ข่าวดีรับ 60 ปีครองราชย์ พบพระสูติบัตรรัชกาลที่ 8 ที่เมืองไฮเดนเบิร์ก เยอรมนี “ฮารัลด์ ซูร์ เฮาเซ่น” เจ้าของรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลผู้ค้นพบเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้นปีหน้า ขณะที่กระแสเสื้อเหลืองยังฟีเวอร์ไม่หยุด ประชาชนแห่เข้าคิวซื้อเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเพียบ ชาวบ้านร้องแม่ค้าโก่งราคาแพงสุดโหด ก.พาณิชย์ลั่นหากค้ากำไรเกินควรมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ด้านททท.ปิ๊งไอเดีย ตามเก็บเส้นทางพระราชอาคันตุกะนำมาจัดทำเป็นแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยว หวังกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปีนี้
ศ.ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย หรือ TCEL นำคณะสื่อมวลชนดูงาน ณ เมืองไฮเดนเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้ประสบกับเรื่องน่ายินดีครั้งสำคัญ โดย ศ.นพ.ฮารัลด์ ซูร์ เฮาเซ่น ซึ่งเป็น ศ.เกียรติคุณ และอดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยมะเร็ง เมืองไฮเดนเบิร์ก หนึ่งในผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แจ้งว่าได้ค้นพบพระสูติบัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลแล้ว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในการเดินทางมารับพระราชทานรางวัลที่ประเทศไทยของ ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น เมื่อต้นเดือน ม.ค.2549 ที่ผ่านมา ศ.นพ.สรรใจ แสงวิเชียร อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งมีความสนใจด้านประวัติศาสตร์ ได้แจ้งกับ ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น ว่า เมืองไฮเดนเบิร์ก เป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลประสูติ จึงอยากขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามหาพระสูติบัตรของพระองค์ท่าน โดยเบื้องต้นทราบเพียงว่าประสูติที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยไฮเดนเบิร์ก เมื่อเดินทางกลับมาที่เยอรมนี ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น ก็ได้ค้นหาจนพบใบพระสูติบัตรดังกล่าว โดยใช้เวลากว่า 5 เดือน
ศ.นพ.พรชัย กล่าวอีกว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ไม่ยินยอมให้ ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น คัดสำเนาใบพระสูติบัตร เพราะต้องเป็นญาติเท่านั้นจึงจะทำได้ จนได้รับความยินยอมจากนายกเทศมนตรีเมืองไฮเดนเบิร์ก ทางโรงพยาบาลจึงมอบพระสูติบัตรให้ โดยมีข้อแม้ว่า ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น จะต้องนำพระสูติบัตรนี้ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชโดยตรงเท่านั้น
“การเดินทางมาครั้งนี้และได้ทราบว่าพบพระสูติบัตรแล้ว พวกเราดีใจมาก และกำลังประสานงานเพื่อนำพระสูติบัตรนี้ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมาณเดือน ม.ค.2550 ซึ่งจะมีการประชุมมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล” ศ.ดร.พรชัย กล่าว
ด้าน ศ.นพ.สรรใจ กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวว่าพบพระสูติบัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลแล้ว รู้สึกดีใจมาก การตามหาพระสูติบัตรครั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้รวบรวมพระราชประวัติเพื่อนำมาเก็บไว้ในหอจดหมายเหตุ ซึ่งภายในจะจัดแสดงพระราชประวัติของพระบรมราชชนก พระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รัชกาลที่ 8 และ รัชกาลที่ 9
ทั้งนี้ ขณะนี้ในหอจดหมายเหตุมีสำเนาพระสูติบัตรของรัชกาลที่ 9 และภาพถ่ายโรงพยาบาลที่ประสูติ และภาพถ่ายโรงพยาบาลที่พระพี่นางฯ ประสูติแล้ว ส่วนรัชกาลที่ 8 ทราบเพียงว่าพระองค์ประสูติที่เมืองไฮเดนเบิร์ก จึงมีความพยายามที่จะค้นหาสูติบัตรของรัชกาลที่ 8
