เซียงเพียวอิ๊ว สลัดภาพสินค้าโบราณ รีเฟรชแบรนด์ลุยเต็มที่ ยิ้มรับตลาดยาดมคึกคัก เตรียมแผนบุกเต็มกำลัง ทุ่มเงินกว่า 50 ล้านบาท ขยายฐานผลิตเพิ่มอีก 30% รองรับตลาดโต เชื่อยอดรวมขยับขึ้นอีก 20% พร้อมเปิดตลาดส่งออกใหม่ที่อินเดีย
นางสุวรรณา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เบอร์แทรม เคมิคอล (1982)จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ของตลาดรวมของยาหม่องและยาดม มีทิศทางที่เติบโตขึ้นอย่างมาก จึงทำให้ตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นจากผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่งรายใหญ่จะมีไม่มาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งหลาย ต้องปรับตัวและปรับกลยุทธ์การตลาดตลอดเวลาเช่น กานำเสนอจุดเด่นของสินค้าให้ชัดเจนมากขึ้น หรือการขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้น
โดยปัจจุบันมูลค่ารวมของตลาดยาดมมีประมาณ 2,000 ล้านบาท และเป็นรูปแบบเจลปาล์มประมาณ 1,000 ล้านบาท และยาหม่องน้ำ 200 ล้านบาทซึ่งโอกาสการเติบโตของตลาดรวมคาดว่าจะไปได้ถึง 1,000 ล้านบาทในอนาคต ซึ่งในส่วนของตลาดยาหม่องน้ำ แบรนด์เซียงเพียวอิ๊วของบริษัทเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% หรือ 150 ล้านบาท ส่วนตลาดยาดม บริษัทฯอยู่ในอันดับที่สองของตลาดมีแชร์ 10% รองจาก แบรนด์โป๊ยเซียนที่ครองตลาดกว่า 90%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทจากนี้ไป แนวทางหลักๆคือ การขยายกำลังการผลิต การเพิ่มช่องจำหน่าย การขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมทั้งการขยายสู่ตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง เพื่อรองรับตลาดที่เติบโตขึ้น และจากการที่ไลฟสไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ของการรับรู้ภาพลักษณ์สินค้าประเภทยาดมและยาหม่องที่แตกต่างจากเมื่อก่อน ผู้บริโภคเริ่มมองว่าผลิตภัณฑ์แบบนี้ในบางประเภทเป็นส่วนหนึ่งของไลฟสไตล์ทั้งใช้ในการสูดดมเพื่อผ่อนคลายมากกว่าเป็นยาที่ใช้ในเวลาจำเป็นเพียงเท่านั้น
ทั้งนี้บริษัทฯเตรียมลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านบาท เพื่อที่จะขยายการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมที่โรงงานยังเดินเครื่องผลิตไม่เต็มกำลังประมาณ 70% หรือประมาณ 30 ล้านขวดต่อปี โดยเตรียมจะเดินเครื่องผลิตให้เต็ม 100% ภายในปีนี้หรือ เพิ่มเป็น 40 ล้านขวดต่อปี นอกจากนั้นจะบุกหนักช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นทั้งโมเดิร์นเทรดโดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ตมากขึ้นเพื่อรองรับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วย จากเดิมผ่านตัวแทนจำหน่ายลักษณะร้านขายยาโมเดิร์นเทรดและเชนสโตร์ จำนวนกว่า 10,000 แห่งที่ประเทศ
โดยบริษัทตั้งงบประมาณ 80 ล้านบาทในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมต่างๆ ล่าสุดใช้งบ 57 ล้านบาท ในการออกภาพยนตร์โฆษณาเพื่อต้องการจะปรับภาพลักษณ์และรีเฟรชแบรนด์ด้วยการกำหนดข้อความสื่อสารใหม่ เพื่อใม่ให้ภาพลักษณ์สินค้าดูมีอายุมากเกินไป เพื่อต้องการขยายฐานคนรุ่นใหม่อายุ 35 ปีขึ้นไป
นอกจากนั้นจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ดำเนินการ โดยล่าสุดได้ส่งออกไปจำหน่ายที่ประเทศอินเดีย ซึ่งจะเริ่มปลายปีนี้ โดยทั้งนี้บริษัทฯจะส่งทั้งตัวเซียงเพียวอิ๊วและตัวเพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ ปัจจุบันบริษัทฯทำการส่งออกเบอสินคาเซียงเพียวอิ๊วไปทั้งตลาดเอเชีย ยุโรป อเมริกา เช่น ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม มาเลเชีย อินโดนีเชีย บรูไน จีน เอเชียตะวันออกกลาง แคนาดา อังกฤษ เยอรมัน อเมริกา
