รวมองค์พระประมุขของโลกครั้งยิ่งใหญ่ ร่วมถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินบริเวณราชนาวิกสภา เพื่อชมกระบวนเรือพระราชพิธี ขณะที่ประชาชนชื่นชมเรือพระราชพิธีเนืองแน่น พิธีเรือยิ่งใหญ่ สื่อต่างประเทศทั่วโลกเสนอข่าวพระราชพิธีสุดอลังการ
พระราชอาคันตุกะทั้ง 25 ประเทศทั่วโลกได้เสด็จฯมาถึงประเทศไทยครบแล้ว เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววานนี้ (12 มิ.ย.) โดยในช่วง 14.00 น. สมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์ประมุขต่างประเทศถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอนัตสมาคม และในเวลา 17.00 น.จะร่วมเสด็จทอดพระเนตรขบวนเรือพระราชพิธี ณ หอประชุมกองทัพเรือ
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขมารวมกันมากที่สุดถึง 25 ประเทศจาก 28 ประเทศทั่วโลก โดยมีระดับองค์พระประมุขเสด็จมาร่วมพระราชพิธีครั้งนี้ถึง 13 พระองค์ และมีพระสวามี หรือพระราชินี หรือพระญาติระดับสูง เสด็จฯแทนพระประมุข 4 ประเทศ ระดับมกุฏราชกุมารและพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง 8 ประเทศ โดยมีพระประมุขที่ไม่สามารถเสด็จฯมาร่วมงานได้เพียง 3 ประเทศ คือ ซามัว , เนปาลและซาอุดิอาระเบีย
ในเวลา เ 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ บริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์ประมุขต่างประเทศถวายพระพรชัยมงคล จาก 25 ประเทศ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์แจ่มใสแช่มชื่น และทรงมีพระราชปฏิสัณฐานกับพระราชอาคันตุกะทุกพระองค์
**ปชช.แห่ชมเรือพระราชพิธีเนืองแน่น
แม้ว่าจะมีประชาชนจำนวนมากมาชมการซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีในวโรกาสฉลองการครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี ไปถึง 3 รอบแล้วก็ตาม แต่เมื่อถึงวันเห่เรือพระราชพิธีจริงวานนี้ ปรากฏว่ามี ประชาชนที่สวมใส่เสื้อสีเหลืองนับหมื่นคนมุ่งหน้าจับจองพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงบริเวณใต้สะพานพระราม 8 ทั้งฝั่งธนบุรี และฝั่งพระนคร เพื่อชมขบวนเรือพระราชพิธีกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งแต่ละคนต่างอุ้มลูกจูงหลานมาเฝ้ารอชมตั้งแต่เช้า เพราะเกรงว่าจะไม่มีที่นั่ง และบางคนเตรียมตั้งกล้องถ่ายภาพ เพื่อเก็บภาพความประทับใจ พร้อมทั้งความสวยงามที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ซึ่งบริเวณสองฝั่งทางเดินเข้าชมขบวนเรือ จากถนนสามเสนมุ่งหน้าเข้าริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ได้มีพ่อค้าแม่ค้าหัวใส นำอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งของที่ระลึก มาจำหน่ายให้ประชาชนตลอดแนวทางเดินด้วย
ขณะที่ บริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านท่าพระจันทร์ ท่าพระอาทิตย์ ร้านอาหารริมน้ำดัดแปลงสถานที่เป็นจุดชมเรือ มีการขายบัตรเข้าชมในราคา 500 บาท พร้อมบริการอาหาร ซึ่งมีบางร้านยังพอมีพื้นที่เหลืออยู่บ้างแต่ปรับราคาขึ้นเป็น ตั้งแต่ 800-1,000 บาท และไม่มีบริการอาหาร บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีประชาชนเข้าไปจับจองพื้นที่ริมน้ำตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แจ้งว่าจะปิดประตูตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป สำหรับบริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากจุดนี้เป็นจุดที่จะได้รับชมกระบวนเรือเคลื่อนออกจากท่าวาสุกรี ในเวลาประมาณ 17.00 น.
