xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์: แผนเปลี่ยนการปกครองไทย? (5-ตอนจบ)

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

เราพูดถึงยุทธศาสตร์ทักษิณมาแล้ว 3 ข้อ คือ การทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ การสร้างการเมืองระบบพรรคเดียว การระดมมวลชนรากหญ้าเป็นสมาชิกพรรคแต่ในนาม ปล่อยให้พรรคเป็นระบบ "รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสหัวหน้า" หรือเป็น "คุก" อย่างที่อดีตประธานที่ปรึกษา เสนาะ เทียนทอง นำมาเปิดเผย

เราจะพูดให้จบอีก 2 เรื่องคือ (4) การแปลงสินทรัพย์ของชาติ และ (5) การโค่นระบบราชการดั้งเดิม ขอกล่าวโดยสังเขป ผ่านเรื่องที่พูดกันมากแล้ว

(4) การแปลงสินทรัพย์ของชาติ มาเป็นทุนบุคคล

4.1 พระราชดำรัส ธันวาคม 2547
“ถ้าเราฟังคนแล้วก็ฟังจริง ๆ แต่ต้องมาพิจารณา อันนี้ที่เป็นข้อสำคัญ ถ้าฟังๆ คนโน้นคนนี้ คนไหนที่มาจากอเมริกาใต้ มาพูดใหญ่ว่าต้องปฏิบัติอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่เห็นด้วยสักอัน เราก็ คิดทำไมไม่เห็นด้วย บางทีคนที่มีความรู้ มีชื่อเสียงมาพูด เราฟังไม่เข้าเรื่อง ไม่ได้มีประโยชน์ แต่ประโยชน์มีอยู่ว่าท่านเก่งที่ทำให้คนเชื่อ ถ้าคนมาแล้วก็เราฟังแล้วก็เชื่อตามไปหมดไม่ดีเพราะว่าไม่ได้พิจารณาต้องพิจารณา ว่าที่ท่านพูดนั้นถูกต้องหรือไม่”

4.2 คนไหนที่มาจากอเมริกาใต้ คนนั้นคือ เฮอร์นันโด ดีโซโต เด็กสร้างของระบบทุนนิยมสุดขั้วที่ทักษิณบูชา เพราะเป็นเจ้าทฤษฎีแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน เราจ้างด้วยเงินภาษีเป็นสิบๆล้านให้มาพูดและปรึกษา ทักษิณนำเข้าเฝ้า ในหลวงตรัสว่าไม่เห็นด้วย รัฐบาล สื่อ และนักวิชาการ ไมมีผู้ใดแยแสพระราชดำรัสเลย ดีโซโตเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีฟูจิโมริ ของเปรู ที่ทำให้เศรษฐกิจพัง คอร์รัปชันบานตะไท กลายเป็นเผด็จการ จนถูกขับไล่ เวลานี้ติดคุกอยู่ชิลี รอการส่งข้ามแดนไปพิพากษา

4.3 การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน รวมทั้งการขายรัฐวิสาหกิจที่มั่นคง เป็นการปล้นสมบัติ และทำลายทรัพยากรของชาติ แต่ทักษิณและคณะเป็นนายทุน จึงเชื่อทุนนิยมสุดโต่งเต็มที่ บ้าจีดีพีหรือผลผลิตรวมของประเทศ บ้าส่งออก และ ความเติบโตของตลาดหุ้น ยิ่งยัดรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดมากเท่าใด ยิ่งได้ผลพลอยได้สองอย่าง คือตลาดหุ้นโต ราคาหุ้นขึ้น นายกฯ และคณะเป็นขาใหญ่ ครอบครองตลาดหุ้นเกือบทั้งหมดพากันกินหุ้นจนท้องกาง ดร.ชัยอนันต์บอกผมว่า ไม่ไหวต้องถอย ขืนปล่อยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเข้าตลาด หุ้นโตมาเสกขึ้นเป็นแสนล้านกว่าแหงๆ แล้วประเทศชาติประชาชนได้อะไร