ศ.นพ.สรรใจ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่รัชกาลที่ 8 ประสูติที่เมืองไฮเดนเบิร์กนั้น เนื่องจากในขณะนั้นพระบรมราชชนก ทรงประชวรด้วยโรคไตเรื้อรัง และขณะนั้นการแพทย์ที่เมืองไฮเดนเบิร์ก ทำการรักษาโรคไตได้ดีมาก จึงเสด็จฯ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนี ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ และประทับอยู่ที่วิคตอเรียโฮเต็ล ปัจจุบันอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยไฮเดนเบิร์ก และทรงมีพระประสูติกาล วันที่ 20 ก.ย.2468
ทั้งนี้ การพบใบพระสูติบัตร จะทำให้พระราชประวัติของรัชกาลที่ 8 สมบูรณ์ และเมื่อ ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น นำใบพระสูติบัตรมาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต คัดลอกสำเนา มาไว้ในหอจดหมายเหตุต่อไป
** ร้องแม่ค้าโก่งราคาเสื้อเหลือง
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากกรณีเสื้อตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ขาดตลาด และมีราคาสูง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูต้นทุนการผลิตของบริษัทที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้เป็นผู้ผลิตเสื้อดังกล่าว ขณะเดียวกัน จะให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปดูเรื่องบัญชีการเงิน รวมถึงต้นทุนการผลิต กำไรและการบริจาคว่าเป็นไปตามที่ได้ทำเรื่องขอพระบรมราชานุญาตหรือไม่
“หากเห็นว่าเป็นการค้ากำไรเกินควร และทำให้ตลาดปั่นป่วน รวมทั้งมีการปฏิเสธการจำหน่าย ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในเบื้องต้นของกรมการค้าภายใน พบว่าต้นทุนการผลิต หากเป็นเสื้อยืดคอกลมต้นทุนอยู่ที่ 80 บาท ราคาขายอยู่ที่ 120-150 บาท เสื้อโปโล ต้นทุน 120-150 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า และค่าปักอีก 30 บาท รวมประมาณ 180 บาท ราคาขายจะอยู่ที่ 250-260 บาท แต่ขณะนี้มีการจำหน่ายเสื้อยืดคอกลมและโปโลตัวละอย่างน้อยละ 250-400 บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าเป็นการค้ากำไรเกินควรและทำให้ตลาดปั่นป่วน จึงขอให้ผู้ที่พบเห็นพฤติกรรมการเอารัดเอาเปรียบ ทั้งปฏิเสธการจำหน่าย ขายเกินราคา ให้ร้องเรียนมาที่สายด่วนแม่บ้าน 1569 ส่วนกรณีเป็นผู้ผลิต หากมีการผลิตและคิดอัตราสูง โดยไม่ตรงกับที่ขอพระบรมราชานุญาตก็จะดำเนินการตามกฎหมายด้วย
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาไปดูเรื่องตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะยื่นจดสิทธิบัตรสัญลักษณ์ดังกล่าวถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดการนำตราสัญลักษณ์นี้ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรือค้ากำไรเกินควรมากช่วงเกินไป
**ททท.ทำเส้นทางท่องเที่ยวพระราชอาคันตุกะ
นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการ ฝ่ายสินค้าท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เปิดเผยว่า มีแนวคิดที่จะนำเส้นทางท่องเที่ยวที่ พระราชอาคันตุกะจะเสด็จประพาส ภายหลังเสร็จสิ้นการร่วมงานพระราชพิธี ไปจัดทำเป็นเส้นทาง “ตามรอย พระราชอาคันตุกะ” โดยให้บริษัทนำเที่ยวได้ไปจัดเป็นแพกเกจทัวร์นำเที่ยว จำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งจะคล้ายกับแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยว “ตามรอยผู้นำเอเปก” เมื่อครั้งที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเอเปก ในปี 2546 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก
“หลังจากเสร็จพระราชพิธีต่างๆ แล้ว ประมุข หรือตัวแทนพระองค์ จากหลายๆประเทศที่เข้ามาร่วมงามพระราชพิธี หลายประเทศมีพระราชประสงค์ ที่จะเสด็จประพาสไปท่องเที่ยวยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการเดินทางเพื่อศึกษาดูงานในโครงการตามพระราชดำริ และ บางโครงการ ที่ได้ร่วมลงทุนหรือบริจาคเงินเพื่อการพัฒนาให้กับประเทศไทย”
