ผู้จัดการรายวัน - เซอร์ไพรส์! ตลาดหลักทรัพย์ซื้อที่ดินแบงก์กรุงไทย ทำเลทอง "ป.กุ้งเผา รัชดา" 11 ไร่ 1,400 ล้าน "วิจิตร" มั่นใจควักเงินก้อนนี้คุ้มค่า เล็งก่อสร้างที่ทำการตลาดหุ้นครบวงจรหรือซื้อเพื่อการลงทุน วงการอสังหาฯ ชี้หากพัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์มูลค่าไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน ชี้ได้อานิสงส์รถไฟใต้ดิน เผยเบื้องหลังดีล บิ๊กทหารกล่อมเจ้าถิ่นยอมปล่อยของ ทั้งๆ ที่อยู่ในสัญญาเช่า
แหล่งข่าวระดับสูงในวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน"ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้ตัดสินใจซื้อ ทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร "ป.กุ้งเผา รัชดา" ซึ่งอยู่ติดกับสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ทรัพย์สินดังกล่าวตั้งอยู่ในทำเลทอง ด้านหน้าติดถนนกว้างประมาณ 500-600 เมตร เนื้อที่รวมทั้งสิ้น 11 ไร่ ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่ โดยมีสิ่งปลูกสร้างเต็มเนื้อที่ นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดและเป็นที่จับตาอย่างมาก
"โดยหลักความเป็นจริงแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯสามารถลงทุนได้ เนื่องจากมีสถานภาพเป็นนิติบุคคล โดย ป.กุ้งเผา รัชดา มีศักยภาพในการลงทุนระยะยาว สามารถรองรับโครงการคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ที่อาจมีทั้งโรงแรม อาคารสำนักงานให้เช่า มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน"
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในช่วงของการปรับฐานตามทิศทางของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกรายระมัดระวังในการลงทุนและพิจารณาเลือกทำเลที่มีศักยภาพ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนค่อนข้างสูง เช่น สุขุมวิทและรัชดาภิเษก เพราะเป็นทำเลทอง มีโครงข่ายรถไฟฟ้าผ่าน จึงเป็นแหล่งรวมของสถาบันเทิง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และอาคารสำนักงาน
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวของนักพัฒนาอสังหาฯ ได้ลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆรองรับ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียมราคาระดับกลาง อย่าง บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ , โครงการคอนโดฯของบริษัท พระยาพาณิชย์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในกลุ่มเจ้าพระยามหานคร และที่ต้องจับตามองอย่างมากคือ กลุ่มธุรกิจของนายนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้เข้าซื้อโครงการรัชดาฯสแควร์ ทาวเวอร์ หรือ อาคารศรีวรา ไฮเทค ตรงข้ามโรบินสัน รัชดาฯ หลังจากที่ บริษัทในเครือเทกโอเวอร์มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2548 ในราคาประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท เป็นรับรู้กันในวงการว่า ได้ซื้อต่อมาจากผู้ใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตร เป็นต้น
ตลท.ชั่งใจทำออฟฟิศ-เก็งกำไร
นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ใช้เงิน 1,400 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินดังกล่าว จำนวน 11 ไร่ จากการธนาคารกรุงไทยที่มีการนำออกมาประมูล วัตถุประสงค์ในการซื้อมี 2 เรื่องหลักคือ สร้างสำนักงานของตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากปัจจุบัน ที่ทำการข้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นพื้นที่เช่าและการใช้อาคารเต็มพื้นที่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการเจรจากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการที่จะเช่าพื้นที่จำนวน 7 ไร่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