4.4 ทักษิโณมิกส์
หรือ เมกาโลเมเนียกโปรเจกต์เป็นการ กระทืบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงโดยตรง ในหลวงทรงพร่ำสอนและอ้อนวอนให้คนไทยเอาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะมันไปได้จริงๆ เมืองไทยจะรอดจากภัยบริโภคนิยมจัด เพราะเงินทองคือมายา แต่ข้าวปลาเป็นของจริง เมืองไทยโชคดีที่เรามีของจริง ทำไมจึงพากันไปเห่อของปลอม ทำไมรัฐบาลทักษิณจึงสวนทางในหลวงตลอด ผมเขียนไว้ในวาระแห่ง (การกู้) ชาติ ว่า “ต้องรีบสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัว และมียุทธวิธีถอยออกจากระบบทุนนิยมเสรีสุดโต่งโดยให้มีความเสียหายน้อยที่สุด” เราจะทำไม่ได้ถ้าเอาทักษิณไว้

(5) การโค่นระบบราชการโบราณ และสถาปนาระบบซีอีโอแบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสรัฐบาล” ในเสื้อคลุมของการปฏิรูประบบราชการ

5.1 พระราชดำรัส ธันวาคม 2547
“เดี๋ยวนี้การปกครองก็ใช้แต่คำต่างประเทศ ท่านก็เป็นท่าน ซีอีโอ ถ้าความจำเวลานี้อายุมากขึ้น ความจำมันลดลง ซีอีโอมาจากอะไร เลยไม่รู้ว่าท่านจะปกครองอย่างไร แต่เดี๋ยวนี้ชักเคยชินว่าท่านปกครองแบบ ซีอีโอ แต่ว่าวันนั้นที่ซีอีโอมา ท่านรองนายกฯ มาก็มาบอกว่า ถามว่าพระเจ้าอยู่หัวเป็นอะไร ก็ ท่านก็บอกว่าเป็นซีอีโอ โอ้เราก็ต้องเข้าใจสิเราเป็น ซีอีโอ ก็เลยเข้าใจว่าเราเป็นนายใหญ่คนหนึ่ง ก็ ต้องคัดค้าน คัดค้าน ว่าไม่ใช่ไม่ได้เป็นนายใหญ่ รัฐธรรมนูญบอกว่าพระมหากษัตริย์ไม่ได้เป็นนายใหญ่ เป็นมหาใหญ่โต กษัตริย์นักรบใหญ่โต แต่ก็ไม่ได้เป็นเป็นจอมทัพไม่ได้เป็นมหากษัตริย์ เป็นซีอีโอ ซีอีโอ ของกองทัพเราก็เข้าใจไปเลยเถิดไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ก็ต้องขอโทษ ต้องล้อท่านรองนายกฯ ว่าท่านก็เป็นซีอีโอ ใหญ่ ใหญ่ที่สุดเลยต้องท่านรับผิดชอบหมด ลงท้าย ฟังไปฟังมาตอนนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดซีอีโอ ว่าบอกว่าการทำงานทำการเป็นยังไง ซีอีโอ นี้ท่านบอกสบายมากถ้ามีอะไรก็ให้ปลัดจังหวัด ปลัดจังหวัด เป็นผู้สั่งการ ท่านนายกฯ ว่าอย่างนั้น ก็เลยว่า ซีอีโอ นี่ดีเหมือนกัน”

