xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 22 โรงเรียนในฝัน

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

แม่ชียังบอกด้วยว่ามนต์บทนี้สามารถใช้เสกน้ำล้างหน้ารักษาสิวฝ้าและขับไล่สรรพอุบาทว์และอมนุษย์ทั้งหลายที่เข้าครอบงำหรือมาใกล้กรายให้วิบัติมลายสูญไปได้ เป็นที่ตั้งแห่งศรีและสิริมงคล เพราะเมื่อรำลึกถึงฉายาแห่งเจ้าประคุณสมเด็จแล้วก็จะมีความอิ่มเอิบเบิกบานด้วยปิติที่รำลึกถึงเจ้าประคุณ ไม่กล้าทำความชั่ว รำลึกถึงแต่พระรัตนตรัยและการทำคุณงามความดี

แม่ชีอธิบายลึกลงไปอีกว่าพรหมรังสีหรือรังสีแห่งพรหมนั้นคือรัศมีหรือพลังของพรหมวิหารธรรมสี่ประการ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งมีอานุภาพใหญ่หลวงกว้างขวางหาประมาณมิได้ การเจริญภาวนาพระคาถาบทนี้ในลักษณะสาธยายมนต์จะเป็นการกระทำวิชชา แต่ในลักษณะของจิตจะก่อเกิดเป็นพลังแห่งเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขาอันกว้างไกลไปยังสัตว์ พืช มนุษย์ อมนุษย์ ปวงเทพเทวดาอารักษ์ทั้งหลายด้วย

ถ้าหากการสวดภาวนามนต์บทนี้ให้ตกเป็นผลึกจนก่อเกิดเป็นพลังจิต เป็นพลังแห่งพรหมวิหารแล้วก็จะได้รับความเมตตาจากเทวดาและมนุษย์ ตลอดจนอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่เป็นที่ปองร้ายของศัตรู อาวุธร้าย เพลิง ยาพิษ และความฝันร้ายใดๆ จะไม่ใกล้กราย จะไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง จะชนะในที่ทั้งปวง

แม่ชีบอกว่าหนูจะเรียนมนต์บทนี้อย่างผิวเผินหรือลึกซึ้งแค่ไหน ก่อเกิดเป็นอานุภาพมากน้อยเพียงใดก็สุดแท้แต่วาสนาและความพยายามของหนูเอง ยายขออวยพรให้หนูหมั่นภาวนามนต์บทนี้และประสพความสำเร็จในขั้นที่สูงๆ ขึ้นไป ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นในวันหน้า

เมื่อเรียนมนต์ประจำตัวเจ้าประคุณสมเด็จจากแม่ชีเฒ่าแล้ว ผมก็ลุกขึ้นตั้งท่าจะลากลับกุฏิ

แม่ชีเห็นท่าทางก็รู้ทีจึงพยักหน้าเป็นทีว่าเห็นด้วย แต่ก็ยังเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงเบาๆ เป็นเชิงย้ำเตือนว่าเวลาพรุ่งนี้เมื่อไปถึงโรงเรียนแล้วให้รำลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จ ร่ายมนต์แล้วเอามือทั้งสองลูบเข้าหากันประหนึ่งจะผัดแป้ง เสร็จแล้วจึงเอามือทั้งสองนั้นลูบใบหน้า น้อมใจในฉายาของเจ้าประคุณสมเด็จ เห็นจะได้รับความสำเร็จสมดังปรารถนา

ผมกล่าวขอบคุณแม่ชีเฒ่าที่ยังห่วงใยและพร่ำเตือน แล้วยกมือขึ้นไหว้แม่ชี บอกลาแม่ชีแล้วกลับมาที่กุฏิ

ผมมาถึงกุฏิแล้วได้ปฏิบัติภารกิจปกติประจำวันตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จนเวลาใกล้ค่ำจึงได้สอบถามลูกผู้น้องซึ่งกลับมาจากโรงเรียนแล้วว่าหนทางและรถเมล์ที่จะไปยังโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์นั้นไปทางไหน โดยรถเมล์สายใด และครูใหญ่ชื่ออะไร แต่ผมมิได้บอกวัตถุประสงค์เพราะเกรงว่าลูกผู้น้องจะกังวลหรือทัดทานด้วยประการใดๆ

