xs
xsm
sm
md
lg

อลังการงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

งานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำครั้งประวัติศาสตร์จัดถวายอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมพระเกียรติพระราชอาคันตุกะทั้ง 25 ประเทศ ภายในท้องพระโรงพระที่นั่งบรมราชาสถิตยมโหฬาร อันเป็นพระที่นั่งองค์ใหม่ที่จัดอย่างงดงามตระการตา เป็นที่ประทับพระทัยของพระราชอาคันตุกะเป็นอย่างยิ่ง ส่วนช่วงก่อนถึงงานเลี้ยงพระราชทานนั้น พระราชอาคันตุกะหลายพระองค์เสด็จพักผ่อนพระอริยาบททั้งทอดพระเนตรความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา เสด็จวัดพระแก้ว และทรงเยี่ยมบ้านจิม ทอมป์สัน

เมื่อวานนี้ (13มิ.ย.)ถือเป็นอีกหนึ่งความสำคัญของงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คืองานถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแด่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีต่างประเทศ ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติพระราชอาคันตุกะทุกพระองค์

โดยในเวลา 19.30 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รับเสด็จพระราชอาคันตุกะทุกพระองค์ที่ พระที่นั่งบรมราชาสถิตยมโหฬาร โดยถวายเลี้ยงพระราชทานเป็นโต๊ะเสวยรูปยาวขนานไปกับห้องจัดเลี้ยงภายในท้องพระโรงใหญ่

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสขอบพระทัยพระประมุขและพระราชวงศ์ต่างประเทศ และสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ในฐานะทรงเป็นผู้แทนประมุขและพระราชวงศ์ต่างประเทศถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สำหรับพระกระยาหารค่ำที่ทรงจัดเลี้ยงพระราชอาคันตุกะเป็นอาหารฝรั่ง มี 5 คอร์ส โดยใช้ผลิตภัณฑ์ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์จากโครงการหลวง ประกอบด้วย จานแรกเสิร์ฟสลัดกุ้ง Cray Fish เนื้อปู มีผักสลัดจากโครงการหลวง ซึ่งกุ้ง Cray fish นั้นเป็นกุ้งลอบสเตอร์ขนาดเล็ก เปลือกสีแดงจัดสวยงาม เนื้อแน่นรสชาติหวาน ปกติจะต้องนำเข้าจากประเทศแอฟริกาใต้หรือมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ที่โครงการหลวงสามารถเลี้ยงกุ้งชนิดนี้ได้คุณภาพดีเท่าเทียมกัน

จานที่สองเป็นซุปใสสไตล์โบราณ ใช้ผักจากโครงการหลวงเช่นกัน เป็นการนำผักสดหลากชนิดจากโครงการหลวงมาต้มปรุงรสแล้วกรองเอากากออกจะได้รสหวานจากผัก ชูรสด้วยเหล้าเชอรี่จะทำให้กลิ่นของซุปหอม

จานที่สามเป็นปลาเรนโบว์เทร้าท์ราดด้วยซอส ซึ่งปลาเรนโบว์เทร้าท์เป็นปลาเนื้อขาวให้รสชาติหวาน ตามปกติจะมีอยู่แถบประเทศยุโรปและอเมริกา แต่ปัจจุบันเชฟนอร์เบิร์ทบอกว่าโครงการหลวงสามารถเลี้ยงได้แล้ว ตามบริเวณดอยอินทนนท์ซึ่งมีน้ำตกที่ใสสะอาด จะทำให้ปลาเรนโบว์เทร้าท์ ซึ่งปกติจะว่ายทวนน้ำทำให้เนื้อแน่นรสชาติอร่อย

สำหรับเมนคอร์สนั้นเป็นเนื้อลูกวัวที่ให้รสสัมผัสที่อ่อนนุ่มกว่าเนื้อวัวทั่วไป เชเฟนอร์เบิร์ทบอกว่า จะต้องนำเนื้อลูกวัวมาหมักน้ำมันมะกอกหนึ่งคืนเพื่อให้น้ำมันซึมเข้าเนื้อ ทำให้เนื้อชุ่มฉ่ำด้วยน้ำเนื้อสีชมพูสวยสด

