เสวนา “วิกฤติน้ำมัน” ชำแหละ ระบอบทักษิณ แปรรูป ปตท.แสวงหาประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง บนความทุกข์ของคนไทยที่ต้องใช้น้ำมันแพง ผู้จัดการ สอบ.แนะจับตา สัปดาห์หน้าขอขึ้นค่าไฟอีกโดยอ้างน้ำมันแพง ยันเดินหน้าฟ้อง ศาลปค.ล้มแปรรูป ปตท.แน่ ด้านอาจารย์จุฬาฯ ระบุจากปรากฎการณ์ “ทักษิณ” ขายชินคอร์ป ได้กำไรมหาศาล กับ แปรรูป ปตท.ที่มีผลตอบแทนอื่อ จึงเชื่อปฏิญญาฟินแลนด์มีจริง แฉ ปตท.สผ. แตกบริษัทลูกไปจดทะเบียนในเกาะเคแมน ส่อเข้าข่ายปกปิดการทำธุรกรรม ตั้งคำถามใครได้ประโยชน์จากการตั้งบริษัทย่อยเหล่านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสวนาวิชาการเรื่อง “วิกฤติน้ำมันใครได้ใครเสีย” ตอน “ระบอบทักษิณสู่การแปรรูป ปตท. เงิน อำนาจ และคราบน้ำตา” ซึ่งจัดโดยเครือข่ายจุฬาเชิดขูคุณธรรมนำประชาธิปไตย วานนี้ (4 มิ.ย.) น.ส.สายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการสหพันธ์ องค์กรผู้บริโภค ( สอบ. ) กล่าวว่า คราบน้ำตาของประชาชนที่เกิดจากการแปรรูป ปตท. เกิดจากการที่นักการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชน และข้าราชการ ซึ่งควรจะต้องปกป้องผลประโยชน์ให้กับประชาชน แต่กลับเข้าไปร่วมหาประโยชน์จากการเข้าไปเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้น ในเครือข่ายกิจการ ปตท.ทั้งบริษัท โรงกลั่นน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งผลประโยชน์จากกำไรหุ้น และเบี้ยประชุมในฐานะผู้บริหาร ที่นักการเมืองและข้าราชการได้รับนั้น มีมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับเสียอีก
ดังนั้นจึงทำให้ข้าราชการและนักการเมือง จึงไม่สนใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของบประชาชน เมื่อน้ำมันแพงขึ้นผลกำไรก็เพิ่มขึ้น ปตท.ซึ่งมีนักการเมือง ข้าราชการ กลุ่มทุนธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้บริหารและถือหุ้นก็ได้รับผลประโยชน์อย่างสูงสุด หลังมีการแปรรูป ปตท.
“ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันดีเซล ในอดีต ตั้งราคาขายที่ 11.50 บาท แต่ปัจจุบันราคาสูงขึ้นกว่า 27 บาท ก๊าซหุงต้มอดีต ขายราคาถังละ 168 บาทปัจจุบันราคเพิ่มสูงขึ้นถึง 63 %ในราคา 260 บาทต่อถังและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทุนในกิจการผลิตไฟฟ้า อดีต ก๊าซธรรมชาติถูกส่งขายในราคา 140 บาทต่อล้านบีทียู ปัจจุบัน เพิ่มขึ้น กว่า 200 บาทต่อล้านบีทียู โดยอัตราส่วนต่างในราคาขาย เป็นการแสวงหาผลกำไร สูงสุดในกิจการปตท. ที่นำไปสู่ ผลประโยชน์ของกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการและกลุ่มทุนธุรกิจเท่านั้น โดยมิได้ นำมาช่วยเหลือประชาชนในการควบคุม ไม่ให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นแต่อย่างใด”
น.ส.สายรุ้ง ตั้งข้อสังเกตุในการแปรรูป ปตท.ด้วยว่าการแปรรูปเกิดขึ้นเมื่อ พ.ย. 2545 ซึ่งเป็นช่วงเวลา ที่ตลาดหุ้นในโลกเกิดความผันผวน จากเหตุการณ์ อาคารเวิลดเทรดถล่มในสหรัฐฯเมื่อ 11 กันยา 2545 จึงต้องตั้งคำถามนี้ต่อรัฐบาลว่า เหตุใดจึงต้องมีการเร่งแปรรูปปตท.และเป็นเหตุให้ราคาหุ้นปตท. ซึ่งเป็นกิจการเกี่ยวกับพลังงานเชื้อเพลิง อันมีมูลค่าทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ้มีราคาหุ้นตกอยู่ที่ 35 บาท แต่เมื่อแปรรูป ปตท.แล้วราคากลับสูงขึ้นกว่า 240 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำถามนี้ต้องเชื่อมโยงถึงการ ตรวจสอบและตีมูลค่าทรัพย์สิน ของปตท.ก่อนการแปรรูปด้วย โดยการแปรรูป ปตท.ที่ผ่านมามีการตีมูลค่าทรัพย์สินต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและมูลค่าจริง