ลูกผู้น้องซึ่งคุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดีแล้วจึงได้บอกเส้นทางและสายทางรถเมล์ที่จะไปยังโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ พร้อมทั้งบอกว่าครูใหญ่โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ชื่อนายบุญยัง ทรวดทรง

ลูกผู้น้องบอกว่าที่โรงเรียนนี้เขาไม่เรียกว่าครูใหญ่ แต่เขาเรียกว่าอาจารย์ใหญ่ ผิดกับโรงเรียนที่บ้านนอก แล้วบอกอีกว่าอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์นั้นท่าทางเป็นคนดุดัน มีเสียงดัง เป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นที่ยำเกรงของทั้งบรรดาครูและนักเรียนทุกคน แต่เป็นเรื่องแปลกที่อาจารย์ใหญ่ไม่นิยมเรียกตัวเองว่าครูใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่ กลับเรียกตัวเองว่าครูทุกครั้งไป

ลูกผู้น้องบอกว่าอาจารย์บุญยังเป็นนักพูด ทุกเช้าจะอบรมสั่งสอนนักเรียนที่หน้าเสาธงเกือบครึ่งชั่วโมง อบรมถึงศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม สอนศิษย์ให้ทำดี ให้ละชั่ว ให้มีวินัย มีความกตัญญู มีความขยันหมั่นเพียร ให้รู้จักรักศักดิ์ศรีของตนเอง ทุกวันจะเน้นให้ศิษย์คิดถึงคุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพื่อความเป็นคนดีและมีความก้าวหน้าในอนาคต ทั้งพร่ำสอนอยู่เสมอว่ารู้วิชาดีกว่ามีอย่างอื่น

ผมได้ฟังข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ดังนั้นก็นึกมโนภาพว่าอาจารย์บุญยังรูปร่างหน้าตาเป็นประการใด แม้จะไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อน แต่ก็คะเนว่าคนระดับอาจารย์ใหญ่แต่ไม่นิยมเรียกตัวเองว่าเป็นอาจารย์ กลับเรียกตนเองว่าครูฉะนี้เห็นจะมีจิตสำนึกเป็นครูแท้

คือเป็นผู้ที่ตระหนักในภาระหน้าที่ของความเป็นครู ได้แก่หน้าที่ในการยกระดับสติปัญญาของคนให้เป็นผู้ประเสริฐ ไม่ใช่อาจารย์ใบ้หวย อาจารย์หมอดู หรืออาจารย์ประเภทเดรัจฉานวิชา หรืออาจารย์ประเภทที่คิดค้าหากำไรจากลูกศิษย์ดังที่มีปรากฏอยู่ดาษดื่น

คิดได้ดังนั้นแล้วแม้ใจหนึ่งจะยำเกรงแต่อีกใจหนึ่งก็เชื่อว่าคนที่มีคุณธรรมเช่นนี้เห็นจะมีน้ำใจเมตตากรุณาต่อผู้ยาก หากได้พบหน้ากันจริงๆ กับคนลักษณะเช่นนี้ก็ควรต้องพูดจาว่ากล่าวกันด้วยความจริงใจ เห็นจะได้รับความเมตตาเป็นแน่แท้

ทำให้รำลึกถึงคำสอนของพระบรมศาสดาที่ตรัสสอนไว้ในมงคล 38 ว่าปูชาจะปูชนียานัง เอตัมมัง คะละมุตตะมัง ซึ่งแปลว่าการบูชาคนที่ควรบูชาเป็นมงคลสูงสุด และมีความหมายว่าต่อหน้าคนที่ควรบูชานั้นจะต้องบูชาด้วยความจริง ด้วยความดี ด้วยความสัตย์ เป็นปฏิบัติบูชา อย่าใช้เล่ห์กลอุบายหรืออามิสใดไปว่ากล่าวเป็นอันขาด ก็จะประสพแต่สิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลดังปรารถนา

ใคร่ครวญแล้วผมจึงตั้งใจว่าเวลาที่เหมาะสมที่จะไปโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์เพื่อขอพบอาจารย์ใหญ่แล้วขอเรียนหนังสือที่โรงเรียนนี้ควรจะเป็นช่วงสาย เพราะเมื่อได้คำนวณยามตามตำราของหมอปานแล้วเห็นว่าปลอดโปร่ง จะบังเกิดความสำเร็จ

ผมกำหนดหมายในใจว่าเมื่อพบกับอาจารย์บุญยังก็จะพูดกราบเรียนท่านอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริงทุกสิ่งอย่าง การจะเป็นประการใดก็สุดแท้แต่เจ้าประคุณสมเด็จท่านจะบันดาลให้เป็นไป กำหนดไว้ในใจเช่นนี้แล้วก็มีความรู้สึกมั่นอกมั่นใจว่าพระธรรมหรือคุณความดีจะคุ้มครองและดลบันดาลให้ไม่ผิดหวังเหมือนดังเคยอีก

ในคืนวันนั้นผมรีบเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อหวังจะให้มีหน้าตาที่ผ่องใสตามประสาของคนนอนมาก ก่อนนอนได้สวดมนต์ไหว้พระและภาวนาพระคาถาชินบัญชร แล้วรำลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ น้อมใจรำลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จว่าวันรุ่งพรุ่งนี้แล้วจะเป็นเวลาสำคัญว่าจะได้มีโอกาสได้เข้าเรียนหรือไม่ ขอบารมีเจ้าประคุณได้เกื้อหนุนให้สมความปรารถนานั้นเถิด

ยามใกล้จะสางก็บังเกิดนิมิตขึ้นในความฝันคล้ายกับวันก่อนว่าผมแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนไปโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีอาคารเรียนเหมือนกับโรงเรียนที่เคยฝันเห็นเมื่อคืนก่อนทุกประการ

อันความฝันของคนเรานั้นโบราณว่ามีมาแต่เหตุสี่ประการ คือ บุพนิมิต จิตนิวรณ์ เทพยดาสังหรณ์ และธาตุโขภะ โดยมีลักษณะและอาการแห่งความฝันแตกต่างกันไป

บุพนิมิตเป็นความฝันอันเกิดแต่เรื่องราวในหนหลังหรือบุพกรรมที่ได้ทำมาแต่ก่อน ย้อนมาปรากฏนิมิตขึ้นในความฝันเพื่อเตือนสติและแนวทาง มักจะฝันในช่วงเวลาหลังสองยาม

จิตนิวรณ์เป็นความฝันอันเกิดแต่เรื่องราวหรือบุคคลที่เคยพบประสบกันมาก่อน แล้วมีนิวรณ์ผูกพันให้ประหวัดถึงจึงบังเกิดนิมิตขึ้นในความฝัน ความฝันชนิดนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากเข้านอนแล้วไม่นานนัก

เทพยดาสังหรณ์เป็นความฝันอันเกิดแต่อำนาจภายนอกของรุกขเทวดา ภูมิเทวดา เทวดา เทพารักษ์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สำแดงฤทธิ์บ่งบอกนิมิตให้ปรากฏในความฝัน ดังเช่นที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงนิมิตในความฝันแบบเทพยดาสังหรณ์ก่อนทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา เป็นต้น เป็นความฝันที่เกิดในยามใกล้สาง

ธาตุโขภะเป็นความฝันอันเกิดจากการดื่มกินมากน้อยเกินปกติ หรือกินอาหารผิดสำแดงแล้วธาตุในกายเกิดวิปริตแปรปรวน ส่งผลให้เกิดนิมิตภายใต้จิตสำนึกอย่างสับสนอลหม่าน เอาเป็นแก่นสารอันใดมิได้ มักจะเกิดขึ้นหลังจากเข้านอนไม่เกิน 4 ชั่วโมง