ส่วนขนมหวานเป็นแอปเปิ้ลชาลอต ซึ่งจะหั่นแอปเปิ้ลบางๆ วางลงบนจานให้ซ้อนเรียงกันเป็นชั้นๆ อย่างสวยงาม นำไปอบ มีไอศกรีมอยู่ด้านข้าง ราดด้วยซอสเบอร์รี่

เชฟที่มีโอกาสปรุงพระกระยาหารครั้งประวัติศาสตร์นี้คือ นอร์เบิร์ท คอนเนอร์ ซึ่งเป็น Executive Chef จากโรงแรมโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้าที่เชฟนอร์เบิร์ทก็ได้มีโอกาสทำอาหารเลี้ยงผู้นำประเทศในงานประชุมเอเปกมาแล้ว

**เนรมิตพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร

พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬารอันเป็นสถานที่จัดถวายเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่พระประมุขและพระราชวงศ์ต่างประเทศ เป็นพระที่นั่งองค์ใหม่ ซึ่งเป็นส่วนต่อเดิมด้านหลังของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สร้างโดยการผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมไทยและยุโรป มี 3 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นทางเข้าจากด้านหน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ด้านในมีบันไดทางขึ้นทั้งทิศตะวันออกและตะวันตก เน้นตกแต่งภายในด้วยหินอ่อนจากอิตาลี ทิศใต้เป็นส่วนของห้องอาหาร และห้องพักอาหารส่วนจัดเลี้ยง อยู่ชั้น 2 เป็นห้วงโถงใหญ่สำหรับจัดงานเลี้ยงพระราชทาน มีพื้นที่ถึง 1,040 ตารางเมตร มากที่สุดในองค์พระที่นั่ง โถงอัฒจันทร์ชั้นที่ 2 มีเสาหินอ่อนขนาดใหญ่ 4 ต้น ทิศเหนือมีโถงบันไดเลื่อนเชื่อมต่อกับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ชั้นที่ 3 เป็นห้องรับรองเพดานโล่งโถงกลาง ประดับพระปรมาภิไธย ย่อ ภปร. และพระนามาภิไธยย่อ สก.

ภายในพระที่นั่งองค์ใหม่นี้งดงามตระการตาไปด้วยดอกไม้ไทย ทั้งดอกกุหลาบ ดอกกล้วยไม้ ที่นำมาใช้ตกแต่งภายใน รวมถึงการจัดแต่งแสงไฟระยิบระยับแวววาว ทำให้พระที่นั่งองค์ใหม่นี้งดงามอลังการดุจดั่งสรวงสวรรค์

นอกจากนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยังได้พระราชทานพระราชานุญาตให้นำงานฝีมือศิลปาชีพมาจัดแสดงในพระที่ อาทิ พระที่นั่งกูบช้าง หรือ “สัปคับ”ซึ่งมีทั้งองค์ที่เป็นทองคำ ไม้ คร่ำ และถมทอง,บานจำหลักทิพวัน หรือบานพระแกล จำรัสด้วยมือ เป็นไม้สักแกะสลักบานใหญ่ประดับฝาผนัง และบริเวณห้องรับรองก็มีบุษบกทองคำตั้งเด่นเป็นสง่า

ส่วนภายในห้องพระราชทานเลี้ยงมีเรือสำเภาทองคำประดับอย่างโดดเด่นเป็นสง่า และบนโต๊ะเสวยก็ตระการตาด้วยของตกแต่ง ซึ่งเป็นงานศิลปะอันงดงามจากศิลปาชีพ เช่น นกยูงทองคำ เรือพระที่นั่งจำลองนานาชนิดฯลฯ

**พระราชทานของที่ระลึก

ในวโรกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานของที่ระลึกเป็นเหรียญทองคำแด่พระประมุข และผู้แทนพระองค์ทุกพระองค์ โดยด้านหนึ่งของเหรียญเป็นรูปธงชาติไทยกับธงชาติ ของประเทศที่รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชิญเสด็จฯพระประมุขหรือผู้แทนพระองค์มาร่วมเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และอีกด้านหนึ่งเป็นภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ส่วนของที่ระลึกของรัฐบาลที่จัดถวายแด่พระประมุขและผู้แทนพระองค์ทั้ง 25 ประเทศ เป็นผ้าไหมยกทองโบราณ เพื่อเป็นผ้าคลุมพระอังสาแด่สมเด็จพระราชินี พระราชอาคันตุกะเป็นผ้ายกทอง ใช้ชื่อว่า "ลายครุฑหรือลายครองราชย์" มีขนาดความกว้าง 75 เซนติเมตร ยาว 2 เมตร 20 เซนติเมตร ใช้ไหมไทยและไหมทองย้อมด้วยสีธรรมชาติ ไม่ใช้สีเคมี ใช้เส้นพุ่งหรือตะกอจำนวน 1,081 ตะกอ ใช้เวลาทอประมาณ 1 เดือน ทอตลอด 24 ชั่วโมง โดยแบ่งออกเป็น 3 กะ กะละ 8 ชั่วโมง ใช้ช่างทอจากบ้านท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์ และ กิ่ง อ.เขวาสินรินทร์ ประมาณ 150 คน แต่ละวันทอผ้าได้ไม่เกิน 3 เซนติเมตร ส่วนวิธีการทอใช้วิธีทอกลับด้าน ทั้ง 29 ผืน

**สมเด็จพระจักรพรรดิเสด็จฯจุฬา

หลังจากงานพระราชพิธีผ่านไป 2 วันแล้ว เมื่อวานนี้ตอนกลางวันจึงเป็นช่วงว่างก่อนที่จะถึงงานเลี้ยงพระราชทานพระกระยาหารค่ำในตอน 19.30 น.พระราชอาคันตุกะหลายพระองค์ทรงใช้ช่วงเวลาว่างเสด็จไปทรงพระราชกรณียกิจส่วนพระองค์ ขณะที่บางพระองค์ก็ทรงเสด็จพักผ่อนไปยังสถานที่ต่าง ๆ

สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งญี่ปุ่น เคยเสด็จพระราชดำเนินมาที่จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยเพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการ The Chicken Specimens of Human - Chicken Multi-Research Project ซึ่งศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องไก่ ผลงานของเจ้าชายอากิชิโน พระราชโอรส ซึ่งได้รับการถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2544 โดยทรงเริ่มศึกษาเมื่อปี 2546 ด้วยสนพระทัยเรื่องไก่พันธุ์พื้นเมือง ไก่ป่า ไก่เลี้ยง และไก่ฟ้า จึงทรงศึกษาความสัมพันธ์ทางพันธุกรรม เชื่อมโยงถึงด้านมนุษยวิทยา ชีววิทยา และภูมิศาสตร์ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2550 ซึ่งถือเป็นการเสด็จเยือนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยก่อนหน้านั้นสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ เคยเสด็จมาแล้วเมื่อปี 2507

นอกจากนี้ นายทานิโน โฆษกประจำพระองค์สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นยังได้ กล่าวกับสื่อมวลชนถึง ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ญี่ปุ่นและไทยว่า เป็นแกนกลางของความสัมพันธ์ทั้งหมดระหว่างสองประเทศ รวมถึงด้านเศรษฐกิจและการค้า ทั้งนี้ นายทานิโน แสดงความหวังว่า ความแนบแน่นระหว่างราชวงศ์จะอำนวยให้การเจรจาในเรื่องต่างๆ รวมถึงการจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างญี่ปุ่นและไทยสามารถก้าวหน้าไปได้โดยสะดวก

นายทานิโน ยังกล่าวอีกว่า สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นทรงชื่นชมพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นการส่วนพระองค์ ในฐานะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย และทรงพยายามยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของคนยากจนให้สามารถยืนบนลำแข้งของตัวเองได้

**เจ้าหญิงลัลลาเข้าเฝ้าพระเทพฯ

เมื่อวานนี้เวลา 11.28 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออก ณ วังสระปทุม พระราชทานพระราชวโรกาส ให้เจ้าหญิงลัลลา ซัลมา เบนนานี (พระชายาในสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 แห่งโมร็อกโก) พร้อมคณะ เฝ้าทูลละอองพระบาท ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทย เพื่อทรงร่วมงานและร่วมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โอกาสนี้ ร.ท.อัครสิทธิ์ อมาตยกุล เอกอัครราชทูตไทยประจำราชอาณาจักรโมร็อกโก ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทด้วย ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารกลางวันด้วย