นอกจากนี้ ตามหลักเกณฑ์การแปรรูป ปตท.มติครม.เคยมีคำสั่งให้แยกกิจการท่อก๊าซธรรมชาติออกจากกิจการเครือข่ายของปตท. เพื่อป้องกันการผูกขาดเพราะ ท่อก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งผลิตและ ช่องทางส่งขายเชื้อเพลิงทั้งหมด โดยการแยกท่อก๊าซเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สิน ของรัฐไปตกอยู่กับเอกชน เมื่อมีการแปรรูป ปตท.แล้ว แต่ปรากฎว่าหลังการแปรรูปปตท.มาแล้วกว่า 4 ปี กลับยังไม่ได้มีการดำเนินให้มีการแยกกิจการท่อก๊าซออกจากกิจการ ปตท.แต่อย่างไร รวมทั้งการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระ ขึ้นมาเพื่อกำกับดูแล ก๊าซธรรมชาติ ดังกล่าวด้วย
แนะจับตาสัปดาห์หน้าขึ้นค่าไฟอีก
น.ส.สายรุ้ง กล่าวด้วยว่า อยากให้จับตาดูราคาค่าไฟฟ้าในช่วงนี้ เพราะมีสัญญาณว่า สัปดาห์หน้าจะมีการขึ้นราคาค่าไฟฟ้าเพิ่มอีก 10 สตางค์ต่อหน่วย โดยจะมีการอ้างเหตุผล ราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น และเชื่อว่า หากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ซึ่งต้องมีค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นตามต้นทุนราคาน้ำมันและไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงต่อไป โดยหากเป็นไปตามนี้จะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน
“การจะปรับราคาค่าไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนและความเป็นอยู่ของประชาชน เพราะการขึ้นราคาน้ำมันหรือค่าไฟฟ้าเป็นการสร้างผลประโยชน์ให้ตกกับคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้น ขณะที่คนจำนวนมากต้องได้รับความเดือดร้อน”
อ.จุฬาฯเชื่อปฏิญญาฟินแลนด์มีจริง
นายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจาการขายหุ้น กิจการโทรคมนาคม ที่ทำให้ครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับผลกำไร สูงถึง 73,000 ล้านบาท และปรากฎการณ์การแปรรูป ปตท. ที่หลังจาก แปรรูปในปี 2545 แล้ว ปัจจุบัน ปตท. มีผลกำไรสูงสุด ถึง 200,000 ล้านบาท ทำให้เห็นชัดเจนว่า ระบอบทักษิณ เป็นระบอบเผด็จการ เบ็ดเสร็จโดยสมบูรณ์แบบ ที่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตย อันเป็นระบอบที่แสวงหา ผลประโยชน์ต่างๆ จากระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชน มีความคิดเห็นแต่กต่างกัน ซึ่งระบอบทักษิณแสวงหาผลประโยชน์ทุกรูปแบบเพื่อตอบสนองความโลภและความร่ำรวย ที่ไม่มี ที่สิ้นสุด และแสวงหาผลประโยชน์โดยปราศจากความพอเพียง โดยระบอบทักษิณ เกิดขึ้นมา เพื่อใช้อำนาจ ทางการเมือง สนับสนุน พรรคการเมือง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จากนโยบายรัฐ จึงเป็นเหตุผล ที่พรรคการเมือง พยายามดิ้นรน อย่างมากที่จะไม่ให้ต้องถูกยุบพรรค
“จากปรากฎการณ์ ที่ผ่านมา ที่มีนักวิชาการ ได้พูดถึงปฏิญญาฟินแลนด์ 42 กับระบอบทักษิณ ส่วนตัว ไม่เชื่อว่าปฏิญญาฟินแลนด์ไม่มีอยู่จริง ซึ่งจากสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และจากการแปรรูปกิจการ ปตท.ที่นักการเมือง ข้าราชการ และกลุ่มทุนธุรกิจซึ่งเป็นผู้บริหารและถือหุ้นในกิจการ ปตท.ได้รับผลกำไรกว่า แสนล้านบาททำให้เชื่อว่าแก่นและสาระสำคัญในปฏิญญาฟินแลนด์ อาจมีอยู่จริง เพราะ การแสวงหาความมั่นคั่งของกิจการ ปตท. ซึ่งอดีต เคยเป็นกิจการรัฐวิสาหกิจ มีกำไร เพียง 20,000 ล้านบาทนั้น ไม่อาจ เกิดผลประโยชน์และความมั่งคั่งได้ด้วยวิธีการอื่นใดนอกจากการแสวงหาความมั่งคั่งด้วยวิธีการที่มิชอบ ด้วยคุณธรรม ของกลุ่มนักการเมืองข้าราชการและกลุ่มทุนธุรกิจ
ปตท.สผ.แตกลูกไปเกาะเคเมนส่อผิดกม.