ในบรรดาความฝันทั้งสี่ชนิดนี้โบราณว่าความฝันอันเป็นเทพยดาสังหรณ์เป็นความฝันที่เชื่อถือได้ เพราะเป็นอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือผู้มีฤทธิ์บันดาลให้เป็นไปเพื่อบอกเหตุการณ์อนาคตให้ได้ทราบล่วงหน้า ซึ่งความฝันชนิดนี้มีมาปรากฏในประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆ มากมาย ยิ่งในวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์หรือวรรณคดีแปลเรื่องสามก๊กแล้วก็จะได้พบเห็นเกี่ยวด้วยเรื่องราวความฝันชนิดนี้ในหลายที่หลายแห่ง

พอรู้สึกตัวตื่นผมก็รู้ว่านิมิตอันปรากฏในความฝันยามใกล้รุ่งเหมือนกับความฝันเมื่อวันก่อนเกิดแต่เทพยดาสังหรณ์ ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งเจ้าประคุณสมเด็จดลบันดาลให้เป็นไป และเชื่อมั่นว่าครั้งนี้เห็นจะได้ที่เรียนเป็นแม่นมั่น และโรงเรียนในความฝันนั้นเห็นจะไม่ใช่โรงเรียนอื่นอีกแล้ว คงเป็นโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์เป็นแน่นอน

ผมลุกตื่นขึ้นแล้วรีบหันหน้าไปทางวิหารสมเด็จ ยกมือขึ้นไหว้รำลึกถึงเจ้าประคุณ หลังจากปฏิบัติภารกิจส่วนตัวแล้วจึงตามพระออกไปบิณฑบาตอันเป็นกิจวัตรประจำวัน หลังกลับจากบิณฑบาตแล้วผมก็ยังคงจัดที่ทางในห้องฉันตามปกติ

ในระหว่างที่พระฉันจังหันอยู่นั้นเห็นลูกผู้น้องแต่งตัวในชุดนักเรียน ถือกระเป๋าหนังสือมาไหว้ลาพระและเดินออกจากกุฏิไป ผมก็มองตามหลังไปจนลูกผู้น้องเดินเลี้ยวลับใต้ถุนกุฏิใหญ่

เมื่อพระฉันข้าวเช้าเสร็จผมก็นั่งกินข้าวต่อจากพระพร้อมกับหมอปานและเด็กวัดรุ่นพี่

หมอปานซึ่งรู้ภารกิจของผมเป็นอย่างดีเพราะได้คุยกันมาตั้งแต่ตอนกลางคืนแล้วได้กล่าวว่าเวลาวันนี้หลังจากเจ็ดโมงครึ่งเป็นยามดี แต่อย่าให้ทันข้ามเก้าโมงเช้าสิบแปดนาทียามจะเปลี่ยน ให้รีบออกจากวัดในช่วงเวลานี้การก็จะสำเร็จดังปรารถนา พร้อมทั้งอวยชัยให้พรขอให้ผมประสพความสำเร็จ ผมก็ยกมือไหว้ขอบคุณตามธรรมเนียม

ยามที่หมอปานพูดถึงนี้คือยามอัฏฐะกาล ซึ่งแบ่งเป็นยามกลางวันแปดยาม ยามกลางคืนแปดยาม เริ่มตั้งแต่เวลาหกนาฬิกาหรือย่ำรุ่ง แต่ละยามกินช่วงเวลาชั่วโมงครึ่ง ถือเอายามตามวันเป็นต้นยามและปลายยาม

ยามหลังเจ็ดโมงครึ่งถึงเก้าโมงเช้าเป็นยามที่สองของวันนั้น แต่ที่หมอปานบอกว่าอย่าให้เกินเก้าโมงเช้าสิบแปดนาทีก็เพราะถือเวลาอาทิตย์อุทัยตามที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบัญญัติไว้