5.2 นั่นคือพระอารมณ์ขันของในหลวง พวกเราจะลองทายกันดูบ้างก็ได้ว่า พระองค์ทรงชอบระบบซีอีโอหรือไม่ อ่านหลายๆ เที่ยว โดยเฉพาะข้อความที่เป็นตัวทึบ รวมทั้งที่ขีดเส้นใต้ไว้ ผมเองอยากตอบคำถามว่า ไม่รู้ว่าท่านจะปกครองอย่างไร เพราะผมได้ยิน ทักษิณพูดเสมอว่า ประเทศก็เหมือนบริษัท การบริหารก็ต้องเหมือนกัน คือบริหารแบบบริษัท ดังนั้นจึงต้องมีเจ้าภาพหรือ นายใหญ่ นายใหญ่คือ ซีอีโอ ในหลวงไม่ต้องการเป็นซีอีโอ เพราะมันขัดรัฐธรรมนูญ แต่ทักษิณต้องการเป็นซีอีโอหรือนายใหญ่คนเดียวของประเทศ โดยไม่คำนึงถึงรัฐธรรมนูญ และไม่คำนึงถึงพระมหากษัตริย์ ทักษิณไม่ยอมรับว่าประเทศต่างกับบริษัท เพราะบริษัทนั้นมีผู้ถือหุ้น ซึ่งต่างก็เห็นแก่ตัว ขอให้บริษัทมีกำไร หุ้นขึ้นมากๆ ก็พอใจแล้ว จะทำอย่างไรไม่เกี่ยง แต่ประเทศไม่มีผู้ถือหุ้นหรือ stock holder มีแต่ผู้ร่วมชะตากรรม หรือ stake holder ผู้ร่วมชะตากรรมนี้มีหลากหลาย ความต้องการและผลประโยชน์ ผู้บริหารประเทศจะต้องสุจริตเที่ยงธรรม และรับใช้รับฟังทุกฝ่าย จะเป็นเผด็จการเหมือนซีอีโอบริษัทหาได้ไม่ ทั้งหมดนี้ทักษิณจะสำเหนียกหรือไม่ยังสงสัย แม้พระราชดำรัสจะบอกว่า “ต้องแขวะนายกฯ คนเดียว ฯลฯ ถ้าไม่แขวะจะไม่ได้อะไรเลย ถ้ามาบอกว่า ท่านเก่งท่านดีท่านอะไรทุกอย่าง ไม่ได้ผล ลงท้ายท่านก็ลืม ลืมว่าท่านทำอะไร ถ้าท่าน ลืมว่าทำอะไร อันตราย”

5.3 ทักษิณคุยฟุ้งว่าการปฏิรูปของไทยลักไทย ยิ่งใหญ่เสมอเหมือนและไม่เคยมีมาอีกเลยตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ช่างไม่กลัวเหากินหัว ผมไม่เห็นทักษิณปฏิรูปอะไรเลย นอกจากย้ายโต๊ะเก้าอี้ และปักป้ายกระทรวงเพิ่ม ทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนซื้อโต๊ะเก้าอี้ เพิ่มค่าซื้อหรือเช่าตึก เพิ่มซี และเงินเดือน เหมือนๆ กับทำให้ตลาดหุ้นใหญ่ขึ้น จะได้พากันเห็นบุญคุณ และสามิภักดิ์นายใหญ่มากขึ้น ก่อนทักษิณเข้ามา ระบบราชการยังมีความเป็นกลางอยู่บ้าง ถึงแม้ประสิทธิภาพอาจจะย่อบางแห่ง บางเวลา หรือบางบุคคล แต่โดยส่วนรวมก็ยังรับใช้ประชาชนและประเทศชาติ ไม่เป็นทาสการเมือง แต่ระบบของทักษิณต้องการให้ข้าราชการขึ้นกับนายใหญ่ ใครไม่ขึ้น หรือทำความเคารพช้า หรือไปรับที่สนามบินไม่ทันจะต้องถูกย้ายถูกแขวนกันหมด อ้างว่าไม่สนองนโยบาย ปรากฏว่าคนดีๆ ที่เป็นปลัดกระทรวง อนาคตปลัดกระทรวงถูกระบอบทักษิณกวาดล้างเกือบหมดสิ้น ยกตัวอย่างเช่น พลากร สุวรรณรัฐ มหาดไทย เกริกไกร จีระแพทย์ กระทรวงพาณิชย์ ผาณิต นิติทัณฑ์ประภาส สำนักนายกฯ แม้รัฐวิสาหกิจ เช่น ภราเดช พยัคฆ์วิเชียร ผู้ว่าการท่องเที่ยวก็โดน และยังมีอีกนับไม่ถ้วน ที่เหลืออยู่ก็ต้องหมอบราบคาบแก้ว บางคนอาวุโสที่ 12 ยังขึ้นเป็นปลัดกระทรวง เพราะสะเดาะเคราะห์ให้นายใหญ่ แม้แต่เหล่าทัพและทหารก็ไม่ต่างกัน อาวุโสและทหารอาชีพกระจุยหมด กองทัพเละ ถ้าปล่อยอย่างนี้อีก 2 ปี จะไม่มีอะไรเหลือ ถ้าหากระบบราชการขาดความเป็นกลาง ตกเป็นทาสการเมืองหมดสิ้น ประชาธิปไตยจะเหลือได้อย่างไร

