xs
xsm
sm
md
lg

แบตเตอรี่พูม่าฝ่าการเมืองขอโตเท่าตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบตเตอรี่ “พูม่า” มั่นใจสิ้นปีโตเท่าตัว หลังครึ่งปีแรกเติบโต 30% แม้สถานการณ์การเมืองวุ่น และเศรษฐกิจชะลอตัว แถมต้นทุนวัตถุดิบพุ่งอีก แต่ประกาศพร้อมรับมือทุ่มงบการตลาดกว่า 12 ล้านบาทอัดฉีด ฟันธง! แนวโน้มแบตเตอรี่แบบเมนเทนแนนซ์ฟรีมาแรงในอีก 5-6 ปีข้างหน้า

นายบุญชัย เมธีดุลสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม เอฟ ออโต้(ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ยี่ห้อ “พูม่า” จากเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงปัญหาการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ส่งผลกระทบต่อทุกภาคธุรกิจอย่างแน่นอน เพราะผู้บริโภคต่างระวังในการจับจ่ายใช้สอย และไม่กล้าใช้เงินในตอนนี้

“นอกจากนี้ปัจจุบันผู้ประกอบการมีต้นทุนสูงขึ้น จากราคาตะกั่วที่ปรับราคาเพิ่ม ทำให้ราคาแบตเตอรี่สูงกว่าเดิมประมาณ 20% แต่บริษัทฯได้ประเมินสถานการณ์ต่างๆ เอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว จึงรับมือด้วยการทุ่มงบโฆษณา และจัดกิจกรรมทางการตลาด โดยเตรียมออกโรดโชว์ตามหัวเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศ โดยได้เตรียมงบไว้ประมาณ 12 ล้านบาท ทำให้คาดว่าครึ่งแรกของปีนี้ จะมียอดขายโตถึง 30% และมั่นใจภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายถึง 60 ล้านบาท ซึ่งเทียบกับปีที่แล้วเติบโตเป็นเท่าตัว”

โดยช่องทางการจำหน่ายแบตเตอรี่พูม่าในปัจจุบัน มีทั้งเซอร์วิส ช็อป และร้านค้าที่รับไปจำหน่ายกว่า 350 ร้าน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมขยายช่องทางขาย ไปที่ศูนย์บริการค็อกพิตที่มีว่า 80 สาขา รวมถึงศูนย์บีพี คาสตรอล ที่มีอีกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจา

นายบุญชัยกล่าวว่า ตลาดแบตเตอรี่ในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท หรือมียอดขายกว่า 3 ล้านลูกต่อปี แต่สำหรับ“พูม่า” เป็นแบตเตอรี่แบบเมนเทนแนนซ์ฟรี 100% (หรือแบตเตอรี่แห้ง) ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน ทั้งยังมีคู่แข่งไม่มากนักในกลุ่มแบตเตอรี่พรีเมี่ยม โดยมีสัดส่วนประมาณ 15%ของตลาดรวม

“ตอนนี้ราคาของแบตเตอรี่พูม่าจะสูงกว่าคู่แข่ง ที่เป็นแบตเตอรี่แบบกึ่งเมนเทนแนนซ์ฟรี อยู่ประมาณลูกละ 600-700 ร้อยบาทเท่านั้น แต่คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า แบตเตอรี่แบบเมนเทนแนนซ์ฟรี 100% จะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างแน่นอน”

สำหรับแบตเตอรี่ในปัจจุบัน มีราคาตั้งแต่ 2,000-5,000 บาท และแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ แบตเตอรี่สำหรับรถเก๋งเล็ก เครื่องยนต์ตั้งแต้ 1,600 ซีซีลงมา ซึ่งจะมีสัดส่วนยอดขาย 25% และเก๋งกลางกึ่งใหญ่เครื่องยนต์ 1,600-2,000 ซีซี สัดส่วน 20% ขณะที่รถเพื่อการพาณิชย์(รถปิกอัพ) 30% และรถหรูขนาดใหญ่จะเป็นสัดส่วน 25% ของยอดขายทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น