ทรท.พล่าน หลังผลสอบการทุจริตซื้อรถดับเพลิง กทม.พบคนในรัฐบาลส่อคอร์รัปชั่น โดยยกผลสอบฮั้วประมูล 16 โครงการ กทม.มาเล่นงาน “อภิรักษ์” แถมกล่าวหา ผู้บริหาร กทม.ล็อบบี้ผลสอบรถดับเพลิงไม่ให้ถึงตัวเอง ขณะเดียวกันไปงัดเอาเอกสาร บ.สไตเออร์ ที่ให้สินบนโกงรถดับเพลิงมาลบล้างความผิดอดีตผู้บริหาร กทม.และคนในรัฐบาล
น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย แถลงถึงกรณีการทุจริตรถดับเพลิง กทม. ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิง กทม.ชุดที่ กทม. ตั้งขึ้นสรุปผลการสอบสวนว่ากระทรวงมหาดไทยส่อกระทำการทุจริตว่า ประเด็นที่ขอชี้ให้เห็นคือ ผลการสอบสวนของกรรมการตรวจสอบ การทุจริตครั้งใหญ่ 2 เรื่องที่กทม.แต่งตั้ง คือ1.การฮั้วประมูลการก่อสร้าง16 โครงการของ กทม. ซึ่ง พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม.ได้สอบสวนและผลสอบสวนออกมาแล้ว พบว่ามีการสรุปพาดพิงไปถึงผู้บริหารและข้าราชการะดับสูงของ กทม.ร่วมทุจริต แต่คนที่โดนลงโทษมีแค่ข้าราชการซี 8 และซี 9 เพียง 2คน ขณะเดียวกันมีกระบวนการทำให้ไม่มีการเปิดเผยผลการสอบสวนในเรื่องนั้น
2. ส่วนการสอบสวนการทุจริตรถดับเพลิง กทม.นั้น ตนได้รับทราบว่า มีข่าวหนาหูว่าตอนนี้มีการล็อบบี้ผลการสอบสวนเรื่องนี้ให้ออกมาตรงตามความต้องการของใครบางคน แต่กรรมการสอบสวนไม่สามารถทำได้ เพราะเรื่องนี้มีการพาดพิงผู้บริหารระดับสูงของ กทม.บางคนด้วย
น.ต.ศิธา กล่าวว่า การแถลงข่าวในครั้งล่าสุดของ กทม.ไม่มีการชี้ว่าใครผิด นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ไม่ได้แถลงถึงการเปิดแอลซีที่ตัวเองลงลายเซ็นต์ เพื่อให้ข้อตกลงบังคับใช้ในสัญญานั้นไม่สามารถดำเนินการตามความผิดได้ ขอเรียนว่า ในทางราชการ หากไม่มีสัญญาหรือแอลซี จะไม่มีเอกชนรายใด มาขายสินค้าและบริการให้ทางราชการ หรือจัดผลประโยชน์ให้ใครบางคนได้ การรั่วไหลของงบประมาณอยู่ที่การเปิดแอลซี ผู้ว่าฯกทม.คนนี้ไม่เคยพูดถึงแอลซีที่ตัวเองไปดำเนินการเลย แต่กลับพูดแต่เรื่องแอลซี สมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าฯกทม คนนี้ยกเลิกแอลซีเก่าและเปิดแอลซีใหม่ในเวลาแค่ไม่กี่วัน
น.ต.ศิธา กล่าวว่า เอกสารที่ บ.สไตเออร์ ทำถึงนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม. ลงวันที่ 2 พ.ค.2549 โดยเอกสารแจ้งว่า บ.สไตเออร์ขอโต้ตอบข้อหา ของบางคน ที่ให้ข่าวผิดๆ กับสื่อมวลชน บ.สไตเออร์ยืนยันข้อเท็จจริงและข้อตกลงทั้งหมดเกิดจากข้อบังคับที่9.1คือเอโอยูที่กระทรวงมหาดไทยตกลงกับ.สไตเออร์ ที่สืบเนื่องจากการเปิดแอลซี หากผู้ว่าฯกทม.ไม่ลงนามในแอลซี นั้นข้อตกลงและการส่งมอบรถดับเพลิงจะไม่เกิดขึ้น บ.สไตเออร์ ทำตามข้อตกลงทุกประการ ในความเป็นจริงนั้น กทม.ถูกสังคมตำหนิคือ การพลาดพลั้งในการติเตียนบ.ไสตเออร์ ในทางตรงและอ้อมจนบ.สไตเออร์ไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้และไม่ยอมรับสิ่งที่ กทม.ดำเนินการ เท่ากับว่าบ.สไตเออร์ตบหน้า กทม.เต็มๆ เพราะกทม.โยนความผิดให้คนอื่น