"เราต้องการที่จะมีตึกเป็นสินทรัพย์ของเราเอง แต่หากสุดท้ายเจรจาแล้วเลือกเช่าที่จุฬาฯ ที่ดินที่ซื้อจากธนาคารกรุงไทยก็เป็นการซื้อเพื่อลงทุน" นายวิจิตรกล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างอาคารตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในอีก 2 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินก่อสร้างประมาณ 1,500–1,600 ล้านบาท
เผยเบื้องหลังบิ๊กทหารกล่อมสำเร็จ
สำหรับเบื้องหลังดีลดังกล่าว แหล่งข่าวนายหน้าค้าอสังหาฯเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วการขายที่ดินแปลงนี้ยาก เนื่องจากเจ้าของที่และอาคารปลูกสร้างในที่ดังกล่าวเป็นผู้กว้างขวาง เพราะที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยเคยประกาศขายทรัพย์ผืนดังกล่าวหลายครั้ง ปรากฏว่าไม่สำเร็จ ทั้งๆ ที่มีนักลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก ไม่ว่า กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่มเบียร์สิงห์ กลุ่มทุนสิงคโปร์ หรือแม้แต่นักลงทุนจากประเทศอังกฤษก็เคยให้ความสนใจ แต่พอจะเข้ามาลงทุน ก็เจอข้อเสนอจากผู้เช่าเดิม หากใครสนใจก็ได้แต่ต้องร่วมทุน
"แบงก์กรุงไทยยื่นข้อเสนอขายทรัพย์ดังกล่าวให้เจ้าของป.กุ้งเผา รัชดา แต่ไม่สำเร็จ แถมยังมีเรื่อสัญญาเช่า ที่สำคัญกลุ่มนี้มีเงินสดในมือเป็นพันล้าน การขายทรัพย์ครั้งนี้จึงน่าจะมีผู้ใหญ่หรือคนมีสีเข้ามาช่วยเจรจา เป็นกลุ่มคนมีสีที่คอยดูแลย่านรัชดาฯ งานนี้อดีตประธานแบงก์กรุงไทยรู้เรื่องดี" แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตุ
ทั้งนี้ "ป.กุ้งเผา รัชดาฯ" เดิมเป็นของกลุ่มตระกูลปัญจทรัพย์ เจ้าของที่พัฒนาโครงการหมู่บ้านปัญจทรัพย์ และปัจจุบันมีโครงการที่กำลังพัฒนาอีกหลายทำเล และที่ดินดังกล่าวมีภาระผูกพันกับอดีตธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ต้องควบรวมกับธนาคารกรุงไทยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และกลายเป็นทรัพย์ของธนาคารกรุงไทย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสังเกตว่า ร้านอาหารป.กุ้งเผา รัชดา ยังมีสัญญาเช่าในที่ดินแปลงดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายเป็นเวลาถึง 15 ปี โดยช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา พึ่งผ่านสัญญาเช่ามาได้ประมาณ 7-8 ปี ดังนั้น ยังมีสัญญาการเช่าเหลือไม่ต่ำกว่า 7 ปี
แหล่งข่าวระดับสูงในวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน"ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้ตัดสินใจซื้อ ทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร "ป.กุ้งเผา รัชดา" ซึ่งอยู่ติดกับสถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ทรัพย์สินดังกล่าวตั้งอยู่ในทำเลทอง ด้านหน้าติดถนนกว้างประมาณ 500-600 เมตร เนื้อที่รวมทั้งสิ้น 11 ไร่ ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่ โดยมีสิ่งปลูกสร้างเต็มเนื้อที่ นับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดและเป็นที่จับตาอย่างมาก
"โดยหลักความเป็นจริงแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯสามารถลงทุนได้ เนื่องจากมีสถานภาพเป็นนิติบุคคล โดย ป.กุ้งเผา รัชดา มีศักยภาพในการลงทุนระยะยาว สามารถรองรับโครงการคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ที่อาจมีทั้งโรงแรม อาคารสำนักงานให้เช่า มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน"
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในช่วงของการปรับฐานตามทิศทางของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกรายระมัดระวังในการลงทุนและพิจารณาเลือกทำเลที่มีศักยภาพ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนค่อนข้างสูง เช่น สุขุมวิทและรัชดาภิเษก เพราะเป็นทำเลทอง มีโครงข่ายรถไฟฟ้าผ่าน จึงเป็นแหล่งรวมของสถาบันเทิง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และอาคารสำนักงาน
