กระเป๋าทูมี่เห็นช่องว่างตลาดไทยเตรียมรุกหนัก พร้อมขยายฐานลูกค้าสู่คนไทยมากขึ้น ล่าสุดผนึกดูคาติเปิดตัวกระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่ 8 แบบ มีจำกัด 100 ใบ ตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ 100 ล้านบาท ปีหน้าเล็งเปิดร้านในรูปแบบแฟลกชิพ สโตร์ ภายใต้งบลงทุน 100 ล้านบาท
นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าสินค้าแฟชั่น อาทิ กระเป๋าเดินทางทูมี่จากอเมริกา เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของทูมี่ในปีนี้ บริษัทฯเตรียมรุกทำตลาดมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ รุ่นที-เทค เจาะกลุ่มนักธุรกิจที่เริ่มทำงาน โดยราคาสินค้าจะถูกกว่าทูมี่รุ่นปกติ 30 % และการเปิดตัวสินค้าแอสเซสซอรี่ หรือเครื่องประดับต่างๆ เช่น นาฬิกาและเข็มขัด เป็นต้น
“การที่เรารุกทำตลาดทูมี่มากขึ้น เนื่องจากพบว่าตลาดกระเป๋าเดินทางยังมีคู่แข่งไม่มาก อีกทั้งบริษัทฯมั่นใจในตัวสินค้าทูมี่ที่มีอินโนเวชั่น เช่น ตัวกระเป๋ามีระบบบาร์โค้ดทุกใบหากกระเป๋าหายสามารถตามหาได้ เป็นต้น รวมถึงวัสดุมีคุณภาพดี และมีสไตล์เรียบสีไม่ฉูดฉาด”
พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนไทยมากขึ้น เนื่องจากคนไทยมีกำลังซื้อและยังมีการใช้กระเป๋าถือเพื่อทำงานน้อยอยู่หากเทียบกับญี่ปุ่นและอเมริกา อีกทั้งปัจจุบันตลาดไทยมีศักยภาพดีเห็นได้จากการที่บริษัทชั้นนำมีฐานการผลิตอยู่ในไทย เช่น เป๊ปซี่,โตโยต้าและฟอร์ด ฯลฯ และโจทย์ของบริษัทฯคือเจาะกลุ่มคนทำงานที่เป็นผู้ชายให้ได้มากที่สุด
ปัจจุบันฐานสมาชิกของทูมี่ในไทยมีประมาณ 3,000 ราย แบ่งเป็น 70% เป็นคนต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น และคนไทย 30% ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าจำนวนลูกค้าใหม่จะเพิ่มเป็น 4,000-5,000 ราย โดยสัดส่วนลูกค้าจะปรับเป็นลูกค้าคนไทย 50% และต่างประเทศ 50%
ประกอบกับบริษัทฯจะเน้นร่วมมือกับพันธมิตรในการทำตลาดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ล่าสุดไมเนอร์ได้ร่วมกับดูคาตี่ ผู้นำด้านรถมอเตอร์ไซต์จากอิตาลีเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ 8 แบบ ได้แก่ กระเป๋าเอกสารขนาดเล็ก, กระเป๋าใส่แผนที่,แบ็คแพ็ค,กระเป๋าเดินทางล้อเลื่อน เป็นต้น โดยระดับราคาจะอยู่ที่ 8,000-36,000 บาท ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้านำเข้ารุ่นนี้อยู่ที่ 100 ใบ
ด้านช่องทางการขายของทูมี่ปัจจุบันมี 5 ชอป ได้แก่ เซ็นทรัล ชิดลม, ดิ เอ็มโพเรียม,ห้างอิเซตัน,เกษร พลาซ่า และสยามพารากอน โดยในปีหน้าบริษัทฯมีแผนเปิดร้านค้าในรูปแบบแฟลกชิพ สโตร์ บนขนาดพื้นที่ 150 ตารางเมตร ภายใต้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษารูปแบบอยู่