น.ต.ศิธา กล่าวด้วยว่า ผู้ว่าฯกทม. บอกว่าจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหารือกับ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย ขอเรียนว่า รมว.มหาดไทยคนนี้เพิ่งรับตำแหน่งหลังจากที่เรื่องนี้จบไปแล้ว ความผิดในเรื่องนี้สำเร็จก่อนที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ จะเข้าไปทำงาน แม้ในความจริงความรับผิดชอบนั้นผู้ว่าฯกทม.และรมว.มหาดไทย ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ก็ตาม แต่รมว.มหาดไทยคนนี้เป็นนายทหาร ที่ไม่มีเวลาว่าง เพราะภารกิจเยอะ และไม่ถนัดการประชาสัมพันธ์เท่าผู้ว่าฯกทม.คนนี้
“ผมแนะนำนายอภิรักษ์ให้ไปหารือและขอคำแนะนำกับบุคคลดังนี้1.นายสมัคร สุนทรเวช 2.นายโภคิน พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย หรือจะเชิญตนและ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ไปด้วยก็ยินดี และจะเกิดประโยชน์กับบ้านเมือง เพราะงบประมาณการจัดซื้อรถดับเพลิงนั้น มีมูลค่า6 พันล้านบาท แต่ความจริงแล้วราคารถดับเพลิงมีมูลค่า 2 พันล้านบาท งบประมาณ หายไป 4 พันล้านบาท ฉะนั้นนายอภิรักษ์ ควรใช้ภาวะความเป็นผู้นำและความโปร่งใส ตามที่เคยหาเสียงไว้ เพราะผู้ว่าฯกทม.คนนี้ยกเลิกและเปิดแอลซีในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง 2 ครั้ง ฉะนั้นควรกล้าให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ”
น.ต.ศิธา ทิวารี โฆษกพรรคไทยรักไทย แถลงถึงกรณีการทุจริตรถดับเพลิง กทม. ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิง กทม.ชุดที่ กทม. ตั้งขึ้นสรุปผลการสอบสวนว่ากระทรวงมหาดไทยส่อกระทำการทุจริตว่า ประเด็นที่ขอชี้ให้เห็นคือ ผลการสอบสวนของกรรมการตรวจสอบ การทุจริตครั้งใหญ่ 2 เรื่องที่กทม.แต่งตั้ง คือ1.การฮั้วประมูลการก่อสร้าง16 โครงการของ กทม. ซึ่ง พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม.ได้สอบสวนและผลสอบสวนออกมาแล้ว พบว่ามีการสรุปพาดพิงไปถึงผู้บริหารและข้าราชการะดับสูงของ กทม.ร่วมทุจริต แต่คนที่โดนลงโทษมีแค่ข้าราชการซี 8 และซี 9 เพียง 2คน ขณะเดียวกันมีกระบวนการทำให้ไม่มีการเปิดเผยผลการสอบสวนในเรื่องนั้น
2. ส่วนการสอบสวนการทุจริตรถดับเพลิง กทม.นั้น ตนได้รับทราบว่า มีข่าวหนาหูว่าตอนนี้มีการล็อบบี้ผลการสอบสวนเรื่องนี้ให้ออกมาตรงตามความต้องการของใครบางคน แต่กรรมการสอบสวนไม่สามารถทำได้ เพราะเรื่องนี้มีการพาดพิงผู้บริหารระดับสูงของ กทม.บางคนด้วย