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวของนักพัฒนาอสังหาฯ ได้ลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆรองรับ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียมราคาระดับกลาง อย่าง บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ , โครงการคอนโดฯของบริษัท พระยาพาณิชย์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในกลุ่มเจ้าพระยามหานคร และที่ต้องจับตามองอย่างมากคือ กลุ่มธุรกิจของนายนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้เข้าซื้อโครงการรัชดาฯสแควร์ ทาวเวอร์ หรือ อาคารศรีวรา ไฮเทค ตรงข้ามโรบินสัน รัชดาฯ หลังจากที่ บริษัทในเครือเทกโอเวอร์มาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2548 ในราคาประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท เป็นรับรู้กันในวงการว่า ได้ซื้อต่อมาจากผู้ใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตร เป็นต้น
ตลท.ชั่งใจทำออฟฟิศ-เก็งกำไร
นายวิจิตร สุพินิจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ใช้เงิน 1,400 ล้านบาท ในการซื้อที่ดินดังกล่าว จำนวน 11 ไร่ จากการธนาคารกรุงไทยที่มีการนำออกมาประมูล วัตถุประสงค์ในการซื้อมี 2 เรื่องหลักคือ สร้างสำนักงานของตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากปัจจุบัน ที่ทำการข้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นพื้นที่เช่าและการใช้อาคารเต็มพื้นที่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการเจรจากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการที่จะเช่าพื้นที่จำนวน 7 ไร่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
"เราต้องการที่จะมีตึกเป็นสินทรัพย์ของเราเอง แต่หากสุดท้ายเจรจาแล้วเลือกเช่าที่จุฬาฯ ที่ดินที่ซื้อจากธนาคารกรุงไทยก็เป็นการซื้อเพื่อลงทุน" นายวิจิตรกล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างอาคารตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในอีก 2 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินก่อสร้างประมาณ 1,500–1,600 ล้านบาท
เผยเบื้องหลังบิ๊กทหารกล่อมสำเร็จ
สำหรับเบื้องหลังดีลดังกล่าว แหล่งข่าวนายหน้าค้าอสังหาฯเปิดเผยว่า จริงๆ แล้วการขายที่ดินแปลงนี้ยาก เนื่องจากเจ้าของที่และอาคารปลูกสร้างในที่ดังกล่าวเป็นผู้กว้างขวาง เพราะที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยเคยประกาศขายทรัพย์ผืนดังกล่าวหลายครั้ง ปรากฏว่าไม่สำเร็จ ทั้งๆ ที่มีนักลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก ไม่ว่า กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ กลุ่มเบียร์สิงห์ กลุ่มทุนสิงคโปร์ หรือแม้แต่นักลงทุนจากประเทศอังกฤษก็เคยให้ความสนใจ แต่พอจะเข้ามาลงทุน ก็เจอข้อเสนอจากผู้เช่าเดิม หากใครสนใจก็ได้แต่ต้องร่วมทุน
"แบงก์กรุงไทยยื่นข้อเสนอขายทรัพย์ดังกล่าวให้เจ้าของป.กุ้งเผา รัชดา แต่ไม่สำเร็จ แถมยังมีเรื่อสัญญาเช่า ที่สำคัญกลุ่มนี้มีเงินสดในมือเป็นพันล้าน การขายทรัพย์ครั้งนี้จึงน่าจะมีผู้ใหญ่หรือคนมีสีเข้ามาช่วยเจรจา เป็นกลุ่มคนมีสีที่คอยดูแลย่านรัชดาฯ งานนี้อดีตประธานแบงก์กรุงไทยรู้เรื่องดี" แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตุ
ทั้งนี้ "ป.กุ้งเผา รัชดาฯ" เดิมเป็นของกลุ่มตระกูลปัญจทรัพย์ เจ้าของที่พัฒนาโครงการหมู่บ้านปัญจทรัพย์ และปัจจุบันมีโครงการที่กำลังพัฒนาอีกหลายทำเล และที่ดินดังกล่าวมีภาระผูกพันกับอดีตธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ต้องควบรวมกับธนาคารกรุงไทยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และกลายเป็นทรัพย์ของธนาคารกรุงไทย อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสังเกตว่า ร้านอาหารป.กุ้งเผา รัชดา ยังมีสัญญาเช่าในที่ดินแปลงดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายเป็นเวลาถึง 15 ปี โดยช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา พึ่งผ่านสัญญาเช่ามาได้ประมาณ 7-8 ปี ดังนั้น ยังมีสัญญาการเช่าเหลือไม่ต่ำกว่า 7 ปี