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.ตร.น.) ออกตรวจตราความเรียบร้อยการรักษาความปลอดภัยทางน้ำในลำน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท่าวาสุกรี ถึงบริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการตรวจความพร้อมครั้งสุดท้ายก่อนจะมีกระบวนเรือพระราชพิธีในช่วงเย็น
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวเพิ่มเติมว่าได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในช่วงกระบวนเรือพระราชพิธี โดยจะเริ่มปิดการจราจรทางน้ำตั้งแต่สะพานกรุงธนบุรี ถึงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน เวลา 13.00 น.ไปจนเสร็จพระราชพิธีในเวลาประมาณ 22.00 น. และผ่อนผันให้เฉพาะเรือรับส่งประชาชนข้ามฟากได้จนถึงเวลา 15.00 น.
ส่วนการรักษาความปลอดภัยราชนาวิกสภา และหอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์ที่เสด็จพระราชดำเนินมาร่วมพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จะเสด็จทอดพระเนตรกระบวนเรือพระราชพิธี และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เตรียมการรักษาความปลอดภัย 2 ชั้น ซึ่งชั้นในใกล้ชายฝั่งราชนาวิกสภาเป็นการรักษาความปลอดภัยของกองทัพเรือ ส่วนชั้นนอกบริเวณกลางลำน้ำเจ้าพระยา กองทัพเรือร่วมกับตำรวจน้ำ โดยมีชุดปฏิบัติการใต้น้ำ กองทัพเรือ ลงตรวจหาทุ่นระเบิดใต้น้ำตลอดแนวฝั่งสถานที่จัดงาน
นอกจากนี้ เตรียมเรือจ่าแสนยบดี ซึ่งเป็นเรือขนาดระวางขับน้ำปกติ 90 ตัน ความยาวประมาณ 111 ฟุต และกว้าง 19 ฟุต จอดเตรียมพร้อมไว้ห่างจากราชนาวิกสภา ประมาณ 2 กิโลเมตร รวมทั้งเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ส่วนการรักษาความปลอดภัยโรงแรมที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์ มีเรือตรวจการณ์ เรือยาง พร้อมเจ้าหน้าที่จอดลอยลำอยู่บริเวณโรงแรมที่ประทับตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจในมาตรการถวายการอารักขาและถวายความปลอดภัย
ด้านนายเริงศักดิ์ โหราเรือง ผู้อำนวยการเขตพระนคร ได้เดินทางตรวจสอบร้านค้า รวมถึงบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงราชนาวิกสภา อันเป็นสถานที่ที่ขบวนเรือพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ผ่าน พบว่า มีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในย่านดังกล่าวได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าทำการจับจองที่นั่งเพื่อเข้าชมกระบวนเรือพระราชพิธี โดยเก็บค่าเข้าชมในราคาที่นั่งละ 500, 300 และ 200 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ ผู้ที่เปิดให้จองที่นั่ง กล่าวว่า เนื่องจากบัตรเข้าชมงานกระบวนเรือฯ ถูกจับจองจนหมด จึงต้องการให้ประชาชนที่ต้องการเข้าชมงานแต่ไม่มีบัตร ได้มีโอกาสเข้าชม โดยคิดค่าชมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการกำไรแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการเขตพระนครได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เทศกิจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และขอความร่วมมือจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่เปิดให้จองที่นั่งชมงาน ลดจำนวนที่นั่งลง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้
**พิธีเรือยิ่งใหญ่อลังการ
จนเมื่อเวลา 17.00 น. ขบวนเรือพระราชพิธีได้ฤกษ์เคลื่อนขบวนออกจากจุดปล่อยขบวนเรือบริเวณท่าวาสุกรี โดยขบวนเรือพระราชพิธีได้แล่นไปตามลำน้ำเจ้าพระยาอย่างสง่างาม ท่ามกลางริ้วขบวนเรืออันงดงามตระการตา และเสียงเห่เรือที่กังวานก้องลำน้ำเจ้าพระยา ขณะที่ประชาชนสองฝากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาต่างปรบมือกึกก้องให้กับความสวยงามอลังการของขบวนเรือพระราชพิธีนี้