5.4 ระบบซีอีโอเป็นระบบ “รวมศูนย์-รวบอำนาจ-เป็นทาสส่วนกลาง” ขัดกับวิวัฒนาการสังคม และเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เรื่องการปกครองท้องถิ่นและกระจายอำนาจ การปกครองแบบรวมศูนย์-รวบอำนาจจะบันดาลให้ท้องถิ่นเป็นสังคมชั่วคราวไปหมด เพราะทั้งคนและทรัพยากรธรรมชาติถูกดูดเข้าส่วนกลางไม่เหลือหรอ เหลืออยู่ก็แต่นักการเมืองรับเหมาไร้คุณภาพ เป็นลูกน้องและหุ้นส่วนกับตัวแทนของนายใหญ่ที่ส่งมาคนละ 2-3 ปีจากส่วนกลาง ถ้าแก้เรื่องนี้ไม่ได้ ก็จะพัฒนาประเทศจริงจังไม่ได้ หากระบอบทักษิณยังคงอยู่ ไม่มีทางเลย นี่คือ วาระแห่งชาติอีกข้อหนึ่ง

5.5 ที่สำคัญยิ่ง ไม่มีใครพูดถึงกันเลยก็คือ การปฏิรูประบบราชการหรือการปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมของทักษิณนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดกับระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เพราะในวันที่ประกาศใช้นั้นไปอาศัยหรืออิงกับอำนาจของกฎหมายมาตราหนึ่ง ซึ่งถูกยกเลิก ไม่มีเหลืออยู่แล้วใน พ.ร.บ. วันนี้ผมจะไม่บอกว่ามาตราใด ขอให้เนติบริกรคนเก่งแต่ยอดมักง่ายของทักษิณไปค้นหากันเอาเอง ถ้าไม่เจอให้ไปถามศาลปกครอง

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ผมเขียนบทความนี้ในฐานะนักวิชาการ ที่บูชาความเป็นอิสระ เพราะเชื่อว่าความเป็นอิสระนั้นจะช่วยให้เราสามารถค้นหาสัจธรรมความเป็นจริงได้ ผมย้ำอยู่เสมอว่า ท่านต้องไม่เชื่อผม แต่ท่านต้องไปคิดและตรวจสอบข้อมูลเอาเองให้จุใจ แล้วท่านจะเชื่ออะไรก็เป็นสิทธิของท่าน ไม้ไผ่ยังต่างปล้อง พี่น้องยังต่างใจ

ผมสนับสนุนให้ภาคประชาชนต่อสู้เพื่อ เสรีภาพและความเป็นอิสระของสื่อ ต่อต้านการคอร์รัปชันคดโกงของรัฐบาล ต่อสู้กับการทำลายรัฐธรรมนูญและกฎหมายของบ้านเมือง ต่อสู้กับการทำลายองค์กรอิสระและอำนาจตรวจสอบ ผมเห็นรัฐบาลทักษิณกระทำความผิดอุกฉกรรจ์ 5 ประเภทมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งนานผมก็ยิ่งตกใจ

