"บิ๊กจิ๋ว"ระบุสถานการณ์การเมืองขณะนี้น่ากลัว และน่าเป็นห่วง วอนให้ทุกฝ่ายใช้โอกาสมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี หันหน้าเข้าหากัน แก้ไขข้อขัดแย้ง พร้อมยืนยันไม่เล่นการเมืองอีก แต่ยินดีพูดคุย ให้คำแนะนำ
เมื่อวานนี้ (5มิ.ย.)พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า สถานการณ์ขณะนี้มองแล้วน่ากลัวและน่าห่วงใย เพราะทุกคนมองเห็นแต่ความขัดแย้ง ดังนั้น จะต้องแก้ไขในจุดนี้ด้วยการขจัดข้อข้องใจของทั้ง 2 ฝ่ายออกไปด้วยวิธีสันติ หันหน้าเข้าหากัน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ให้ปรับลดลง
"ไม่ใช่ฝ่ายนี้อยากเข่นฆ่าฝ่ายนี้ เอ็งลงไปไม่ได้ เอ็งอยู่ไม่ได้ เอ็งอยู่แล้วเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ มันไม่ถูก ต้องหันหน้าเข้าหากัน พูดกัน เพราะแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของพวกเราโดยตรง และปีนี้เป็นปีแห่งมหาวโรกาสที่ไม่มีชาติไหนประเทศใดมีอย่างนี้อีกแล้ว ฉะนั้นควรใช้โอกาสนี้สร้างความรักความสมานฉันท์ให้ได้เกิดขึ้น สมัยก่อนเราขัดแย้งกัน เราเคยยิงกันในป่าในเขา เรายังจูงมือกันมาสร้างสรรค์บ้านเมืองได้"
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คนที่เป็นคู่ขัดแย้งวันนี้อยู่ในบ้านในเมือง เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ น่าจะยุติความขัดแย้งกัน หันมาร่วมมือกัน อาจจะผิดพลาดกันได้ ก็เสนอแนะกัน หันหน้ามาแก้ไขกัน ก็จะเป็นสิ่งดีต่อลูกหลานต่อบ้านเมือง อย่าปล่อยปัญหาให้มากกว่านี้ เพราะจะเป็นแผลเป็นให้ชาติ และจะกลายเป็นประวัติศาสตร์
"ตรงนี้ผมไม่อยากให้ความเห็น ผมเองแม้จะไม่ยุ่งกับการเมืองแล้วก็พยายามพูดให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ผมคิดว่าถ้าหันหน้าเข้าหากันสักนิดเดียว ก็แก้ปัญหาได้ พวกเราล้วนเป็นพี่น้องกัน ดังนั้น ควรจะเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นปัญหาจะรุนแรงขึ้น เอ็งทำกู กูทำมึง มันไม่ไหว มันมีการทำร้ายกัน แม้จะทางวาจา ก็ไม่ไหวแล้ว" พล.อ.ชวลิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค. ยังสนใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือทำงานการเมืองอีกหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่ไหวแล้ว แก่แล้ว ควรจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ถึงจะไม่ยุ่งกับการเมือง ก็ยังไม่ละทิ้ง เพราะการเมืองเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนา ที่สำคัญที่ต้องร่วมมือกัน ช่วยให้รักกัน
ต่อข้อถามว่า มีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มอาศัยชื่อพล.อ.ชวลิต ไปตั้งพรรค หรือไปดำเนินการการเมือง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่อย่าไปโกรธไปเคืองกันเลย เป็นเพียงเรื่องที่ต้องปฏิเสธว่า “ผมเปล่านะครับ” แต่พรรคไหนจะให้ไปช่วยให้ความคิดเห็นก็ยินดีที่จะไปช่วย ไปพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนกันได้ แต่จะให้ไปทำเอง คงไม่แล้ว ยุติได้แล้ว
เมื่อวานนี้ (5มิ.ย.)พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า สถานการณ์ขณะนี้มองแล้วน่ากลัวและน่าห่วงใย เพราะทุกคนมองเห็นแต่ความขัดแย้ง ดังนั้น จะต้องแก้ไขในจุดนี้ด้วยการขจัดข้อข้องใจของทั้ง 2 ฝ่ายออกไปด้วยวิธีสันติ หันหน้าเข้าหากัน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ให้ปรับลดลง
"ไม่ใช่ฝ่ายนี้อยากเข่นฆ่าฝ่ายนี้ เอ็งลงไปไม่ได้ เอ็งอยู่ไม่ได้ เอ็งอยู่แล้วเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ มันไม่ถูก ต้องหันหน้าเข้าหากัน พูดกัน เพราะแผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของพวกเราโดยตรง และปีนี้เป็นปีแห่งมหาวโรกาสที่ไม่มีชาติไหนประเทศใดมีอย่างนี้อีกแล้ว ฉะนั้นควรใช้โอกาสนี้สร้างความรักความสมานฉันท์ให้ได้เกิดขึ้น สมัยก่อนเราขัดแย้งกัน เราเคยยิงกันในป่าในเขา เรายังจูงมือกันมาสร้างสรรค์บ้านเมืองได้"
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คนที่เป็นคู่ขัดแย้งวันนี้อยู่ในบ้านในเมือง เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ น่าจะยุติความขัดแย้งกัน หันมาร่วมมือกัน อาจจะผิดพลาดกันได้ ก็เสนอแนะกัน หันหน้ามาแก้ไขกัน ก็จะเป็นสิ่งดีต่อลูกหลานต่อบ้านเมือง อย่าปล่อยปัญหาให้มากกว่านี้ เพราะจะเป็นแผลเป็นให้ชาติ และจะกลายเป็นประวัติศาสตร์
"ตรงนี้ผมไม่อยากให้ความเห็น ผมเองแม้จะไม่ยุ่งกับการเมืองแล้วก็พยายามพูดให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ผมคิดว่าถ้าหันหน้าเข้าหากันสักนิดเดียว ก็แก้ปัญหาได้ พวกเราล้วนเป็นพี่น้องกัน ดังนั้น ควรจะเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นปัญหาจะรุนแรงขึ้น เอ็งทำกู กูทำมึง มันไม่ไหว มันมีการทำร้ายกัน แม้จะทางวาจา ก็ไม่ไหวแล้ว" พล.อ.ชวลิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งวันที่ 15 ต.ค. ยังสนใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือทำงานการเมืองอีกหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่ไหวแล้ว แก่แล้ว ควรจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ถึงจะไม่ยุ่งกับการเมือง ก็ยังไม่ละทิ้ง เพราะการเมืองเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องพัฒนา ที่สำคัญที่ต้องร่วมมือกัน ช่วยให้รักกัน
ต่อข้อถามว่า มีกลุ่มการเมืองบางกลุ่มอาศัยชื่อพล.อ.ชวลิต ไปตั้งพรรค หรือไปดำเนินการการเมือง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่อย่าไปโกรธไปเคืองกันเลย เป็นเพียงเรื่องที่ต้องปฏิเสธว่า “ผมเปล่านะครับ” แต่พรรคไหนจะให้ไปช่วยให้ความคิดเห็นก็ยินดีที่จะไปช่วย ไปพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนกันได้ แต่จะให้ไปทำเอง คงไม่แล้ว ยุติได้แล้ว