อย่างไรก็ตาม ททท.เชื่อว่า เส้นทาง”ตามรอยพระราชอาคันตุกะ” ที่จะจัดทำขึ้นนี้ จะเป็นที่สนใจกับนักท่องเที่ยวไม่น้อยไปกว่า เส้นทางตามรอยผู้นำเอเปก โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะใช้กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เดินทางมากขึ้น
ศ.ดร.พรชัย มาตังคสมบัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย หรือ TCEL นำคณะสื่อมวลชนดูงาน ณ เมืองไฮเดนเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้ประสบกับเรื่องน่ายินดีครั้งสำคัญ โดย ศ.นพ.ฮารัลด์ ซูร์ เฮาเซ่น ซึ่งเป็น ศ.เกียรติคุณ และอดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยมะเร็ง เมืองไฮเดนเบิร์ก หนึ่งในผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แจ้งว่าได้ค้นพบพระสูติบัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลแล้ว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในการเดินทางมารับพระราชทานรางวัลที่ประเทศไทยของ ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น เมื่อต้นเดือน ม.ค.2549 ที่ผ่านมา ศ.นพ.สรรใจ แสงวิเชียร อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งมีความสนใจด้านประวัติศาสตร์ ได้แจ้งกับ ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น ว่า เมืองไฮเดนเบิร์ก เป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลประสูติ จึงอยากขอความช่วยเหลือให้ช่วยตามหาพระสูติบัตรของพระองค์ท่าน โดยเบื้องต้นทราบเพียงว่าประสูติที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยไฮเดนเบิร์ก เมื่อเดินทางกลับมาที่เยอรมนี ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น ก็ได้ค้นหาจนพบใบพระสูติบัตรดังกล่าว โดยใช้เวลากว่า 5 เดือน
ศ.นพ.พรชัย กล่าวอีกว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ไม่ยินยอมให้ ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น คัดสำเนาใบพระสูติบัตร เพราะต้องเป็นญาติเท่านั้นจึงจะทำได้ จนได้รับความยินยอมจากนายกเทศมนตรีเมืองไฮเดนเบิร์ก ทางโรงพยาบาลจึงมอบพระสูติบัตรให้ โดยมีข้อแม้ว่า ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น จะต้องนำพระสูติบัตรนี้ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชโดยตรงเท่านั้น
“การเดินทางมาครั้งนี้และได้ทราบว่าพบพระสูติบัตรแล้ว พวกเราดีใจมาก และกำลังประสานงานเพื่อนำพระสูติบัตรนี้ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมาณเดือน ม.ค.2550 ซึ่งจะมีการประชุมมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล” ศ.ดร.พรชัย กล่าว
ด้าน ศ.นพ.สรรใจ กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวว่าพบพระสูติบัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลแล้ว รู้สึกดีใจมาก การตามหาพระสูติบัตรครั้งนี้ สืบเนื่องจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้รวบรวมพระราชประวัติเพื่อนำมาเก็บไว้ในหอจดหมายเหตุ ซึ่งภายในจะจัดแสดงพระราชประวัติของพระบรมราชชนก พระบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ รัชกาลที่ 8 และ รัชกาลที่ 9
ทั้งนี้ ขณะนี้ในหอจดหมายเหตุมีสำเนาพระสูติบัตรของรัชกาลที่ 9 และภาพถ่ายโรงพยาบาลที่ประสูติ และภาพถ่ายโรงพยาบาลที่พระพี่นางฯ ประสูติแล้ว ส่วนรัชกาลที่ 8 ทราบเพียงว่าพระองค์ประสูติที่เมืองไฮเดนเบิร์ก จึงมีความพยายามที่จะค้นหาสูติบัตรของรัชกาลที่ 8
ศ.นพ.สรรใจ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่รัชกาลที่ 8 ประสูติที่เมืองไฮเดนเบิร์กนั้น เนื่องจากในขณะนั้นพระบรมราชชนก ทรงประชวรด้วยโรคไตเรื้อรัง และขณะนั้นการแพทย์ที่เมืองไฮเดนเบิร์ก ทำการรักษาโรคไตได้ดีมาก จึงเสด็จฯ พร้อมด้วยพระบรมราชชนนี ซึ่งกำลังทรงพระครรภ์ และประทับอยู่ที่วิคตอเรียโฮเต็ล ปัจจุบันอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยไฮเดนเบิร์ก และทรงมีพระประสูติกาล วันที่ 20 ก.ย.2468