น.ต.ศิธา กล่าวว่า การแถลงข่าวในครั้งล่าสุดของ กทม.ไม่มีการชี้ว่าใครผิด นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ไม่ได้แถลงถึงการเปิดแอลซีที่ตัวเองลงลายเซ็นต์ เพื่อให้ข้อตกลงบังคับใช้ในสัญญานั้นไม่สามารถดำเนินการตามความผิดได้ ขอเรียนว่า ในทางราชการ หากไม่มีสัญญาหรือแอลซี จะไม่มีเอกชนรายใด มาขายสินค้าและบริการให้ทางราชการ หรือจัดผลประโยชน์ให้ใครบางคนได้ การรั่วไหลของงบประมาณอยู่ที่การเปิดแอลซี ผู้ว่าฯกทม.คนนี้ไม่เคยพูดถึงแอลซีที่ตัวเองไปดำเนินการเลย แต่กลับพูดแต่เรื่องแอลซี สมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม.เท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าฯกทม คนนี้ยกเลิกแอลซีเก่าและเปิดแอลซีใหม่ในเวลาแค่ไม่กี่วัน
น.ต.ศิธา กล่าวว่า เอกสารที่ บ.สไตเออร์ ทำถึงนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม. ลงวันที่ 2 พ.ค.2549 โดยเอกสารแจ้งว่า บ.สไตเออร์ขอโต้ตอบข้อหา ของบางคน ที่ให้ข่าวผิดๆ กับสื่อมวลชน บ.สไตเออร์ยืนยันข้อเท็จจริงและข้อตกลงทั้งหมดเกิดจากข้อบังคับที่9.1คือเอโอยูที่กระทรวงมหาดไทยตกลงกับ.สไตเออร์ ที่สืบเนื่องจากการเปิดแอลซี หากผู้ว่าฯกทม.ไม่ลงนามในแอลซี นั้นข้อตกลงและการส่งมอบรถดับเพลิงจะไม่เกิดขึ้น บ.สไตเออร์ ทำตามข้อตกลงทุกประการ ในความเป็นจริงนั้น กทม.ถูกสังคมตำหนิคือ การพลาดพลั้งในการติเตียนบ.ไสตเออร์ ในทางตรงและอ้อมจนบ.สไตเออร์ไม่สามารถทำตามข้อตกลงได้และไม่ยอมรับสิ่งที่ กทม.ดำเนินการ เท่ากับว่าบ.สไตเออร์ตบหน้า กทม.เต็มๆ เพราะกทม.โยนความผิดให้คนอื่น
น.ต.ศิธา กล่าวด้วยว่า ผู้ว่าฯกทม. บอกว่าจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหารือกับ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย ขอเรียนว่า รมว.มหาดไทยคนนี้เพิ่งรับตำแหน่งหลังจากที่เรื่องนี้จบไปแล้ว ความผิดในเรื่องนี้สำเร็จก่อนที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ จะเข้าไปทำงาน แม้ในความจริงความรับผิดชอบนั้นผู้ว่าฯกทม.และรมว.มหาดไทย ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ก็ตาม แต่รมว.มหาดไทยคนนี้เป็นนายทหาร ที่ไม่มีเวลาว่าง เพราะภารกิจเยอะ และไม่ถนัดการประชาสัมพันธ์เท่าผู้ว่าฯกทม.คนนี้
“ผมแนะนำนายอภิรักษ์ให้ไปหารือและขอคำแนะนำกับบุคคลดังนี้1.นายสมัคร สุนทรเวช 2.นายโภคิน พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย หรือจะเชิญตนและ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ไปด้วยก็ยินดี และจะเกิดประโยชน์กับบ้านเมือง เพราะงบประมาณการจัดซื้อรถดับเพลิงนั้น มีมูลค่า6 พันล้านบาท แต่ความจริงแล้วราคารถดับเพลิงมีมูลค่า 2 พันล้านบาท งบประมาณ หายไป 4 พันล้านบาท ฉะนั้นนายอภิรักษ์ ควรใช้ภาวะความเป็นผู้นำและความโปร่งใส ตามที่เคยหาเสียงไว้ เพราะผู้ว่าฯกทม.คนนี้ยกเลิกและเปิดแอลซีในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง 2 ครั้ง ฉะนั้นควรกล้าให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ”