xs
xsm
sm
md
lg

อัยการสั่งไม่ฟ้อง"วัฒนา"คดีรุกที่กะปง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“วัฒนา”โล่งอก อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ กะปง จ.พังงา กว่า 13,000 ไร่ พร้อมส่งสำนวนตีกลับสำนวนให้ “ดีเอสไอ” พิจารณาใหม่ ระบุหากมีความเห็นแย้งส่งกลับให้อัยการสูงสุดชี้ขาด ด้านอัยการฝ่ายคดีพิเศษเตรียมแจงเหตุคำสั่งไม่ฟ้องวันนี้

วานนี้ (7 มิ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ (ดีเอสแอล) นัดฟังคำสั่งคดีที่ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรชม.มหาดไทย กับพวกซึ่งเป็นกรรมการบริษัท อินเตอร์ปาล์มออยล์ อินดัสทรีส์ จำกัด และ บ.อินเตอร์ปาล์มออยล์ฯ รวม 11 คน ผู้ต้องหาฐานบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ อ.กะปง จ.พังงา จำนวน 13,000 ไร่เศษ

นายวิเชษฐ์ มุสิกรังษี อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เปิดเผยว่า เนื่องจากคณะทำงานอัยการอยู่ระหว่างพิจารณาหนังสือขอความเป็นธรรมของทางฝ่ายผู้ต้องหา ที่ขอให้ทางอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ดินของผู้ต้องหานั้นอยู่ในเขตป่าสงวนหรือไม่ จึงขอเลื่อนการส่งตัวผู้ต้องหาออกไปจนกว่าจะมีการพิจารณาหนังสือขอความเป็นธรรมเสร็จสิ้น และนัดฟังคำสั่งคดีอกีครั้งในวันที่ในวันที่ 6 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

นายวิเชษฐ์ ในฐานะอัยการเจ้าของสำนวน เปิดเผยว่า ล่าสุดคดีนี้ นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ได้มีคำสั่งไม่ฟ้อง นายวัฒนา อัศวเหม หนึ่งในผู้ต้องหาไปแล้ว โดยตนได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นในการสั่งไม่ฟ้องนายวัฒนา ส่งกลับไปยัง พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งหากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นแย้งกับคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว ก็สามารถส่งสำนวนกลับไปให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด ส่วนสาเหตุที่อัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายวัฒนาในคดีนี้ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ที่จะเป็นผู้เปิดเผยต่อไป

ด้านนายชาย ศรีสงวนสกุล นายประกัน กล่าวภายหลังรับทราบคำสั่งว่า การจัดซื้อที่ดินถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย มีเอกสารสิทธิรับรองจากธนาคาร ไม่ใช่การซื้อขายจากชาวบ้าน หากดีเอสไอ ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมก็พร้อมส่งมอบให้ โดยในวันนี้โฆษกอัยการสูงสุด จะแถลงรายละเอียดการพิจารณาคดีอย่างละเอียดอีกครั้งในเวลา 09.30 น.

คดีนี้สืบเนื่องจากนายสมชาย ทิพย์พิมล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเหล (อบต.เหล)อ.กะปง จ.พังงา ทำหนังสือกล่าวโทษต่อ พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ว่ามีบุคคลและเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันสนับสนุนในการบุกรุกป่าไม้ เปลี่ยนแปลงสภาพป่าไม้ ภูเขา ต้นน้ำ ลำธาร และร่วมกันสนับสนุนการปลอมเอกสารทางราชการ รับรองเอกสารราชการอันเป็นเท็จ ในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ น.ส.3 ก.ให้กลุ่มบุคคลและคณะบุคคลครอบครองที่ดิน 3 ตำบล คือ ต.เหล ต.ท่านา ต.รมณีย์ รวม 626 แปลง จำนวน 13,000 ไร่ เมื่อปี 2529 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
กำลังโหลดความคิดเห็น