้ผมไปก่อน และบอกว่าวันหลังเอามาใช้ให้ครูก็แล้วกัน

ผมลงทะเบียนเข้าเรียนเสร็จแล้วครูสุมนาก็พาไปซื้อสมุดของโรงเรียนและซื้อหนังสือเรียนชั้น ม.ศ. 3 รวมทั้งเสื้อและกางเกงนักเรียนด้วย

เมื่อซื้อหาเครื่องเขียนแบบเรียนเสร็จแล้วผมก็หอบของพะรุงพะรังเอาไปไว้ในห้องเรียน มนูญผล ศิริศักดิ์ และไสยวิชย์มาชวนลงไปกินข้าวเที่ยงซึ่งขายที่บริเวณหน้าโรงเรียน ในมื้อนั้นมนูญผลเป็นเจ้าภาพเลี้ยง อาหารนักเรียนเป็นข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวและน้ำดื่มราคาไม่แพง แต่ก็ได้แสดงให้เห็นถึงน้ำใจไมตรีของเพื่อนชุดแรกและเป็นทางให้คบหากันมาโดยตลอด

ผมเข้าเรียนรอบบ่ายอีกรอบหนึ่ง ครั้นโรงเรียนเลิกเรียนผมนั่งรถเมล์สาย 23 กลับวัด ไปลงรถที่ท่าช้างวังหลวง แล้วเดินย้อนลัดสนามหลวงไปหาหมอปาน เห็นหมอปานนั่งดูหมอวุ่นวายอยู่ แต่พอเห็นหน้าผมหมอปานก็ทักว่าวันนี้เห็นทีจะประสพความสำเร็จกระมัง ผมก็พยักหน้า หมอปานก็ยิ้มให้แล้วทำหน้าที่ดูหมอต่อไป ส่วนผมก็นั่งรอจนเกือบห้าโมงเย็นหมอปานเสร็จธุระแล้วจึงชวนกันกลับวัดด้วยกัน

หมอปานบอกว่าวันนี้เป็นเวลาเย็นแล้วเราข้ามเรือไปที่ท่าพรานนก หาข้าวหาปลากินกันก่อนเพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จก็แล้วกัน ผมก็รับคำแต่โดยดี

พวกเรานั่งเรือจากท่าช้างวังหลวงข้ามไปท่าพรานนก และวันนี้คงเป็นวันแห่งความสำเร็จของพวกเรา เพราะผมก็ได้ที่เรียน ส่วนหมอปานก็ดูหมอได้เงินหลายบาทอยู่ หมอปานจึงว่าวันนี้เรากินข้าวหน้าเป็ดให้อิ่มเอมสักมื้อหนึ่ง เพราะในขณะนั้นต้องถือว่าข้าวหน้าเป็ดเป็นอาหารชั้นยอดของเด็กวัดแล้ว การเลี้ยงฉลองความสำเร็จด้วยข้าวหน้าเป็ดจึงเป็นการฉลองความสำเร็จครั้งแรกนับแต่เดินทางมากรุงเทพฯ

ที่ท่าพรานนกนั้นมีร้านอาหารมากมายและในจำนวนนี้ก็มีร้านขายข้าวหน้าเป็ดที่มีชื่อเสียงมากอยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของเป็นคนกวางตุ้ง ขายทั้งข้าวหน้าเป็ด ข้าวหมูแดงและบะหมี่ ตลอดทั้งวันจะมีลูกค้ามาอุดหนุนเนืองแน่น