ทั้งนี้ ขบวนเรือพระราชพิธีได้ผ่านสะพานพระราม 8 ป้อมพระสุเมรุ สะพานพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลศิริราช กรมอู่ทหารเรือ พระบรมมหาราชวัง ก่อนจะไปสิ้นสุดที่บริเวณวัดอรุณราชวรราม ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากขบวนเรือเสร็จสิ้นก็มีการปล่อยกระทงสายจำนวน 60,000 ใบให้ล่องลอยไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และพระประมุขและผู้แทนพระองค์จาก 25 ประเทศ เสด็จทอดพระเนตร ณ อาคารราชนาวิกสภา หอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมขบวนเรือที่สวยงามที่สุดเนื่องจากมีพระบรมมหาราชวังเป็นฉากหลัง
สำหรับขบวนเรือพระราชพิธี ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวในโลก โดยขบวนเรือฯครั้งนี้ ใช้เรือ 52 ลำ ฝีพายกว่า 2,000 นาย ประกอบด้วย เรือพระราชพิธี 4 ลำ ได้แก่ เรือสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ที่กองทัพเรือร่วมกับกรมศิลปากร และสำนักพระราชวัง ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาส พระพิธีการญจนาภิเษก เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์
ส่วนเรือประเภทต่างๆได้แก่ เรือเอกชัยเหินหาว เรือเอกชัยหลาวทอง เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือครุฑเหินเห็จ เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรือเสือทยานชล เรือเสือคำรณสินธุ์ เรืออีเหลือง เรือแตงโม เรือทอง-ขวานฟ้า เรือทองบ้าบิ่น เรือดั้ง 22 ลำ เรือแซง 7 ลำ เรือตำรวจ 3 ลำ
**ทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
ต่อมาเวลา 18.40 น.หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ และพระประมุขและพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ ได้ทอดพระเนตรขบวนเรือพระราชพิธีเสร็จสิ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินนำพระประมุข และพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ ออกจากอาคารราชนาวิกสภาหลังใหม่ ไปยังอาคารหอประชุมกองทัพเรือ โดยรถไฟฟ้าพระที่นั่ง ทางประตูด้านทิศใต้ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา รอรับเสด็จฯ
ส่วนรถไฟฟ้าพระที่นั่งของประมุข และพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ ส่งเสด็จบริเวณประตูด้านทิศตะวันออก โดยมี นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรองผู้บัญชาการทหารเรือ รอรับเสด็จพระประมุขและพระราชวงศ์ต่างประเทศ เสด็จฯขึ้นสู่ห้องที่ประทับ ชั้น 2
จากนั้น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการเตรียมการเชิญและจัดกิจกรรม กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระประมุขและพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ เสด็จฯ ออกจากห้องที่ประทับมายังห้องนิทรรศการประทับพระเก้าอี้บนเวที
โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลรายงานการจัดนิทรรศการ และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการ ทรงพระดำเนินไปยังฉากนิทรรศการ รวม 3 ฉาก แต่ละฉากใช้เวลาประมาณ 6 นาที เมื่อทอดพระเนตรนิทรรศการเสร็จสิ้นแล้ว เสด็จฯ กลับเข้าสู่ห้องที่ประทับรัฐบาลจัดงานเลี้ยงรับรองถวาย ได้เวลาอันสมควร พระประมุขและพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ ทูลลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเสด็จฯ กลับตามลำดับ (ครองราชย์มากที่สุด-น้อยที่สุด) โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ส่งเสด็จ ณ รถยนต์พระที่นั่ง