ยอดรายได้ของบริษัทฯจะมาจากในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วนที่เก่ากัน 50-50 จากรายได้รวมกว่า 300 ล้านบาท ในปีที่แล้ว และปีนี้คาดว่าผลประกอบการโดยรวมจะเติบโตขึ้น 20%
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ “เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์”ที่เปิดตลาดเมื่อต้นปีนี้ โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นหญิงสาว และคนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 18-35ปี อาศัยอยู่ในเมือง และคนทำงาน มี 2 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นดั้งเดิมและ กลิ่นชาเขียวอยู่ในรูปแบบ บาล์มและเจล ขณะนี้กระจายสินค้าไปทั่วแล้วทั้งโมเดิร์นเทรดเช่นร้านบู้ทส์ วัตสัน บิ๊กซี เทสโก้โลตัส คาร์ฟูร์ และเพิ่มจำหน่าย ร้านขายหนังสือ บีทูเอส และร้านจิฟฟี่ คาดว่าตัวใหม่นี้จะสามารถทำยอดขายได้ในปีนี้กว่า 15 ล้านบาท
“นอกจากนี้สินค้าที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันแล้ว ทางบริษัทฯยังเตรียมการพัฒนาและคิดค้นสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นโดยจะเน้นที่การทำ Segmentation คือเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การวิจัย การกำหนดราคา และช่องทางการจำหน่าย การทำแพ็คเกจจิ้ง รวมถึงการสื่อสารทางการตลาด ดำเนินการได้ง่ายและแม่นยำมากขึ้น อย่างสินค้าเพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ ก็เป็นตัวอย่างการทำ Segmentation ของบริษัทฯที่เน้นเจาะกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิง” นางสุวรรณากล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯได้ผลิตสินค้ายาหม่องและบาล์ม แบรนด์ “เซียงเพียวอิ๊ว” อยู่ 4 รูปแบบ ได้แก่ 1.เซียงเพียวอิ๊วชนิดน้ำ 2.เซียงเพียวอิ๊วชนิดบาล์ม 3.ยาดมเซียงเพียว 4.ยาดมเซียงเพียวน้ำ ซึ่งที่ผ่านมารายได้กว่า 95% ของบริษัทฯมาจากเซียงเพียวอิ๊วทั้งนั้น และยาหม่องชนิดเจลและชนิดแท่ง แบรนด์ “เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์”
นางสุวรรณา อัครพงศ์พิศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เบอร์แทรม เคมิคอล (1982)จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ของตลาดรวมของยาหม่องและยาดม มีทิศทางที่เติบโตขึ้นอย่างมาก จึงทำให้ตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นจากผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่งรายใหญ่จะมีไม่มาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งหลาย ต้องปรับตัวและปรับกลยุทธ์การตลาดตลอดเวลาเช่น กานำเสนอจุดเด่นของสินค้าให้ชัดเจนมากขึ้น หรือการขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้น
โดยปัจจุบันมูลค่ารวมของตลาดยาดมมีประมาณ 2,000 ล้านบาท และเป็นรูปแบบเจลปาล์มประมาณ 1,000 ล้านบาท และยาหม่องน้ำ 200 ล้านบาทซึ่งโอกาสการเติบโตของตลาดรวมคาดว่าจะไปได้ถึง 1,000 ล้านบาทในอนาคต ซึ่งในส่วนของตลาดยาหม่องน้ำ แบรนด์เซียงเพียวอิ๊วของบริษัทเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% หรือ 150 ล้านบาท ส่วนตลาดยาดม บริษัทฯอยู่ในอันดับที่สองของตลาดมีแชร์ 10% รองจาก แบรนด์โป๊ยเซียนที่ครองตลาดกว่า 90%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทจากนี้ไป แนวทางหลักๆคือ การขยายกำลังการผลิต การเพิ่มช่องจำหน่าย การขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมทั้งการขยายสู่ตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง เพื่อรองรับตลาดที่เติบโตขึ้น และจากการที่ไลฟสไตล์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ของการรับรู้ภาพลักษณ์สินค้าประเภทยาดมและยาหม่องที่แตกต่างจากเมื่อก่อน ผู้บริโภคเริ่มมองว่าผลิตภัณฑ์แบบนี้ในบางประเภทเป็นส่วนหนึ่งของไลฟสไตล์ทั้งใช้ในการสูดดมเพื่อผ่อนคลายมากกว่าเป็นยาที่ใช้ในเวลาจำเป็นเพียงเท่านั้น
