xs
xsm
sm
md
lg

ไฟใต้โหมหนัก ยิง 2 ตชด.ดับ - "ชิดชัย"ลงพื้นที่วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไฟใต้ปะทุขึ้นมาอีก คนร้ายบุกยิง ตชด.ค่ายดารารัศมีดับอีก 2 นายคาตลาดนัดที่ยะลา ชาวบ้านถูกลูกหลงบาดเจ็บ 5 พร้อมฉกปืนเอ็ม 16-9 ม.ม.ไปอีก 2 กระบอก ขณะเดียวกัน ตชด.สนธิกำลังตำรวจบาเจาะ บุกจับ 3 ผู้ต้องหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินรวบได้ 2 หนีได้ 1 ขณะนำตัวออกมาหวิดถูกชาวบ้านปิดล้อมแย่งตัวผู้ต้องหา แต่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ "ชิดชัย"ลงใต้วันนี้ อุปนายกสมาคมยุวมุสลิมฯ จวก กอ.สสส.จชต.แก้ปัญหาใต้ล้มเหลว แฉ จนท.ทำผิดข้อตกลง จับชาวบ้านก่อนแล้วให้นายอำเภอเซ็นต์ทีหลัง ขณะที่การค้นบ้านผู้ต้องหากลับไม่ยอมให้ญาติเข้าไปดู ชี้ยิ่งเป็นการดดดันชาวบ้าน เชื่อ "ทักษิณ"แก้ไม่ได้

สถานการณ์ความไม่สงบใต้ปะทุขึ้นมาอีก โดยเมื่อเวลา 10.45 น.วานนี้ (23 พ.ค.) คนร้ายได้ลอบยิงตำรวจ ตชด.เสียชีวิต 2 นาย ที่บริเวณตลาดนัดริมถนนสาย 410 ยะลา-เบตง บ้านกรงปินัง ม.2 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากป้อมจุดตรวจหน่วยบริการประชาชน สภ.อ.กรงปินัง เพียงแค่ 50 เมตร ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพ ด.ต.สุพจน์ นภาสิทธิ์ อายุ 30 ปี เป็นตำรวจ ตชด. ชุด มว.ตชด. 3310 กก.ตชด.ที่ 33 ค่าย ดารารัศมี อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ถูกยิงเสียชิวิตคาที่ ส่วน ด.ต.ประดิษฐ์ เตชะ อายุ 30 ปี เป็นตำรวจ ตชด. สังกัดเดียวกัน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน คือ นางสุไมดะ หามะ, นางมีเดาะ มายิ, นางเซาเดาะ แวอุเซ็ง, นายอาแว แวอุเซ็ง และนายสุเมธ ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา หลังก่อเหตุคนร้ายได้นำปืนเอ็ม 16 และปืนขนาด 9 มม.ของตำรวจทั้ง 2 นายหลบหนีไปด้วย

ต่อมา พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4, พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบช.ภ.9 และนายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าฯยะลา ได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งการให้จัดชุดออกติดตามตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในรัศมีใกล้จุดเกิดเหตุแต่ก็คว้าน้ำเหลว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุยิงตำรวจชุมชนสัมพันธ์ที่สถานียุทธศาตร์ ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา เมื่อปลายปีที่แล้ว เนื่องจากลักษณะการก่อเหตุใช้ยุทธิวิธีเดียวกัน

ขณะที่ในเวลา 14.00 น.ร.ต.อ.วีระยุทธ ตาสีพัน ผบ.มว.ฉก.ตชด.2401 ซึ่งตั้งฐานปฏิบยัติการที่บ้านตะโละมาเนาะ ต.ลูโบ๊ะสาวอ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้สนธิกำลังตำรวจ สภ.อ.บาเจาะ ประมาณ 60 นาย เข้าไปจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 คนในข้อหาด้านความมั่นคง ที่บ้านดูกูสุเหร่า ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ และสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน ส่วนอีก 1 คนหลบหนีไปได้ทราบชื่อ คือ นายมะรอโซ (ไม่ทราบสกุล) โดยระหว่างที่จะนำตัวผู้ต้องหาออกมายังฐานปฏิบัติการ ตชด.นั้นได้มีชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็กประมาณ 100 คน รวมตัวขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงมีการประสานชุดเฉพาะกิจนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ ไปสนับสนุนกำลัง

โดยชาวบ้านได้พยายามจะยื้อแย่งตัวผู้ต้องหา ทำให้เกิดการชุลมุนชั่ว เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า 1 ชุด เพื่อให้ชาวบ้านอยู่ในอาการสงบ และสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ต่อมา พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบช.ภ.9 ได้เดินทางไปดูสถานการณ์โดยที่ยังไม่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่ถูกจับเป็นตัวประกันแต่อย่างใด