ทั้งนี้ การพบใบพระสูติบัตร จะทำให้พระราชประวัติของรัชกาลที่ 8 สมบูรณ์ และเมื่อ ศ.นพ.ซูร์ เฮาเซ่น นำใบพระสูติบัตรมาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต คัดลอกสำเนา มาไว้ในหอจดหมายเหตุต่อไป
** ร้องแม่ค้าโก่งราคาเสื้อเหลือง
นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากกรณีเสื้อตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ขาดตลาด และมีราคาสูง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดูต้นทุนการผลิตของบริษัทที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้เป็นผู้ผลิตเสื้อดังกล่าว ขณะเดียวกัน จะให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าไปดูเรื่องบัญชีการเงิน รวมถึงต้นทุนการผลิต กำไรและการบริจาคว่าเป็นไปตามที่ได้ทำเรื่องขอพระบรมราชานุญาตหรือไม่
“หากเห็นว่าเป็นการค้ากำไรเกินควร และทำให้ตลาดปั่นป่วน รวมทั้งมีการปฏิเสธการจำหน่าย ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในเบื้องต้นของกรมการค้าภายใน พบว่าต้นทุนการผลิต หากเป็นเสื้อยืดคอกลมต้นทุนอยู่ที่ 80 บาท ราคาขายอยู่ที่ 120-150 บาท เสื้อโปโล ต้นทุน 120-150 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของผ้า และค่าปักอีก 30 บาท รวมประมาณ 180 บาท ราคาขายจะอยู่ที่ 250-260 บาท แต่ขณะนี้มีการจำหน่ายเสื้อยืดคอกลมและโปโลตัวละอย่างน้อยละ 250-400 บาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าเป็นการค้ากำไรเกินควรและทำให้ตลาดปั่นป่วน จึงขอให้ผู้ที่พบเห็นพฤติกรรมการเอารัดเอาเปรียบ ทั้งปฏิเสธการจำหน่าย ขายเกินราคา ให้ร้องเรียนมาที่สายด่วนแม่บ้าน 1569 ส่วนกรณีเป็นผู้ผลิต หากมีการผลิตและคิดอัตราสูง โดยไม่ตรงกับที่ขอพระบรมราชานุญาตก็จะดำเนินการตามกฎหมายด้วย
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาไปดูเรื่องตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะยื่นจดสิทธิบัตรสัญลักษณ์ดังกล่าวถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดการนำตราสัญลักษณ์นี้ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรือค้ากำไรเกินควรมากช่วงเกินไป
**ททท.ทำเส้นทางท่องเที่ยวพระราชอาคันตุกะ
นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการ ฝ่ายสินค้าท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)เปิดเผยว่า มีแนวคิดที่จะนำเส้นทางท่องเที่ยวที่ พระราชอาคันตุกะจะเสด็จประพาส ภายหลังเสร็จสิ้นการร่วมงานพระราชพิธี ไปจัดทำเป็นเส้นทาง “ตามรอย พระราชอาคันตุกะ” โดยให้บริษัทนำเที่ยวได้ไปจัดเป็นแพกเกจทัวร์นำเที่ยว จำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจทั้งคนไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งจะคล้ายกับแพกเกจทัวร์ท่องเที่ยว “ตามรอยผู้นำเอเปก” เมื่อครั้งที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเอเปก ในปี 2546 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับดีมาก
“หลังจากเสร็จพระราชพิธีต่างๆ แล้ว ประมุข หรือตัวแทนพระองค์ จากหลายๆประเทศที่เข้ามาร่วมงามพระราชพิธี หลายประเทศมีพระราชประสงค์ ที่จะเสด็จประพาสไปท่องเที่ยวยังจังหวัดต่างๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการเดินทางเพื่อศึกษาดูงานในโครงการตามพระราชดำริ และ บางโครงการ ที่ได้ร่วมลงทุนหรือบริจาคเงินเพื่อการพัฒนาให้กับประเทศไทย”
อย่างไรก็ตาม ททท.เชื่อว่า เส้นทาง”ตามรอยพระราชอาคันตุกะ” ที่จะจัดทำขึ้นนี้ จะเป็นที่สนใจกับนักท่องเที่ยวไม่น้อยไปกว่า เส้นทางตามรอยผู้นำเอเปก โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะใช้กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เดินทางมากขึ้น