ผมกับหมอปานเข้าไปนั่งสั่งข้าวหน้าเป็ดมากินด้วยกัน วันนี้ดูทีท่าว่าหมอปานจะอารมณ์ดีเพราะดูหมอได้หลายรายจึงสั่งเบียร์มาดื่ม แต่ผมไม่ได้ดื่มด้วย หมอปานถามความที่เป็นไปที่ได้เข้าเรียน ผมก็เล่าความให้ฟังตามความเป็นจริง หมอปานจึงว่านี่เห็นไหมการเรียนรู้ฤกษ์ผานาทีและยามนั้นย่อมมีประโยชน์ คนที่ไม่รู้ประโยชน์ก็ไม่สนใจ วันหน้าคงจะได้ใช้ประโยชน์ต่อไปอีก อย่าละทิ้งวิชานี้เสีย แต่ให้หมั่นศึกษาอบรมเพิ่มเติมและหมั่นฝึกฝนให้มีความชำนาญไว้

ผมก็รับคำเพราะถือเสียว่าวิชาทั้งหลายนั้นเรียนไว้รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม อย่างน้อยก็ถือว่ามีหมอปานเป็นเพื่อนคุยในยามกลางคืน เพราะในกุฏิธรรมนิวาสนั้นออกจะเงียบสงบ ดังนั้นการได้คุยกับหมอปานทุกๆ คืนในเรื่องวิชาพยากรณ์หลากหลายแขนงจึงดีกว่าการนอนเปล่าให้เศร้าใจ ทั้งการกระทำเช่นนั้นก็ได้ทำให้ความรู้ของผมในวิชาซึ่งไม่มีใครสนใจได้ก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วหมอปานจึงว่าช่วงนี้พอมีเงินบ้างแต่กางเกงชักจะเก่าไปแล้ว ขอให้ผมเดินเป็นเพื่อนไปที่ร้านตัดเสื้อผ้าแล้วค่อยกลับวัดด้วยกัน ผมมากับหมอปานถึงเพียงนี้แล้วก็เออออตามหมอปานไป แล้วขอแวะซื้อพวงมาลัยดอกมะลิสามพวงเพื่อจะเอาไปถวายและบอกกล่าวเจ้าประคุณสมเด็จ

หมอปานเลือกร้านตัดเสื้อได้ถูกใจแล้วก็เลือกผ้าตัดกางเกงอยู่เป็นนาน ทั้งนี้คงมีเหตุมาแต่การบวชนาน ไม่รู้ที่จะเลือกอย่างไรจึงจะถูกใจ ดังนั้นกว่าหมอปานจะสั่งตัดกางเกงเสร็จก็เป็นเวลาค่ำ

เมื่อกลับมาถึงหน้าคณะหนึ่งผมจึงขอแยกตัวไปวิหารสมเด็จโดยฝากเครื่องเขียนแบบเรียนและเสื้อผ้าที่ซื้อมาจากโรงเรียนไปกับหมอปาน

เมื่อผมเข้าไปถึงที่หน้าวิหารสมเด็จประตูชั้นในปิดสนิทแล้วเพราะเป็นเวลามืดค่ำ ผมจึงได้แต่วางพวงมาลัยดอกไม้ไว้ที่ธรณีประตูหน้าของวิหาร แล้วคุกเข่ากราบเจ้าประคุณสมเด็จด้วยเบญจางคประดิษฐ์ บอกกล่าวความซึ่งประสพความสำเร็จที่ได้รับอนุญาตให้ได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์แล้วกลับไปที่กุฏิ

พระมหาทรงธรรม์ทราบข่าวจากหมอปานก่อนแล้ว พอเห็นผมยกมือไหว้ท่านก็ชมว่าแกนี่มันเก่ง ลูกผู้น้องผมนั่งอยู่ใกล้ๆ ก็แสดงท่าทียินดี ผมไหว้พระเสร็จแล้วจึงเอาข้าวของที่ฝากหมอปานไว้ไปที่ห้องนอน และรีบตรวจดูตารางสอนในวันรุ่งขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเรียนให้ทันเพื่อนนักเรียน ในคืนวันนั้นจึงต้องเอาหนังสือซึ่งอยู่ในตารางเรียนวันรุ่งขึ้นมาอ่านดูอย่างรีบเร่ง

หลังผมอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วพระมหาทรงธรรม์ได้เรียกเข้าไปพบอีกครั้งหนึ่ง และบอกว่าพรุ่งนี้เมื่อบิณฑบาตรเสร็จแล้วฉันจะจัดข้าวให้แกกินก่อน และไม่ต้องรอล้างถ้วยชามเหมือนวันก่อน จะได้ไปโรงเรียนได้ทันเวลา ซึ่งเป็นการให้อภิสิทธิ์ผมอีกคนหนึ่งเหมือนกับลูกผู้น้องว่าไม่ต้องล้างถ้วยล้างชาม และได้กินข้าวก่อนพระเพื่อจะไปโรงเรียนได้ทัน

ผมยกมือไหว้ขอบพระคุณพระมหาทรงธรรม์ที่ได้ให้ความกรุณา ท่านก็สั่งสอนว่าเข้าเรียนช้ากว่าคนอื่นเขา ดังนั้นต้องเร่งความเพียรให้มากขึ้นเป็นสองเท่าจะได้เรียนไล่ทันเพื่อน เพราะหากไล่เขาไม่ทันแล้วก็จะเกิดความเบื่อหน่ายและจะพาลทำให้การเรียนเสียไป ผมก็ยกมือไหว้น้อมรับคำแนะนำของท่านแต่โดยดี

ช่วงก่อนดึกวันนั้นผมยังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ สินได้มาชวนผมออกไปข้างนอกบอกว่าไปหาอะไรกินกันดีกว่า ผมก็บอกว่าวันนี้ขอไว้ก่อนเพราะพระมหาทรงธรรม์เพิ่งเตือนมาหยกๆ สินเห็นผมปฏิเสธก็ชวนสมปราชญ์ออกไปด้วยกันสองคน

ค่ำวันนั้นผมอ่านหนังสือจนกระทั่งดึก จึงกังวลว่าเมื่อนอนดึกก็อาจจะตื่นสาย และเมื่อเกิดความกังวลแล้วก็จะยิ่งพาลนอนไม่หลับไปเลย

ดังนั้นเพื่อป้องกันการนอนไม่หลับและเพื่อให้ตื่นได้ทันเวลา ผมจึงต้องทำตามวิชาที่พระอาจารย์ได้สั่งสอนมาจากบ้านนอก กราบลงกับหมอน สวดมนต์แล้วนั่งสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง พอจิตสงบพอประมาณแล้วก็ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ตื่นในเวลาตีห้าสามสิบนาที ซึ่งวิธีเช่นนี้ผมเคยปฏิบัติมาเป็นเนืองนิตย์เพราะสามารถตื่นได้ตามกำหนดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องตั้งนาฬิกาปลุกเลย

การแก้โรคนอนไม่หลับและการกำหนดเวลาตื่นเป็นผลเล็กๆ น้อยๆ ของการทำจิตใจให้เป็นสมาธิซึ่งใครๆ ก็ทำได้ ขอเพียงได้ลองฝึกฝนตามสมควรเท่านั้น

ผมตื่นแต่เช้าตามเวลาที่ได้กำหนดไว้ในขณะทำสมาธิ แล้วปฏิบัติภารกิจประจำในยามเช้าคือจัดข้าวของสำหรับตามพระออกไปบิณฑบาตร ครั้นตามพระไปบิณฑบาตร กลับมาแล้วก็จัดเรียงอาหารเป็นสำรับไว้ให้พร้อมเพื่อรอพระสรงน้ำแล้วจะได้มาฉันจังหันตามปกติ

หลังจากนั้นผมจึงอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวไปโรงเรียน เสร็จแล้วก็มาจัดการถวายอาหารพระ พระมหาทรงธรรม์ก็ตักข้าวและกับข้าวใส่จานให้ผมกับลูกผู้น้องคนละจานขนาดพออิ่ม แยกให้รับประทานกันก่อน ไม่ต้องคอยพระฉันเสร็จ จะได้ไปโรงเรียนทันเวลา