ทั้งนี้บริษัทฯเตรียมลงทุนเพิ่มอีก 50 ล้านบาท เพื่อที่จะขยายการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมที่โรงงานยังเดินเครื่องผลิตไม่เต็มกำลังประมาณ 70% หรือประมาณ 30 ล้านขวดต่อปี โดยเตรียมจะเดินเครื่องผลิตให้เต็ม 100% ภายในปีนี้หรือ เพิ่มเป็น 40 ล้านขวดต่อปี นอกจากนั้นจะบุกหนักช่องทางจำหน่ายเพิ่มขึ้นทั้งโมเดิร์นเทรดโดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ตมากขึ้นเพื่อรองรับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ด้วย จากเดิมผ่านตัวแทนจำหน่ายลักษณะร้านขายยาโมเดิร์นเทรดและเชนสโตร์ จำนวนกว่า 10,000 แห่งที่ประเทศ
โดยบริษัทตั้งงบประมาณ 80 ล้านบาทในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมต่างๆ ล่าสุดใช้งบ 57 ล้านบาท ในการออกภาพยนตร์โฆษณาเพื่อต้องการจะปรับภาพลักษณ์และรีเฟรชแบรนด์ด้วยการกำหนดข้อความสื่อสารใหม่ เพื่อใม่ให้ภาพลักษณ์สินค้าดูมีอายุมากเกินไป เพื่อต้องการขยายฐานคนรุ่นใหม่อายุ 35 ปีขึ้นไป
นอกจากนั้นจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นผู้ดำเนินการ โดยล่าสุดได้ส่งออกไปจำหน่ายที่ประเทศอินเดีย ซึ่งจะเริ่มปลายปีนี้ โดยทั้งนี้บริษัทฯจะส่งทั้งตัวเซียงเพียวอิ๊วและตัวเพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ ปัจจุบันบริษัทฯทำการส่งออกเบอสินคาเซียงเพียวอิ๊วไปทั้งตลาดเอเชีย ยุโรป อเมริกา เช่น ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม มาเลเชีย อินโดนีเชีย บรูไน จีน เอเชียตะวันออกกลาง แคนาดา อังกฤษ เยอรมัน อเมริกา
ยอดรายได้ของบริษัทฯจะมาจากในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วนที่เก่ากัน 50-50 จากรายได้รวมกว่า 300 ล้านบาท ในปีที่แล้ว และปีนี้คาดว่าผลประกอบการโดยรวมจะเติบโตขึ้น 20%
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ “เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์”ที่เปิดตลาดเมื่อต้นปีนี้ โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นหญิงสาว และคนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 18-35ปี อาศัยอยู่ในเมือง และคนทำงาน มี 2 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นดั้งเดิมและ กลิ่นชาเขียวอยู่ในรูปแบบ บาล์มและเจล ขณะนี้กระจายสินค้าไปทั่วแล้วทั้งโมเดิร์นเทรดเช่นร้านบู้ทส์ วัตสัน บิ๊กซี เทสโก้โลตัส คาร์ฟูร์ และเพิ่มจำหน่าย ร้านขายหนังสือ บีทูเอส และร้านจิฟฟี่ คาดว่าตัวใหม่นี้จะสามารถทำยอดขายได้ในปีนี้กว่า 15 ล้านบาท
“นอกจากนี้สินค้าที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันแล้ว ทางบริษัทฯยังเตรียมการพัฒนาและคิดค้นสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นโดยจะเน้นที่การทำ Segmentation คือเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การวิจัย การกำหนดราคา และช่องทางการจำหน่าย การทำแพ็คเกจจิ้ง รวมถึงการสื่อสารทางการตลาด ดำเนินการได้ง่ายและแม่นยำมากขึ้น อย่างสินค้าเพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ ก็เป็นตัวอย่างการทำ Segmentation ของบริษัทฯที่เน้นเจาะกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิง” นางสุวรรณากล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯได้ผลิตสินค้ายาหม่องและบาล์ม แบรนด์ “เซียงเพียวอิ๊ว” อยู่ 4 รูปแบบ ได้แก่ 1.เซียงเพียวอิ๊วชนิดน้ำ 2.เซียงเพียวอิ๊วชนิดบาล์ม 3.ยาดมเซียงเพียว 4.ยาดมเซียงเพียวน้ำ ซึ่งที่ผ่านมารายได้กว่า 95% ของบริษัทฯมาจากเซียงเพียวอิ๊วทั้งนั้น และยาหม่องชนิดเจลและชนิดแท่ง แบรนด์ “เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์”