**กษัตริย์เลโซโท เสด็จฯวัดพระแก้ว

เวลา10.15 น. สมเด็จพระราชาธิบดีเลตซีที่สามแห่งเลโซโทพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีมาเซเนต โมฮาโต เซเอโซ ได้เสด็จฯวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงเสด็จฯทอดพระเนตรวัดพระแก้ว ปราสาทพระเทพบิดร รวมถึงพระที่นั่งอีกหลายองค์ ท่ามกลางประชาชนที่มาเฝ้ารับเสด็จเป็นจำนวนมาก ทรงใช้เวลาในการทอดพระเนตรกว่าหนึ่งชั่วโมงจึงเสด็จกลับ

**เสด็จฯทอดพระเนตรแม่น้ำเจ้าพระยาคึกคัก

การท่องเที่ยวชมสองฝากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่พระราชอาคันตุกะหลายพระองค์สนพระทัย ดังนั้นเมื่อวานนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงบ่ายจึงมีหมายกำหนดการของพระราชอาคันตุกะหลายพระองค์ที่จะเสด็จทอดพระเนตรทัศนียภาพและความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา

เจ้าชายทูโพทัว มกุฏราชกุมารแห่งตองกา เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าเรือโรงแรมโอเรียนเต็ล ประทับเรือพระที่นั่งทอดพระเนตรทัศนียภาพ และความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน จะมีทั้งภาพวิถีชีวิตของประชาชนริม 2 ฝั่งน้ำเจ้าพระยา วัดสำคัญต่างๆ อาทิ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสถานที่ราชการราชการสำคัญของไทย เช่น กองทัพเรือ ราชนาวิกสภา โดยมกุฎราชกุมารแห่งตองกา ทรงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ประทับพระอิริยาบถในเรือ จากนั้นได้เสวยพระกระยาหารกลางวันที่แรมโอเรียนเต็ล

ขณะเดียวกันก้ยังมีพระราชอาคันตุกะอีกหลายพระองค์ อาทิ แกรนด์ ดยุก อองรี เจ้าผู้ครองราชรัฐลักเซมเบิร์ก และ เจ้าชายวิลเลียม กับเจ้าหญิงแมกซิม่า เนเธอแลนด์ และเจ้าฟ้าชายฟิลิป มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรเบลเยียม และเจ้าหญิงมาธิลด์ พระชายา ,เจ้าชายโฮกุ้น มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ และเจ้าหญิงเมตเต-มาริต มกุฎราชกุมารี แห่งนอร์เวย์ ทรงสนพระทัยเสด็จล่องเรือคลองบางกอกน้อยด้วยเช่นกัน

**ทอดพระเนตร”บ้านจิม ทอป์มสัน”

เวลา 9.00 น. เจ้าชายอาโลอิส มกุฎราชกุมารแห่งราชรัฐลิกเตนสไตน์ เสด็จพระราชดำเนินไปยังพิพิธภัณฑ์จิม ทอมป์สัน ถนนพระราม 1 โดยมี ศ.วิลเลียม เจ คลอลเนอร์ ประธานมูลนิธิเจมส์ เอช ดับเบิลยู ทอมป์สัน พร้อมพนักงานต้อนรับประมาณ 20 คน สวมชุดผ้าไหมถวายการต้อนรับ โดยเจ้าชายอาโลวิส เสด็จทอดพระเนตรของสะสมของมิสเตอร์จิม ทอมป์สัน อาทิ จิตรกรรมฝาผนัง ถ้วยเบญจรงค์ เป็นต้น และก่อนเสด็จฯ กลับ ศ.วิลเลียม ถวายเสื้อผ้าไหม เนกไท