เนื่องจากทรงพบว่าประเทศไทยของเรานี้เวลาอาทิตย์อุทัยแรกสุดคือที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนในกรุงเทพฯ จะเห็นดวงอาทิตย์ช้ากว่าที่อำเภอพิบูลมังสาหารสิบแปดนาที ดังนั้นเวลาของยามจึงล่าไปเป็นเวลาสิบแปดนาทีด้วย

หมอปานบอกว่าวันนี้แกมีธุระสำคัญ เราจะรับเป็นธุระเก็บกวาดล้างบาตรล้างปิ่นโตและจานชามเอง เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วหมอปานเร่งให้ผมรีบแต่งตัวไปโรงเรียนให้ทันตามเวลายามที่กำหนด ผมขอบคุณหมอปานแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนของโรงเรียนเก่าเตรียมจะไปโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์

ผมแต่งตัวเสร็จแล้วเข้าไปไหว้พระมหาทรงธรรม์ บอกว่าจะไปโรงเรียนวัด มกุฎกษัตริย์เพื่อขอเรียนหนังสือ ท่านก็ให้พรตามธรรมเนียม ครั้นเวลาก่อนเก้าโมงเล็กน้อยผมได้เดินออกจากกุฏิเพื่อจะไปขึ้นรถเมล์สาย 19 ทางด้านถนนอรุณอัมรินทร์เพราะยังพอมีเวลาที่จะไปถึงโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ได้ตามเวลาที่คาดหมาย

ในระหว่างที่เดินผ่านวิหารสมเด็จผมก็ยกมือไหว้เหมือนที่เคยกระทำทุกครั้ง อธิษฐานถึงเจ้าประคุณสมเด็จว่าโรงเรียนเปิดมาก็นานแล้ว ในวันนี้ขอบารมีเจ้าประคุณช่วยดลใจให้ครูใหญ่ได้เมตตารับเข้าเรียนด้วยเถิด

ผมนั่งรถเมล์ไปตามเส้นทางที่ลูกผู้น้องได้บอก สามโมงเช้าเศษใกล้สี่โมงก็ถึงโรงเรียนวัดมกุฎกษัตริย์ เป็นโรงเรียนติดถนน ข้างถนนเป็นคลองผดุงกรุงเกษม

ผมลงจากรถเมล์เดินไปถึงหน้าโรงเรียนแล้วสำรวจภูมิประเทศทั่วไปก็ตกตะลึงเพราะเห็นอาคารโรงเรียนเหมือนที่ปรากฏในความฝันทุกประการ ผมเห็นดังนั้นก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่ปรากฏในความฝันนั้นคือเทพยดาสังหรณ์แน่แล้ว

ผมเดินเข้าไปในอาคารเรียน เห็นครูผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่จึงเข้าไปยกมือไหว้แล้วถามว่าท่านอาจารย์ใหญ่อยู่ที่ไหน ครูผู้นั้นคงเข้าใจว่าผมรู้จักกับอาจารย์ใหญ่และนัดหมายกันไว้ก่อนจึงบอกว่าอาจารย์ใหญ่อยู่ที่ห้องชั้นบน พลางเอามือชี้ขึ้นไปที่ชั้นสอง แล้วบอกว่าขึ้นบันไดไปข้างหน้า ห้องขวามือนั่นคือห้องอาจารย์ใหญ่

ผมขอบคุณครูชายท่านนั้นแล้วกุมสติมั่นยกมือทั้งสองขึ้นมาลูบหากัน พลางร่ายมนต์เมตตามหานิยมของเจ้าประคุณสมเด็จซึ่งแม่ชีเฒ่าได้สอนไว้ พร้อมกับรำลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จ เสร็จครบสามคาบแล้วจึงเอามือขึ้นลูบหน้า อธิษฐานเป็นเมตตามหานิยมและจังงัง หวังให้การที่มาขอเรียนหนังสือได้สำเร็จดังปรารถนา

โปรดติดตามตอนที่ 23 “ปาฏิหาริย์สมเด็จโต” ในวันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น