นายอนันต์ กล่าวว่า อยากตั้งข้อสังเกตโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ว่า เหตุใดจึงมีการแตกบริษัทลูก ออกมาจำนวนมาก โดยบริษัท ปตท.สผ.ได้แตกบริษัทลูกออกเป็นบริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด และบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งมีบริษัทแม่ ถือหุ้นอยู่ถึงร้อยละ 100
“นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เกิดความสงสัยคือ การแตกบริษัทย่อยของบริษัทลูกอีกแห่งหนึ่งคือ บริษัท พีทีทีอีพี ออฟชอร์ อินเวสต์เมนท์ จำกัด ที่มีการแตกบริษัทลูกออกไปถึง 9 บริษัท โดยบริษัทเหล่านี้มีการจดทะเบียนที่เกาะเคแมน ซึ่งถือเป็นแหล่งจดทะเบียนของบริษัทที่ต้องการเลี่ยงภาษีและการตรวจสอบ”
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า รู้สึกสงสัยว่า บริษัทเหล่านี้ใครที่ได้ผลประโยชน์ และจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีการแตกบริษัทลูก บริษัทหลานกันมากขนาดนี้ ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ การแตกบริษัทย่อยและไปจดทะเบียนบนเกาะเคแมน ซึ่งทำให้น่าสงสัย ทั้งนี้จำได้ว่าเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยไปประชุม ครม.สัญจรในต่างจังหวัด มีคนนำหนังสือ “รู้ทันทักษิณ” มาให้เซ็น ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนที่เขียนหนังสือเหล่านี้ เป็นพวกโง่ไม่รู้ทันตน ในตอนนั้นไม่อยากเชื่อว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกล่าวจะเป็นความจริง แต่เมื่อมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นทำให้สงสัยว่า คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่น่าเชื่อไปเสียแล้ว
ผลกำไรปตท.สะท้อนหาประโยชน์เกินควร
ด้านนายโสภณ รักษาการ สว.กทม. กล่าวว่า การแปรรูป ปตท. ที่ได้รับผลกำไร ในปีที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน 2แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าในอดีตก่อนการแปรรูป ที่ปตท. เคยได้รับผลกำไรเฉลี่ยปีละ ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า การแสวงหาผลประโยชน์และกำไรของ ปตท. หลังจากการแปรรูปดังกล่าว เป็นการได้รับผลประโยชน์เกินกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งในอดีต ปตท. ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแลดำเนินกิจการและมีคณะกรรมการกำหนดราคาน้ำมัน คอยควบคุม ดูแล การกำหนดราคาน้ำมันไม่ให้สูง มาก เกินความจำเป็นที่มีผลกระทบต่อประชาชน
โดยเมื่อพบว่า ปตท.แปรรูปแล้วมีผลกำไรเพิ่มขึ้นสูงสุดเกิดกว่าที่ควรจะเป็น จำเป็นต้องตั้งคำถามว่าคณะกรรมการกำหนดราคาน้ำมัน ที่มีหน้าที่ดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจากการกำหนดราคาน้ำมันให้เป็นธรรม ได้เข้าไปทำหน้าที่ในฐานะ เป็นตัวแทน ของรัฐซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการปตท. จำนวน 52 % หรือ ต้องไปในฐานะ ผู้ถือหุ้น กิจการปตท.ที่ดูแลผลประโยชน์ให้กับตนเองและเอกชนจำนวน 48%
“ปัญหาราคาน้ำมันแพง เกิดจากปัญหาที่คณะกรรมการกำหนดราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง เข้าใช้อำนาจของรัฐเข้าไปดูแล ผลประโยชน์เพื่อแสวงหาผลกำไรราคาหุ้นที่ตนเองถือครอง ร่วมกับกลุ่มทุนธุรกิจ โดยไม่มีใคร เข้าไปดูแล ผลประโยชน์ในการกำหนดราคาน้ำมันในฐานะตัวแทนรัฐ เลย ซึ่งจุดนี้เป็นจุดอันตรายเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยผ่านทางากรใช้อำนาจรัฐและการปกปิดข้อมูล และการครอบครองหุ้นของข้าราชการและนักการเมืองที่ไม่ชอบธรรม