โดย ศ.วิลเลียมได้เปิดเผยว่าเจ้าชายโอลิสทรงสนพระทัยพิพิธภัณฑ์จิม ทอป์มสันเพราะมีพระญาติที่อยู่ในเมืองไทยแนะนำ และพระองค์ยังมีพระดำรสถึงพิพิธภัณฑ์ที่รัฐลิกเตนสไตน์เพิ่งจะเปิด แต่มีประชาชนสนใจเข้าชมน้อยมาก ทรงอยากให้มีคนเข้าชมมาก ๆ เหมือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

แม้จะไม่ได้มีหมายกำหนดการล่วงหน้า แต่ในเวลา 10.30 น. เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 แห่งราชรัฐโมนาโก ก็ได้เสด็จฯพิพิธภัณฑ์จิม ทอป์มสัน เช่นกัน เนื่องจากทรงสนพระทัยเกี่ยวกับศิลปะวัฒนธรรมไทยมาก และเคยเสด็จมาประเทศไทยส่วนพระองค์ถึง 5 ครั้งแล้ว แต่เพิ่งจะเสด็จฯพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นครั้งแรกเนื่องจากสนพระทัยของเก่าแก่ที่สะสมไว้ที่แห่งนี้เป็นพิเศษ โดยเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 ได้ทอดพระเนตรบ้านเก่าของมร.จิม ทอป์มสัน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยอายุเกือบ 200 ปีและสวนต้นไม้อันร่มรื่นด้วยความสนพระทัย

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเปิดเผยว่าทรงเป็นลูกค้าประจำของร้านจิม ทอมป์สัน โดยเมื่อวันที่เข้าเฝ้าถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระที่นั่งอนันตสมาคมนั้นก็ทรงเนคไทผ้าไหมของจิม ทอมป์สันด้วย และก่อนจะเสด็จฯกลับนั้นได้ทรงตรัส”ขอบคุณครับ” เป็นภาษาไทยแก่เจ้าหน้าที่ที่เฝ้ารับเสด็จ

**เสด็จฯชอปปิ้งห้างพารากอน

ขณะเดียวกันก็มีพระราชอาคันตุกะอีกหลายพระองค์ที่สนพระทัยเสด็จชอปปิ้ง โดยวานนี้สมเด็จพระราชินี มาเลเซีย ทรงเสด็จที่ห้าวสรรพสินค้าพารากอน ซึ่งทรงสนพระทัยผ้าไหมและผ้าไทยหลายร้าน รวมถึงของแบรนด์เนมอย่างนาฬิกา กระเป๋า รองเท้า เป็นต้น ขณะที่สมเด็จพระราชินีแห่งบรูไนก็เสด็จฯชอปปิ้งที่ห้างนี้เช่นกัน โดยทรงแวะที่ร้านนายจันทร์ ทรงซื้อผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสไปหลายพับเพื่อตัดฉลองพระองค์ ขณะเกียวกันยังทรงแวะที่ร้านสวารอฟสกี้ เพื่อซื้อตุ๊กตาคริสตัลหลายตัว และสุดท้ายคือสมเด็จพระขนิษฐาของพระบาทสมเด็จพระบรมนาถสีหมุนี แห่งกัมพูชาเสด็จฯแต่งพระเกษาและทรงซื้อผลไม้ที่กูเม่ย์ มาร์เก็ต

**พรุ่งนี้เสด็จฯกลับ 14 ประเทศ

หลังจากเสร็จจากงานเลี้ยงพระราชทานพระกระยาหารค่ำเมื่อวานนี้แล้ว ถือเป็นการเสร็จภาระกิจของงานพระราชพิธีฉลอง สิริราชสมบัติครบ 60 ปีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ตามหมายกำหนดการแล้วจะมีพระราชอาคันตะกุ 14 ประเทศทยอยเสด็จกลับในวันนี้ ซึ่งจะมีการปิดการจราจรถนนหลายสายระหว่างเสด็จกลับ ส่วนพระราชอาคันตุกะที่เสด็จกลับก่อนงานพระราชทานเลี้ยงนั้นมี 2 พระองค์ คือสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 บิน อัลฮุสเซน แห่งจอร์แดนและมกุฏราชกุมารแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรดส์
กำลังโหลดความคิดเห็น