จากนั้นเวลา 20.45 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ กลับ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาส่งเสด็จ
**เปิดเมนูพระราชทานเลี้ยงฯ
สำหรับหมายกำหนดการพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีในวันนี้ ในช่วงเวลา 19.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จะพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแด่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีจากประเทศต่าง ๆ ณ พระที่นั่งบรมราชาสถิตยมโหฬาร ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งถือเป็นงานเลี้ยงพระราชทานประวัติศาสตร์โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบามราชินีนาถทรงเลือกเมนูพระราชทานเลี้ยงด้วยพระองค์เอง
เชฟนอร์เบิร์ท คอสเนอร์ ตำแหน่ง Executive Chef จากโรงแรมโอเรียนเต็ล ซึ่งเป็นผู้ปรุงพระกระยาหารมื้อนี้เปิดเผยว่าได้นำผลิตภัณฑ์สด ๆ หลายอย่างจากโครงการหลวงมาใช้ในครั้งนี้ อาทิ อาติโชก ลาสเบอรี หรือแม้กระทั่งสตรอเบอรีป่าลูกเล็ก ๆ ที่สามารถปลูกได้บนดอยอินทนนท์จะให้รสชาติที่หอมอร่อย กุ้ง crey fish ,ปลาคอต เป็นต้น โดยเมนูที่จะทำถวายเป็นอาหารฝรั่ง 5 คอร์ส คือ สลัดกุ้งcrey fishกับเนื้อปู ,ซุปผักใส , ปลาคอตราดซอส เมนคอร์สเป็นเนื้อลูกวัว และขนมหวานคือแอปเปิ้ลชาลอต
เชฟนอร์เบิร์ทกล่าวเพิ่มเติมว่าในงานพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารแด่พระราชอาคันตุกะครั้งนี้มีทั้งสิ้น 400 ที่และบุฟเฟต์สำหรับผู้ติดตามอีก 1,000 คน ที่จัดเลี้ยงกันที่ศาลาสหทัยสมาคม ซึ่งเขาได้เตรียมความพร้อมทั้งวัตถุดิบ และใช้เจ้าหน้าที่กว่า 150 คนในงานเลี้ยงพระราชทานครั้งนี้
หลังจากพระกระยาหารค่ำแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระราชดำรัสขอบพระทัยพระประมุขและพระราชวงศ์จากต่างประเทศ จากนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ในฐานะทรงเป็นผู้แทนพระประมุบและพระราชวงศ์ต่างประเทศ ถวายพระพรชัยมงคล
** สื่อทั่วโลกเสนอข่าวพระราชพิธีสุดอลังการ
สำนักข่าวเอเอฟพี ตีพิมพ์ข่าวที่คนไทยร่วมใจกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อาทิ การปล่อยนักโทษ การพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกชนิด 60 บาท ไปจนถึงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาหายาก
โดยสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก อีกทั้งทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ มากมาย ทั้งในการช่วยเหลือผู้ยากไร้ และทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทยเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง ในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีนี้ พสกนิกรชาวไทยร่วมใจกันจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งการประกอบพิธีทางศาสนา การยิงสลุต การจุดพลุเฉลิมพระเกียรติ และงานเลี้ยงพระราชอาคันตุกะจาก 25 ประเทศที่เสด็จฯ มาทอดพระเนตรกระบวนเรือพระราชพิธี
นอกจากนี้ คนไทยทั้งประเทศยังร่วมใจกันใส่เสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ และสายข้อมือที่เขียนข้อความว่าเรารักพระเจ้าอยู่หัว และเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันฉลองสิริราชสมบัติฯ ชาวไทยนับล้านคนไปรอเข้าเฝ้าฯ ยังลานพระบรมรูปทรงม้า และหลายคนหลั่งน้ำตาด้วยความปีติยินดีที่ได้ยินพระราชดำรัสของพระองค์