ผมจึงได้สิทธิ์กินข้าวก่อนพระ กินข้าวเสร็จแล้วก็ได้อภิสิทธิ์ไม่ต้องล้างถ้วยชามเก็บกวาดเหมือนที่เคย เพราะพระมอบเป็นธุระให้กับศิษย์วัดคนอื่น ผมกินข้าวแล้วก็นั่งรถไปโรงเรียนกับลูกผู้น้อง

อภิสิทธิ์นี้ผมได้รับก็เฉพาะวันที่ต้องไปเรียนหนังสือ แต่ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์หรือเป็นวันหยุดก็ใช้อภิสิทธิ์นี้ไม่ได้ และยังต้องรับงานอื่นเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยหน้าที่ในวันธรรมดาที่ศิษย์วัดคนอื่นต้องรับไปทำแทน

แต่ทว่าในทางความเป็นจริงนั้นบรรดาพวกเราที่เป็นเด็กวัดด้วยกันต่างก็สามัคคีกัน ถึงแม้งานใดไม่ใช่หน้าที่แต่ถ้ามีเวลาและโอกาสก็จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ฉันท์เด็กวัดจึงเป็นความสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์ร่วมสำนักที่สนิทแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเพื่อน เพราะมีอะไรก็กินด้วยกัน งานการสิ่งใดก็ช่วยกันทำ พระจะสอนจะสั่งก็นั่งฟังคำสอนด้วยกัน พระจะดุจะว่าจะติหรือแนะนำให้ทำสิ่งใดก็ฟังคำสั่งสอนด้วยกัน

ผมได้เข้าเรียนในห้อง ก. ซึ่งถือว่าเป็นห้องเรียนสำหรับนักเรียนเรียนดีของโรงเรียน ส่วนลูกผู้น้องเรียนอยู่ที่ห้อง ค. ซึ่งถือว่าอยู่ในลำดับถัดออกไป

ผมรู้ตัวดีว่าได้เข้าเรียนล่าช้ากว่าคนอื่น ดังนั้นทุกค่ำคืนจึงขะมักเขม้นเอาหนังสือตำรับตำรามาอ่าน ไม่นานผมก็ไล่ตามทัน และเพราะอัธยาศัยรักการอ่าน ผมจึงรักที่จะอ่านหนังสือหรือตำราล่วงหน้าไปจนจบเล่ม อะไรเข้าใจก็เข้าใจไป อะไรที่ไม่เข้าใจก็ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น

แต่การที่ได้อ่านหนังสือจนจบเล่มไปก่อนมีอานิสงส์มาก อย่างน้อยก็สามารถทำให้ได้รู้ว่าโครงสร้างของหนังสือนั้นเป็นอย่างไร มีเรื่องราวอะไรบ้าง สิ่งที่เข้าใจแล้วก็ได้ประโยชน์จากการเรียนรู้ก่อนคนอื่น อะไรที่ติดใจ ไม่เข้าใจ ครั้นพอเรียนในชั้นเรียนก็ตั้งความสนใจไว้แต่ต้น จึงสามารถเข้าใจได้เร็ว

พอโรงเรียนเลิกหากมีเพื่อนนักเรียนคนไหนชวนไปเที่ยวที่บ้านผมก็รักที่จะตามเพื่อนไป แต่มักจะกลับในยามใกล้ค่ำเพื่อจะได้ทำหน้าที่ปรนนิบัติพระ ถ้าหากวันไหนไม่มีใครชวนไปเที่ยวบ้านหรือไปดูนิทรรศการอื่นๆ ผมก็รักที่จะกลับวัดเพื่อทำภารกิจของเด็กวัดให้พร้อมสรรพเสียก่อน

โปรดติดตามตอนที่ 25 “พระสมเด็จหลวงปู่นาค” ในวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น