สำหรับยอดรายได้ของทูมี่ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้ 100 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 30% จากปีที่แล้วที่ปิดยอดขายที่ 60 ล้านบาทและอัตราการเติบโต 30% โดยยอดรายได้ของทูมี่คิดเป็นสัดส่วน 1-1.5% ของบริษัทไมเนอร์ฯ
นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าสินค้าแฟชั่น อาทิ กระเป๋าเดินทางทูมี่จากอเมริกา เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของทูมี่ในปีนี้ บริษัทฯเตรียมรุกทำตลาดมากขึ้น ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ รุ่นที-เทค เจาะกลุ่มนักธุรกิจที่เริ่มทำงาน โดยราคาสินค้าจะถูกกว่าทูมี่รุ่นปกติ 30 % และการเปิดตัวสินค้าแอสเซสซอรี่ หรือเครื่องประดับต่างๆ เช่น นาฬิกาและเข็มขัด เป็นต้น
“การที่เรารุกทำตลาดทูมี่มากขึ้น เนื่องจากพบว่าตลาดกระเป๋าเดินทางยังมีคู่แข่งไม่มาก อีกทั้งบริษัทฯมั่นใจในตัวสินค้าทูมี่ที่มีอินโนเวชั่น เช่น ตัวกระเป๋ามีระบบบาร์โค้ดทุกใบหากกระเป๋าหายสามารถตามหาได้ เป็นต้น รวมถึงวัสดุมีคุณภาพดี และมีสไตล์เรียบสีไม่ฉูดฉาด”
พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนไทยมากขึ้น เนื่องจากคนไทยมีกำลังซื้อและยังมีการใช้กระเป๋าถือเพื่อทำงานน้อยอยู่หากเทียบกับญี่ปุ่นและอเมริกา อีกทั้งปัจจุบันตลาดไทยมีศักยภาพดีเห็นได้จากการที่บริษัทชั้นนำมีฐานการผลิตอยู่ในไทย เช่น เป๊ปซี่,โตโยต้าและฟอร์ด ฯลฯ และโจทย์ของบริษัทฯคือเจาะกลุ่มคนทำงานที่เป็นผู้ชายให้ได้มากที่สุด
ปัจจุบันฐานสมาชิกของทูมี่ในไทยมีประมาณ 3,000 ราย แบ่งเป็น 70% เป็นคนต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่น และคนไทย 30% ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าจำนวนลูกค้าใหม่จะเพิ่มเป็น 4,000-5,000 ราย โดยสัดส่วนลูกค้าจะปรับเป็นลูกค้าคนไทย 50% และต่างประเทศ 50%
ประกอบกับบริษัทฯจะเน้นร่วมมือกับพันธมิตรในการทำตลาดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ล่าสุดไมเนอร์ได้ร่วมกับดูคาตี่ ผู้นำด้านรถมอเตอร์ไซต์จากอิตาลีเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ 8 แบบ ได้แก่ กระเป๋าเอกสารขนาดเล็ก, กระเป๋าใส่แผนที่,แบ็คแพ็ค,กระเป๋าเดินทางล้อเลื่อน เป็นต้น โดยระดับราคาจะอยู่ที่ 8,000-36,000 บาท ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้านำเข้ารุ่นนี้อยู่ที่ 100 ใบ
ด้านช่องทางการขายของทูมี่ปัจจุบันมี 5 ชอป ได้แก่ เซ็นทรัล ชิดลม, ดิ เอ็มโพเรียม,ห้างอิเซตัน,เกษร พลาซ่า และสยามพารากอน โดยในปีหน้าบริษัทฯมีแผนเปิดร้านค้าในรูปแบบแฟลกชิพ สโตร์ บนขนาดพื้นที่ 150 ตารางเมตร ภายใต้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษารูปแบบอยู่
สำหรับยอดรายได้ของทูมี่ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้ 100 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 30% จากปีที่แล้วที่ปิดยอดขายที่ 60 ล้านบาทและอัตราการเติบโต 30% โดยยอดรายได้ของทูมี่คิดเป็นสัดส่วน 1-1.5% ของบริษัทไมเนอร์ฯ