เอเอฟพี ระบุว่า ตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งอาคารบ้านเรือนต่างประดับประดาด้วยธงสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ ขณะที่ภาคธุรกิจและสถานเอกอัครราชทูตลงข้อความถวายพระพรตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ นอกจากนี้ ตามจังหวัดต่างๆ ก็จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งคอนเสิร์ต นิทรรศการ ปลูกต้นไม้ และปล่อยพันธุ์ปลาต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
พระราชอาคันตุกะทั้ง 25 ประเทศทั่วโลกได้เสด็จฯมาถึงประเทศไทยครบแล้ว เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววานนี้ (12 มิ.ย.) โดยในช่วง 14.00 น. สมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์ประมุขต่างประเทศถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอนัตสมาคม และในเวลา 17.00 น.จะร่วมเสด็จทอดพระเนตรขบวนเรือพระราชพิธี ณ หอประชุมกองทัพเรือ
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขมารวมกันมากที่สุดถึง 25 ประเทศจาก 28 ประเทศทั่วโลก โดยมีระดับองค์พระประมุขเสด็จมาร่วมพระราชพิธีครั้งนี้ถึง 13 พระองค์ และมีพระสวามี หรือพระราชินี หรือพระญาติระดับสูง เสด็จฯแทนพระประมุข 4 ประเทศ ระดับมกุฏราชกุมารและพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง 8 ประเทศ โดยมีพระประมุขที่ไม่สามารถเสด็จฯมาร่วมงานได้เพียง 3 ประเทศ คือ ซามัว , เนปาลและซาอุดิอาระเบีย
ในเวลา เ 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ บริเวณพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์ประมุขต่างประเทศถวายพระพรชัยมงคล จาก 25 ประเทศ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพักตร์แจ่มใสแช่มชื่น และทรงมีพระราชปฏิสัณฐานกับพระราชอาคันตุกะทุกพระองค์
**ปชช.แห่ชมเรือพระราชพิธีเนืองแน่น
แม้ว่าจะมีประชาชนจำนวนมากมาชมการซ้อมขบวนเรือพระราชพิธีในวโรกาสฉลองการครองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี ไปถึง 3 รอบแล้วก็ตาม แต่เมื่อถึงวันเห่เรือพระราชพิธีจริงวานนี้ ปรากฏว่ามี ประชาชนที่สวมใส่เสื้อสีเหลืองนับหมื่นคนมุ่งหน้าจับจองพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงบริเวณใต้สะพานพระราม 8 ทั้งฝั่งธนบุรี และฝั่งพระนคร เพื่อชมขบวนเรือพระราชพิธีกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งแต่ละคนต่างอุ้มลูกจูงหลานมาเฝ้ารอชมตั้งแต่เช้า เพราะเกรงว่าจะไม่มีที่นั่ง และบางคนเตรียมตั้งกล้องถ่ายภาพ เพื่อเก็บภาพความประทับใจ พร้อมทั้งความสวยงามที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ ซึ่งบริเวณสองฝั่งทางเดินเข้าชมขบวนเรือ จากถนนสามเสนมุ่งหน้าเข้าริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ได้มีพ่อค้าแม่ค้าหัวใส นำอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งของที่ระลึก มาจำหน่ายให้ประชาชนตลอดแนวทางเดินด้วย
ขณะที่ บริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านท่าพระจันทร์ ท่าพระอาทิตย์ ร้านอาหารริมน้ำดัดแปลงสถานที่เป็นจุดชมเรือ มีการขายบัตรเข้าชมในราคา 500 บาท พร้อมบริการอาหาร ซึ่งมีบางร้านยังพอมีพื้นที่เหลืออยู่บ้างแต่ปรับราคาขึ้นเป็น ตั้งแต่ 800-1,000 บาท และไม่มีบริการอาหาร บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีประชาชนเข้าไปจับจองพื้นที่ริมน้ำตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วซึ่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แจ้งว่าจะปิดประตูตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป สำหรับบริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากจุดนี้เป็นจุดที่จะได้รับชมกระบวนเรือเคลื่อนออกจากท่าวาสุกรี ในเวลาประมาณ 17.00 น.