ด้าน พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการประชุม ครม.ถึงปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ดูแลครูเป็นพิเศษ ซึ่งวันพรุ่งนี้ (24 พ.ค.) ตนจะลงไปในพื้นที่ และให้เร่งรัดในเรื่องของการให้ทำรั้วโรงเรียนและบ้านพักโดยกำชับให้ทำเป็นการด่วน

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าจะลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้บ้างหรือไม่เพียงว่า "กำลังจัดตารางอยู่แต่ขอเคลียร์งานก่อน"

ทางด้านนายอับดุลอาซิด ตาดิอิน อุปนายกสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน" ถึงบทบาทการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ กอ.สสส.จชต.ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อต้นปี 47 ว่า กอ.สสส.จชต.ซึ่งมีทหารเป็นผู้นำในองค์กรนั้นยังทำงานได้ไม่เข้าเป้า โดยตัวชี้วัด คือ ชาวบ้านจำนวนมากที่ยังคงได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งๆ ที่หน่วยงานนี้มีการใช้งบประมาณไปจำนวนมหาศาล ทั้งเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองมีการใช้งบประมาณไปเป็นจำนวนมาก แต่กลับให้งบฯในส่วนที่ภาคประชาชนนำไปบริหารกันเองน้อยมาก

"ข้าราชการมีการเบิกจ่ายเงินกันมาก เมื่อมาดูที่ชาวบ้านพบว่าชาวบ้านยังไม่พอใจกับการทำงานของ กอ.สสส.จชต. ยิ่งหลังจากที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยิ่งสร้างผลกระทบให้กับชาวบ้านมากยิ่งขึ้น ซึ่งองค์กรเหล่านี้คงพอใจที่เหตุการณ์ยังเป็นอยู่แบบนี้ เพราะเขาจะได้เอางบฯมาใช้กันได้"นายอับดุลอาซิส กล่าว และว่า จากที่ได้ทำงานกับประชาชนรากหญ้า พบว่าชาวบ้านยังคงได้รับผลกระทบจากการทำงานของ กอ.สสส.จชต.เป็นจำนวนมาก โดยเมื่อ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทางศูนย์นิติธรรมซึ่งตั้งขึ้นโดยกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) ตั้งอยู่ที่ มอ.ปัตตานี ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน อ.บันนังสตา จ.ยะลา ว่า มีเด็กวัยรุ่นถูกเจ้าหน้าที่ทหารซ้อมได้รับบาดเจ็บโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะนี้ทางศูนย์ฯ กำลังให้ทนายติดตามรายละเอียดและสืบหาข้อเท็จจริงตามที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านอยู่

"การจับกุมชาวบ้านของเจ้าหน้าที่ กอ.สสส.จชต.หลายครั้งเป็นการกระทำที่ผิดต่อข้อตกลง เพราะไม่ได้มีการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ซึ่งไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ต้องการจะแก้เผ็ดชาวบ้านหรืออย่างไร เพราะตาม พรก.ฉุกเฉินนั้น 3 วันแรกไม่สามารถเข้าเยี่ยมผู้ถูกจับกุมได้ ญาติพี่น้องหรือทนายก็เยี่ยมไม่ได้ จริงๆ แล้ว 3 วันแรกที่ถูกจับกุมคือช่วงวิกฤติของคนที่ถูกจับ เรากำลังปวดหัวกับเรื่องแบบนี้ เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านเป็น 100 เรื่องถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ชาวบ้านรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับเขา" นายอับดุลอาซิส กล่าว และว่า

แม้จะมีการตั้ง กอ.สสส.ระดับจังหวัด และอำเภอขึ้นมาก็ตาม แต่ในบางอำเภอทหารกลับไปจับคนร้ายก่อนแล้วมาให้ทางอำเภอเซ็นต์ทีหลัง ซึ่งตามหลักการแล้วก่อนทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ทหารและนายอำเภอจะต้องเซ็นต์ร่วมกันก่อนทำการจับกุมผู้ต้องสงสัย แต่การไปจับก่อนแล้วมาให้อำเภอเซ็นต์ทีหลังนั้น ได้สร้างความอึดอัดใจให้กับนายอำเภอบางคนเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นการปฏิบัติที่ไม่ตรงตามข้อตกลง