ผมเคยทำงานใกล้ชิดกับอาจารย์สัญญา ที่ว่าใกล้ชิดคือปรึกษากันทุกวันในวันราชการ เราคุยกันมากถึงบทบาทและความจำเป็นของสถาบันกษัตริย์ต่อเมืองไทย ถึงความโชคดีของเมืองไทยที่มีในหลวงองค์นี้ อาจารย์สัญญาบอกว่า “รักและเคารพในหลวงมาก ถ้าในหลวงสั่งให้ไปตาย ก็จะไปตาย”

อาจารย์สัญญา เป็นนักเรียนอังกฤษรู้เรื่องกษัตริย์และประชาธิปไตยอังกฤษดี ผมเรียนการเมืองและรัฐบาลอเมริกันจนมีความรู้พอสอนฝรั่งได้ ผมเชื่อมั่นว่า ระบบประธานาธิบดีใช้ไม่ได้และไม่เหมาะสมกับเมืองไทย คนที่เคยอยู่อเมริกาอย่างผิวเผินแค่ 5-6 ปีอาจจะไม่รู้ก็ได้ เพราะไม่ได้เรียนมาโดยตรง

เราเป็นชาติยากจน การกระจายรายได้ไม่เป็นธรรม พี่น้องชาวชนบทจึงอดอยาก อมโรค และขาดความรู้ เขาโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์ซึ่งเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาอยากให้เขาเงยหน้าอ้าปาก ด้วยวิธีการอันถูกต้องพึ่งตนเอง โดยสังคมและรัฐบาลพากันหนุนช่วย นั่นก็คือวิญญาณสังคมนิยม

ผมได้ศึกษาจนมีความรู้แจ้งชัดว่า ในประเทศประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เช่น นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษ เป็นต้น สถาบันกษัตริย์ไม่ขัดกับประชาธิปไตยและสังคมนิยม มาตรการสังคมนิยมจึงเติบโตงอกงามเป็นที่พึ่ง และสร้างความเสมอภาคให้แก่มวลชนได้ดีกว่าที่อื่น ประชาชนจึงพากันเลือกพรรคสังคมนิยมเป็นรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอยาวนาน อังกฤษขณะนี้ก็มีรัฐบาลสังคมนิยม แต่การเฉลี่ยเวลาครองอำนาจเป็นรัฐบาลยังเป็นรองฝ่ายอนุรักษนิยมราว 3 ต่อ 2 ต่ำกว่าประเทศอื่น ฟินแลนด์ ไม่มีกษัตริย์ ถูกขนาบด้วยรัสเซียกับสวีเดน แต่เลือกเอาแบบสวีเดน

ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขในเมืองไทยเพิ่งจะเริ่มพัฒนา ผมไม่อยากเห็นเผด็จการนายทุนที่ชั่วช้าสามานย์กว่าเผด็จการคนงานมาบ่อนทำลาย

ใครที่เห็นด้วยกับผม โปรดลุกฮือขึ้นมาช่วยกัน คนเราเกิดมาชาติเดียว หากมีโอกาสได้พิทักษ์ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์และความเป็นธรรมในสังคม ก็นับว่าบุญ

ผมไม่สามารถจบด้วยปฏิญญาฟินแลนด์ จึงขอจบด้วยปฏิญญาคอมมิวนิสต์ “A spectre is haunting Europe - the spectre of communism : เงาทะมึน กำลังทาบลงมาเขย่าขวัญยุโรป คือ เงาทะมึนของคอมมิวนิสต์”

แถมด้วยบทเตือนใจว่า “A spectre is haunting Thailand - the spectre of Raborb Thaksin : เงาปีศาจกำลังทาบลงมาเขย่าขวัญเมืองไทย - คือเงาปีศาจระบอบทักษิณ”
กำลังโหลดความคิดเห็น