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.ตร.น.) ออกตรวจตราความเรียบร้อยการรักษาความปลอดภัยทางน้ำในลำน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท่าวาสุกรี ถึงบริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการตรวจความพร้อมครั้งสุดท้ายก่อนจะมีกระบวนเรือพระราชพิธีในช่วงเย็น
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวเพิ่มเติมว่าได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในช่วงกระบวนเรือพระราชพิธี โดยจะเริ่มปิดการจราจรทางน้ำตั้งแต่สะพานกรุงธนบุรี ถึงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน เวลา 13.00 น.ไปจนเสร็จพระราชพิธีในเวลาประมาณ 22.00 น. และผ่อนผันให้เฉพาะเรือรับส่งประชาชนข้ามฟากได้จนถึงเวลา 15.00 น.
ส่วนการรักษาความปลอดภัยราชนาวิกสภา และหอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์ที่เสด็จพระราชดำเนินมาร่วมพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จะเสด็จทอดพระเนตรกระบวนเรือพระราชพิธี และทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เตรียมการรักษาความปลอดภัย 2 ชั้น ซึ่งชั้นในใกล้ชายฝั่งราชนาวิกสภาเป็นการรักษาความปลอดภัยของกองทัพเรือ ส่วนชั้นนอกบริเวณกลางลำน้ำเจ้าพระยา กองทัพเรือร่วมกับตำรวจน้ำ โดยมีชุดปฏิบัติการใต้น้ำ กองทัพเรือ ลงตรวจหาทุ่นระเบิดใต้น้ำตลอดแนวฝั่งสถานที่จัดงาน
นอกจากนี้ เตรียมเรือจ่าแสนยบดี ซึ่งเป็นเรือขนาดระวางขับน้ำปกติ 90 ตัน ความยาวประมาณ 111 ฟุต และกว้าง 19 ฟุต จอดเตรียมพร้อมไว้ห่างจากราชนาวิกสภา ประมาณ 2 กิโลเมตร รวมทั้งเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ส่วนการรักษาความปลอดภัยโรงแรมที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์ มีเรือตรวจการณ์ เรือยาง พร้อมเจ้าหน้าที่จอดลอยลำอยู่บริเวณโรงแรมที่ประทับตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจในมาตรการถวายการอารักขาและถวายความปลอดภัย
ด้านนายเริงศักดิ์ โหราเรือง ผู้อำนวยการเขตพระนคร ได้เดินทางตรวจสอบร้านค้า รวมถึงบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงราชนาวิกสภา อันเป็นสถานที่ที่ขบวนเรือพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ผ่าน พบว่า มีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในย่านดังกล่าวได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าทำการจับจองที่นั่งเพื่อเข้าชมกระบวนเรือพระราชพิธี โดยเก็บค่าเข้าชมในราคาที่นั่งละ 500, 300 และ 200 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ ผู้ที่เปิดให้จองที่นั่ง กล่าวว่า เนื่องจากบัตรเข้าชมงานกระบวนเรือฯ ถูกจับจองจนหมด จึงต้องการให้ประชาชนที่ต้องการเข้าชมงานแต่ไม่มีบัตร ได้มีโอกาสเข้าชม โดยคิดค่าชมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการกำไรแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการเขตพระนครได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เทศกิจคอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และขอความร่วมมือจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่เปิดให้จองที่นั่งชมงาน ลดจำนวนที่นั่งลง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้
**พิธีเรือยิ่งใหญ่อลังการ
จนเมื่อเวลา 17.00 น. ขบวนเรือพระราชพิธีได้ฤกษ์เคลื่อนขบวนออกจากจุดปล่อยขบวนเรือบริเวณท่าวาสุกรี โดยขบวนเรือพระราชพิธีได้แล่นไปตามลำน้ำเจ้าพระยาอย่างสง่างาม ท่ามกลางริ้วขบวนเรืออันงดงามตระการตา และเสียงเห่เรือที่กังวานก้องลำน้ำเจ้าพระยา ขณะที่ประชาชนสองฝากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาต่างปรบมือกึกก้องให้กับความสวยงามอลังการของขบวนเรือพระราชพิธีนี้