ยันฟ้องศาลปค.เพิกถอนแปรรูปปตท.แน่
น.ส.สายรุ้ง กล่าวหลังการสัมมนาถึง การยื่นฟ้องคดี ต่อศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนและยกเลิก การแปรรูปกิจการ บริษัท ปตท.จำกัด ว่า ยืนยันว่า การฟ้องคดีจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่สามารถวันกำหนดที่จะยื่นฟ้องได้อย่างชัดเจน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างคำฟ้อง ที่จะต้อง ศึกษาข้อมูลโดยละเอียดโดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายทั้งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนและ กลไกทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น ต่างๆ ที่เป็น ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และ ความรู้ทางวิชาการซึ่งไม่สามารถ อ้างถึงเพียงข้อกฎหมายในบางมาตรา เพื่อจะยื่นฟ้องแล้วให้คดีจบไปเพียงเท่านั้น
ทั้งนี้ในข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ที่รัฐบาลพยายามอ้างถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากให้เกิดกระบวนการนำกิจการ ปตท.ออกจากตลาดหุ้น ส่วนตัวเห็นว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเองก็ยังขาดความมั่นใจ ว่าการดำเนินการแปรรูป ปตท.ที่ผ่านมาทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ รวมทั้ง การที่ ปตท. ออกมาระบุว่า ปตท.มีมาร์เก็ตแคป เป็นหนึ่งในสี่ของมูลค่าตลาดหุ้นคือ 5.5 ล้านล้านบาท ก็ทำให้เห็นว่า ปตท. จะมีอิทธิพลและเป็นผู้ชี้นำตลาดหุ้นได้ โดยมีกลุ่มธุรกิจการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอำนาจเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างของปตท.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสวนาวิชาการเรื่อง “วิกฤติน้ำมันใครได้ใครเสีย” ตอน “ระบอบทักษิณสู่การแปรรูป ปตท. เงิน อำนาจ และคราบน้ำตา” ซึ่งจัดโดยเครือข่ายจุฬาเชิดขูคุณธรรมนำประชาธิปไตย วานนี้ (4 มิ.ย.) น.ส.สายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการสหพันธ์ องค์กรผู้บริโภค ( สอบ. ) กล่าวว่า คราบน้ำตาของประชาชนที่เกิดจากการแปรรูป ปตท. เกิดจากการที่นักการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชน และข้าราชการ ซึ่งควรจะต้องปกป้องผลประโยชน์ให้กับประชาชน แต่กลับเข้าไปร่วมหาประโยชน์จากการเข้าไปเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้น ในเครือข่ายกิจการ ปตท.ทั้งบริษัท โรงกลั่นน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งผลประโยชน์จากกำไรหุ้น และเบี้ยประชุมในฐานะผู้บริหาร ที่นักการเมืองและข้าราชการได้รับนั้น มีมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับเสียอีก
ดังนั้นจึงทำให้ข้าราชการและนักการเมือง จึงไม่สนใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของบประชาชน เมื่อน้ำมันแพงขึ้นผลกำไรก็เพิ่มขึ้น ปตท.ซึ่งมีนักการเมือง ข้าราชการ กลุ่มทุนธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้บริหารและถือหุ้นก็ได้รับผลประโยชน์อย่างสูงสุด หลังมีการแปรรูป ปตท.
“ตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันดีเซล ในอดีต ตั้งราคาขายที่ 11.50 บาท แต่ปัจจุบันราคาสูงขึ้นกว่า 27 บาท ก๊าซหุงต้มอดีต ขายราคาถังละ 168 บาทปัจจุบันราคเพิ่มสูงขึ้นถึง 63 %ในราคา 260 บาทต่อถังและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทุนในกิจการผลิตไฟฟ้า อดีต ก๊าซธรรมชาติถูกส่งขายในราคา 140 บาทต่อล้านบีทียู ปัจจุบัน เพิ่มขึ้น กว่า 200 บาทต่อล้านบีทียู โดยอัตราส่วนต่างในราคาขาย เป็นการแสวงหาผลกำไร สูงสุดในกิจการปตท. ที่นำไปสู่ ผลประโยชน์ของกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการและกลุ่มทุนธุรกิจเท่านั้น โดยมิได้ นำมาช่วยเหลือประชาชนในการควบคุม ไม่ให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นแต่อย่างใด”
น.ส.สายรุ้ง ตั้งข้อสังเกตุในการแปรรูป ปตท.ด้วยว่าการแปรรูปเกิดขึ้นเมื่อ พ.ย. 2545 ซึ่งเป็นช่วงเวลา ที่ตลาดหุ้นในโลกเกิดความผันผวน จากเหตุการณ์ อาคารเวิลดเทรดถล่มในสหรัฐฯเมื่อ 11 กันยา 2545 จึงต้องตั้งคำถามนี้ต่อรัฐบาลว่า เหตุใดจึงต้องมีการเร่งแปรรูปปตท.และเป็นเหตุให้ราคาหุ้นปตท. ซึ่งเป็นกิจการเกี่ยวกับพลังงานเชื้อเพลิง อันมีมูลค่าทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ้มีราคาหุ้นตกอยู่ที่ 35 บาท แต่เมื่อแปรรูป ปตท.แล้วราคากลับสูงขึ้นกว่า 240 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำถามนี้ต้องเชื่อมโยงถึงการ ตรวจสอบและตีมูลค่าทรัพย์สิน ของปตท.ก่อนการแปรรูปด้วย โดยการแปรรูป ปตท.ที่ผ่านมามีการตีมูลค่าทรัพย์สินต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและมูลค่าจริง
นอกจากนี้ ตามหลักเกณฑ์การแปรรูป ปตท.มติครม.เคยมีคำสั่งให้แยกกิจการท่อก๊าซธรรมชาติออกจากกิจการเครือข่ายของปตท. เพื่อป้องกันการผูกขาดเพราะ ท่อก๊าซธรรมชาติเป็นแหล่งผลิตและ ช่องทางส่งขายเชื้อเพลิงทั้งหมด โดยการแยกท่อก๊าซเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สิน ของรัฐไปตกอยู่กับเอกชน เมื่อมีการแปรรูป ปตท.แล้ว แต่ปรากฎว่าหลังการแปรรูปปตท.มาแล้วกว่า 4 ปี กลับยังไม่ได้มีการดำเนินให้มีการแยกกิจการท่อก๊าซออกจากกิจการ ปตท.แต่อย่างไร รวมทั้งการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระ ขึ้นมาเพื่อกำกับดูแล ก๊าซธรรมชาติ ดังกล่าวด้วย
แนะจับตาสัปดาห์หน้าขึ้นค่าไฟอีก
น.ส.สายรุ้ง กล่าวด้วยว่า อยากให้จับตาดูราคาค่าไฟฟ้าในช่วงนี้ เพราะมีสัญญาณว่า สัปดาห์หน้าจะมีการขึ้นราคาค่าไฟฟ้าเพิ่มอีก 10 สตางค์ต่อหน่วย โดยจะมีการอ้างเหตุผล ราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น และเชื่อว่า หากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ซึ่งต้องมีค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นตามต้นทุนราคาน้ำมันและไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงต่อไป โดยหากเป็นไปตามนี้จะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน
“การจะปรับราคาค่าไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนและความเป็นอยู่ของประชาชน เพราะการขึ้นราคาน้ำมันหรือค่าไฟฟ้าเป็นการสร้างผลประโยชน์ให้ตกกับคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้น ขณะที่คนจำนวนมากต้องได้รับความเดือดร้อน”
อ.จุฬาฯเชื่อปฏิญญาฟินแลนด์มีจริง
นายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจาการขายหุ้น กิจการโทรคมนาคม ที่ทำให้ครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับผลกำไร สูงถึง 73,000 ล้านบาท และปรากฎการณ์การแปรรูป ปตท. ที่หลังจาก แปรรูปในปี 2545 แล้ว ปัจจุบัน ปตท. มีผลกำไรสูงสุด ถึง 200,000 ล้านบาท ทำให้เห็นชัดเจนว่า ระบอบทักษิณ เป็นระบอบเผด็จการ เบ็ดเสร็จโดยสมบูรณ์แบบ ที่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตย อันเป็นระบอบที่แสวงหา ผลประโยชน์ต่างๆ จากระบอบประชาธิปไตย ที่ประชาชน มีความคิดเห็นแต่กต่างกัน ซึ่งระบอบทักษิณแสวงหาผลประโยชน์ทุกรูปแบบเพื่อตอบสนองความโลภและความร่ำรวย ที่ไม่มี ที่สิ้นสุด และแสวงหาผลประโยชน์โดยปราศจากความพอเพียง โดยระบอบทักษิณ เกิดขึ้นมา เพื่อใช้อำนาจ ทางการเมือง สนับสนุน พรรคการเมือง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ จากนโยบายรัฐ จึงเป็นเหตุผล ที่พรรคการเมือง พยายามดิ้นรน อย่างมากที่จะไม่ให้ต้องถูกยุบพรรค
“จากปรากฎการณ์ ที่ผ่านมา ที่มีนักวิชาการ ได้พูดถึงปฏิญญาฟินแลนด์ 42 กับระบอบทักษิณ ส่วนตัว ไม่เชื่อว่าปฏิญญาฟินแลนด์ไม่มีอยู่จริง ซึ่งจากสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และจากการแปรรูปกิจการ ปตท.ที่นักการเมือง ข้าราชการ และกลุ่มทุนธุรกิจซึ่งเป็นผู้บริหารและถือหุ้นในกิจการ ปตท.ได้รับผลกำไรกว่า แสนล้านบาททำให้เชื่อว่าแก่นและสาระสำคัญในปฏิญญาฟินแลนด์ อาจมีอยู่จริง เพราะ การแสวงหาความมั่นคั่งของกิจการ ปตท. ซึ่งอดีต เคยเป็นกิจการรัฐวิสาหกิจ มีกำไร เพียง 20,000 ล้านบาทนั้น ไม่อาจ เกิดผลประโยชน์และความมั่งคั่งได้ด้วยวิธีการอื่นใดนอกจากการแสวงหาความมั่งคั่งด้วยวิธีการที่มิชอบ ด้วยคุณธรรม ของกลุ่มนักการเมืองข้าราชการและกลุ่มทุนธุรกิจ
ปตท.สผ.แตกลูกไปเกาะเคเมนส่อผิดกม.
นายอนันต์ กล่าวว่า อยากตั้งข้อสังเกตโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ว่า เหตุใดจึงมีการแตกบริษัทลูก ออกมาจำนวนมาก โดยบริษัท ปตท.สผ.ได้แตกบริษัทลูกออกเป็นบริษัท ปตท.สผ.สยาม จำกัด และบริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งมีบริษัทแม่ ถือหุ้นอยู่ถึงร้อยละ 100
“นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เกิดความสงสัยคือ การแตกบริษัทย่อยของบริษัทลูกอีกแห่งหนึ่งคือ บริษัท พีทีทีอีพี ออฟชอร์ อินเวสต์เมนท์ จำกัด ที่มีการแตกบริษัทลูกออกไปถึง 9 บริษัท โดยบริษัทเหล่านี้มีการจดทะเบียนที่เกาะเคแมน ซึ่งถือเป็นแหล่งจดทะเบียนของบริษัทที่ต้องการเลี่ยงภาษีและการตรวจสอบ”
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า รู้สึกสงสัยว่า บริษัทเหล่านี้ใครที่ได้ผลประโยชน์ และจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีการแตกบริษัทลูก บริษัทหลานกันมากขนาดนี้ ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ การแตกบริษัทย่อยและไปจดทะเบียนบนเกาะเคแมน ซึ่งทำให้น่าสงสัย ทั้งนี้จำได้ว่าเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยไปประชุม ครม.สัญจรในต่างจังหวัด มีคนนำหนังสือ “รู้ทันทักษิณ” มาให้เซ็น ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนที่เขียนหนังสือเหล่านี้ เป็นพวกโง่ไม่รู้ทันตน ในตอนนั้นไม่อยากเชื่อว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกล่าวจะเป็นความจริง แต่เมื่อมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นทำให้สงสัยว่า คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่น่าเชื่อไปเสียแล้ว
ผลกำไรปตท.สะท้อนหาประโยชน์เกินควร