"การกระทำแบบนี้จะยิ่งสร้างเงื่อนไขให้ชาวบ้านมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านส่วนใหญ่เขายังยอมรับกฎหมายเขาถึงต้องมาร้องเรียน แต่กระบวนการยุติธรรมทุกวันนี้มันบิดเบี้ยวตั้งแต่ต้น การออก พ.ร.ก.แค่ทำให้เหตุการณ์ทรงตัว และอาจจะเลวร้ายลงไปอีกได้ กรณีการจับครูเป็นตัวประกันสาเหตุมาจากไหน เพราะเจ้าหน้าที่ไปจับกุมชาวบ้าน โดยบอกว่ามีหลักฐานชัดเจนโดยไม่แจ้งให้ใครทราบ และเท่าที่ผ่านมามีหลายคดีที่พอถึงชั้นศาลแล้วไม่มีหลักฐานคดีก็ยุติ ครูเลยต้องรับกรรม การแก้ปัญหาต้องแก้ที่สาเหตุ อย่ามาประณามชาวบ้านเพื่อกลบเกลื่อน ทุกครั้งที่เกิดเหตุแบบนี้มีการบิดเบือนประเด็นให้สังคมสนใจแต่ปลายเหตุ โดยไม่มองต้นเหตุ แล้วใช้การโฆษณาชวนเชื่อมาบิดเบือนประเด็น"

นายอับดุลอาซิส กล่าวต่อว่า วิธีการที่เจ้าหน้าที่ กอ.สสส.จชต.ใช้กับชาวบ้านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เหมือนกับวิธีที่ใช้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในอดีต คนไหนที่โดนกาหัวสีแดงก็ต้องเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ ได้รับความเดือดร้อนมาก จึงมีการมาแจ้งกับศูนย์นิติธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขายอมรับกฎหมาย แต่ไม่มั่นใจกระบวนการยุติธรรม เพราะเขาเห็นว่าตำรวจ อัยการ และศาล เป็นพวกเดียวกัน โดยในส่วนของศูนย์นิติธรรมนั้น หลังจากตั้งขึ้นมาจนถึงขณะนี้เริ่มมีชาวบ้านรู้จักมากขึ้น และเข้ามาร้องเรียนอยู่เป็นระยะๆ โดยศูนย์ฯนี้จะมีอยู่ทั้ง 3 จังหวัด มีทนายที่เป็นตัวแทนจากสภาทนายความเป็นผู้รับเรื่อง

"เรื่องที่ได้รับการร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ชาวบ้านรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่างกรณีเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ไปจับกุมวัยรุ่นคนหนึ่งที่ จ.นราธิวาส โดยได้ไปขุดบริเวณหลังบ้านเพื่อจะหาหลักฐาน ญาติเขาก็จะขอไปดูและขอถ่ายรูปด้วย แต่กลับถูกทหารขู่จะยิง และห้ามไม่ให้เข้าไปยุ่ง ขุดไปขุดมาก็เจอสายไฟ บอกว่าเป็นวัสดุประกอบระเบิด แล้วบังคับให้เขายอมรับ เขากลัวเขาก็เลยยอมรับ ถัดมาอีก 2 วันก็มาขุดแบบเดิมอีก คราวนี้เจอระเบิด 2 ลูก สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างเงื่อนไขกดดันให้ชาวบ้านไม่มีทางออก การจะค้น หรือจับกุมใครควรเรียกผู้นำชุมชน และชาวบ้านให้มาเป็นพยาน ไม่ใช่ไปค้นโดยห้ามใครเข้าไปยุ่ง อยู่ๆ พอเจอแล้วมาโยนให้ชาวบ้านรับ สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้ชาวบ้านกลัวแต่ก็ไม่กล้าพูด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วง และน่ากลัวอย่างมาก" นายอับดุลอาซิส กล่าว

พร้อมเสนอว่า หากจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของหน่วยงานหลักที่ดูแลแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อไปควรให้พลเรือนเป็นหัวหลักในการทำงาน ร่วมกับทหาร และตำรวจ เหมือนกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในอดีต เพราะทหารและตำรวจมีความถนัดในด้านการรบและปราบปราม ก็ทุ่มกำลังไปทางด้านนั้น ยิ่งใช้กำลังปราบปรามมากเหตุการณ์ก็ยิ่งแรงขึ้น ซึ่งเมื่อประกาศใช้นโยบายรัฐบาลบอกว่า จะใช้การเมืองนำ แต่ในทางปฏิบัติจริงกลับเป็นทหารที่นำ

"หากมีการปรับเปลี่ยนไปทำในลักษณะของ ศอ.บต ชาวบ้านก็จะไม่อึดอัด ค่ายทหารไม่มีใครกล้าเข้า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาประกาศว่าจะกลับมาแก้ปัญหาภาคใต้นั้นมันเป็นแค่การสร้างภาพเท่านั้น หากวิธีคิดยังเป็นแบบนี้ก็ยากที่เหตุการณ์จะสงบลงง่ายๆ" นายอับดุลอาซิส กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น