ทั้งนี้ ขบวนเรือพระราชพิธีได้ผ่านสะพานพระราม 8 ป้อมพระสุเมรุ สะพานพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลศิริราช กรมอู่ทหารเรือ พระบรมมหาราชวัง ก่อนจะไปสิ้นสุดที่บริเวณวัดอรุณราชวรราม ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากขบวนเรือเสร็จสิ้นก็มีการปล่อยกระทงสายจำนวน 60,000 ใบให้ล่องลอยไปตามลำน้ำเจ้าพระยา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และพระประมุขและผู้แทนพระองค์จาก 25 ประเทศ เสด็จทอดพระเนตร ณ อาคารราชนาวิกสภา หอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดชมขบวนเรือที่สวยงามที่สุดเนื่องจากมีพระบรมมหาราชวังเป็นฉากหลัง
สำหรับขบวนเรือพระราชพิธี ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวในโลก โดยขบวนเรือฯครั้งนี้ ใช้เรือ 52 ลำ ฝีพายกว่า 2,000 นาย ประกอบด้วย เรือพระราชพิธี 4 ลำ ได้แก่ เรือสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 ที่กองทัพเรือร่วมกับกรมศิลปากร และสำนักพระราชวัง ดำเนินการจัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาส พระพิธีการญจนาภิเษก เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์
ส่วนเรือประเภทต่างๆได้แก่ เรือเอกชัยเหินหาว เรือเอกชัยหลาวทอง เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือครุฑเหินเห็จ เรือครุฑเตร็จไตรจักร เรือเสือทยานชล เรือเสือคำรณสินธุ์ เรืออีเหลือง เรือแตงโม เรือทอง-ขวานฟ้า เรือทองบ้าบิ่น เรือดั้ง 22 ลำ เรือแซง 7 ลำ เรือตำรวจ 3 ลำ
**ทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ
ต่อมาเวลา 18.40 น.หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ และพระประมุขและพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ ได้ทอดพระเนตรขบวนเรือพระราชพิธีเสร็จสิ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินนำพระประมุข และพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ ออกจากอาคารราชนาวิกสภาหลังใหม่ ไปยังอาคารหอประชุมกองทัพเรือ โดยรถไฟฟ้าพระที่นั่ง ทางประตูด้านทิศใต้ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา รอรับเสด็จฯ
ส่วนรถไฟฟ้าพระที่นั่งของประมุข และพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ ส่งเสด็จบริเวณประตูด้านทิศตะวันออก โดยมี นายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรองผู้บัญชาการทหารเรือ รอรับเสด็จพระประมุขและพระราชวงศ์ต่างประเทศ เสด็จฯขึ้นสู่ห้องที่ประทับ ชั้น 2
จากนั้น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการเตรียมการเชิญและจัดกิจกรรม กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระประมุขและพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ เสด็จฯ ออกจากห้องที่ประทับมายังห้องนิทรรศการประทับพระเก้าอี้บนเวที
โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลรายงานการจัดนิทรรศการ และกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการ ทรงพระดำเนินไปยังฉากนิทรรศการ รวม 3 ฉาก แต่ละฉากใช้เวลาประมาณ 6 นาที เมื่อทอดพระเนตรนิทรรศการเสร็จสิ้นแล้ว เสด็จฯ กลับเข้าสู่ห้องที่ประทับรัฐบาลจัดงานเลี้ยงรับรองถวาย ได้เวลาอันสมควร พระประมุขและพระราชวงศ์ทั้ง 25 ประเทศ ทูลลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเสด็จฯ กลับตามลำดับ (ครองราชย์มากที่สุด-น้อยที่สุด) โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ส่งเสด็จ ณ รถยนต์พระที่นั่ง
จากนั้นเวลา 20.45 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ กลับ โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาส่งเสด็จ