ด้านนายโสภณ รักษาการ สว.กทม. กล่าวว่า การแปรรูป ปตท. ที่ได้รับผลกำไร ในปีที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน 2แสนล้านบาท ซึ่งสูงกว่าในอดีตก่อนการแปรรูป ที่ปตท. เคยได้รับผลกำไรเฉลี่ยปีละ ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า การแสวงหาผลประโยชน์และกำไรของ ปตท. หลังจากการแปรรูปดังกล่าว เป็นการได้รับผลประโยชน์เกินกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งในอดีต ปตท. ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีรัฐบาลเป็นผู้ดูแลดำเนินกิจการและมีคณะกรรมการกำหนดราคาน้ำมัน คอยควบคุม ดูแล การกำหนดราคาน้ำมันไม่ให้สูง มาก เกินความจำเป็นที่มีผลกระทบต่อประชาชน
โดยเมื่อพบว่า ปตท.แปรรูปแล้วมีผลกำไรเพิ่มขึ้นสูงสุดเกิดกว่าที่ควรจะเป็น จำเป็นต้องตั้งคำถามว่าคณะกรรมการกำหนดราคาน้ำมัน ที่มีหน้าที่ดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนจากการกำหนดราคาน้ำมันให้เป็นธรรม ได้เข้าไปทำหน้าที่ในฐานะ เป็นตัวแทน ของรัฐซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการปตท. จำนวน 52 % หรือ ต้องไปในฐานะ ผู้ถือหุ้น กิจการปตท.ที่ดูแลผลประโยชน์ให้กับตนเองและเอกชนจำนวน 48%
“ปัญหาราคาน้ำมันแพง เกิดจากปัญหาที่คณะกรรมการกำหนดราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมือง เข้าใช้อำนาจของรัฐเข้าไปดูแล ผลประโยชน์เพื่อแสวงหาผลกำไรราคาหุ้นที่ตนเองถือครอง ร่วมกับกลุ่มทุนธุรกิจ โดยไม่มีใคร เข้าไปดูแล ผลประโยชน์ในการกำหนดราคาน้ำมันในฐานะตัวแทนรัฐ เลย ซึ่งจุดนี้เป็นจุดอันตรายเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยผ่านทางากรใช้อำนาจรัฐและการปกปิดข้อมูล และการครอบครองหุ้นของข้าราชการและนักการเมืองที่ไม่ชอบธรรม
ยันฟ้องศาลปค.เพิกถอนแปรรูปปตท.แน่
น.ส.สายรุ้ง กล่าวหลังการสัมมนาถึง การยื่นฟ้องคดี ต่อศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนและยกเลิก การแปรรูปกิจการ บริษัท ปตท.จำกัด ว่า ยืนยันว่า การฟ้องคดีจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่สามารถวันกำหนดที่จะยื่นฟ้องได้อย่างชัดเจน แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างคำฟ้อง ที่จะต้อง ศึกษาข้อมูลโดยละเอียดโดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายทั้งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนและ กลไกทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น ต่างๆ ที่เป็น ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และ ความรู้ทางวิชาการซึ่งไม่สามารถ อ้างถึงเพียงข้อกฎหมายในบางมาตรา เพื่อจะยื่นฟ้องแล้วให้คดีจบไปเพียงเท่านั้น
ทั้งนี้ในข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ที่รัฐบาลพยายามอ้างถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากให้เกิดกระบวนการนำกิจการ ปตท.ออกจากตลาดหุ้น ส่วนตัวเห็นว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลเองก็ยังขาดความมั่นใจ ว่าการดำเนินการแปรรูป ปตท.ที่ผ่านมาทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ รวมทั้ง การที่ ปตท. ออกมาระบุว่า ปตท.มีมาร์เก็ตแคป เป็นหนึ่งในสี่ของมูลค่าตลาดหุ้นคือ 5.5 ล้านล้านบาท ก็ทำให้เห็นว่า ปตท. จะมีอิทธิพลและเป็นผู้ชี้นำตลาดหุ้นได้ โดยมีกลุ่มธุรกิจการเมือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอำนาจเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างของปตท.