**เปิดเมนูพระราชทานเลี้ยงฯ
สำหรับหมายกำหนดการพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีในวันนี้ ในช่วงเวลา 19.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ จะพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแด่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีจากประเทศต่าง ๆ ณ พระที่นั่งบรมราชาสถิตยมโหฬาร ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งถือเป็นงานเลี้ยงพระราชทานประวัติศาสตร์โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบามราชินีนาถทรงเลือกเมนูพระราชทานเลี้ยงด้วยพระองค์เอง
เชฟนอร์เบิร์ท คอสเนอร์ ตำแหน่ง Executive Chef จากโรงแรมโอเรียนเต็ล ซึ่งเป็นผู้ปรุงพระกระยาหารมื้อนี้เปิดเผยว่าได้นำผลิตภัณฑ์สด ๆ หลายอย่างจากโครงการหลวงมาใช้ในครั้งนี้ อาทิ อาติโชก ลาสเบอรี หรือแม้กระทั่งสตรอเบอรีป่าลูกเล็ก ๆ ที่สามารถปลูกได้บนดอยอินทนนท์จะให้รสชาติที่หอมอร่อย กุ้ง crey fish ,ปลาคอต เป็นต้น โดยเมนูที่จะทำถวายเป็นอาหารฝรั่ง 5 คอร์ส คือ สลัดกุ้งcrey fishกับเนื้อปู ,ซุปผักใส , ปลาคอตราดซอส เมนคอร์สเป็นเนื้อลูกวัว และขนมหวานคือแอปเปิ้ลชาลอต
เชฟนอร์เบิร์ทกล่าวเพิ่มเติมว่าในงานพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารแด่พระราชอาคันตุกะครั้งนี้มีทั้งสิ้น 400 ที่และบุฟเฟต์สำหรับผู้ติดตามอีก 1,000 คน ที่จัดเลี้ยงกันที่ศาลาสหทัยสมาคม ซึ่งเขาได้เตรียมความพร้อมทั้งวัตถุดิบ และใช้เจ้าหน้าที่กว่า 150 คนในงานเลี้ยงพระราชทานครั้งนี้
หลังจากพระกระยาหารค่ำแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระราชดำรัสขอบพระทัยพระประมุขและพระราชวงศ์จากต่างประเทศ จากนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม ในฐานะทรงเป็นผู้แทนพระประมุบและพระราชวงศ์ต่างประเทศ ถวายพระพรชัยมงคล
** สื่อทั่วโลกเสนอข่าวพระราชพิธีสุดอลังการ
สำนักข่าวเอเอฟพี ตีพิมพ์ข่าวที่คนไทยร่วมใจกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อาทิ การปล่อยนักโทษ การพิมพ์ธนบัตรที่ระลึกชนิด 60 บาท ไปจนถึงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาหายาก
โดยสำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก อีกทั้งทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ มากมาย ทั้งในการช่วยเหลือผู้ยากไร้ และทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทยเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมือง ในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีนี้ พสกนิกรชาวไทยร่วมใจกันจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งการประกอบพิธีทางศาสนา การยิงสลุต การจุดพลุเฉลิมพระเกียรติ และงานเลี้ยงพระราชอาคันตุกะจาก 25 ประเทศที่เสด็จฯ มาทอดพระเนตรกระบวนเรือพระราชพิธี
นอกจากนี้ คนไทยทั้งประเทศยังร่วมใจกันใส่เสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ และสายข้อมือที่เขียนข้อความว่าเรารักพระเจ้าอยู่หัว และเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันฉลองสิริราชสมบัติฯ ชาวไทยนับล้านคนไปรอเข้าเฝ้าฯ ยังลานพระบรมรูปทรงม้า และหลายคนหลั่งน้ำตาด้วยความปีติยินดีที่ได้ยินพระราชดำรัสของพระองค์
เอเอฟพี ระบุว่า ตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งอาคารบ้านเรือนต่างประดับประดาด้วยธงสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ ขณะที่ภาคธุรกิจและสถานเอกอัครราชทูตลงข้อความถวายพระพรตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ นอกจากนี้ ตามจังหวัดต่างๆ ก็จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งคอนเสิร์ต นิทรรศการ ปลูกต้นไม้ และปล่อยพันธุ์ปลาต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล