xs
xsm
sm
md
lg

กกต.เจ้าของอำนาจสูงสุดของคนไทย

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

ตอนนี้บ้านเมืองมันวุ่นวายที่เกิดจากการเมืองหรือการดำเนินการบริหารบ้านเมืองที่บังเอิญว่านักการเมือง และปัญญาชนทางการเมืองจำนวนมาก กำลังขัดแย้งกันในเรื่องการแสวงหาประโยชน์ในทางการเมือง หรือใช้การเมืองเป็นเครื่องมือหากินกันมาเป็นธรรมเนียมประเพณี เพราะประเพณีที่คนไทยยอมรับนับถือและนำมาปฏิบัติที่ว่านี้ทำให้คนเกิดมีอำนาจวาสนา มีทรัพย์สินบริวาร หรือวงศาคณาญาติที่ตัวเองมีอยู่ เพราะฉะนั้น ก็เป็นธรรมเนียมประเพณีอีกเหมือนกันที่คนไทยส่วนหนึ่งจะนำมาปฏิบัติหรือยึดถือเป็นอาชีพกันตลอดมา มีแต่ความรุนแรงหนักหน่วงยิ่งขึ้น

และระยะนี้เป็นระยะที่ประเทศไทยและคนไทยจะต้องเสียความรู้สึกที่ดีงามไปอีกระยะหนึ่งที่ค่อนข้างจะกินเวลานานพอสมควร เพราะบรรดาคนที่พยายามจะเข้าไปแสวงหาโอกาสได้ดิบได้ดีทางการเมืองนั้นมีมากมายพอสมควรหรืออาจจะเรียกได้ว่ามากมายที่สุดกว่าทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่ได้มีโอกาสกันมาตั้งแต่ปี 2475

บางคนต้องการความร่ำรวยชนิดที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง โดยวิธีการตบตาอย่างง่ายๆ คือใช้อำนาจหน้าที่ในการปล้นทรัพย์สินของชาติไปขายให้ต่างชาติไม่ให้มีอะไรเหลือ บางรายต้องการยึดชาติเป็นเจ้าของถึงจะยอมลงทุนทำทุกอย่างเพื่อทำลายคนอื่นด้วยการทำปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจโดยการใช้เงินตั้งหน่วยจัดตั้งประจำตัวเองและครอบครัวของตัวเองด้วยวิธีการของเหมาเจ๋อตุงใช้อยู่ในเมืองจีนซึ่งคนไทยของเราไม่มีโอกาสเข้าใจหรือในขณะที่วางแผนขายทรัพยากรทุกอย่างของชาติให้ต่างชาติอย่างไม่ยอมหยุดยั้ง โดยไม่มีใครคิดคัดค้านหรือทัดทานประการใด

ตัวอย่างที่ควรจะนำมาพูดถึงไม่ต้องไปเสกสรรอะไรมา เอาแค่การเลือกตั้งอย่างรีบร้อนของรัฐบาลไทยที่ผ่านมา และเรื่องยังไม่จบจนกระทั่งถึงวันนี้ ทุกคนยอมรับว่ามันเป็น เรื่องประหลาดพิสดารที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่มันก็เกิดขึ้นมาจนได้ แต่ที่มันเกิดขึ้นก็เพราะว่าการมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคต่างๆหลายพรรคร่วมกันนั้น ทำให้นักคอร์รัปชัน ของประเทศที่ขนมากินบ้านกินเมืองไม่สามารถจะคุมเสียงผู้แทนได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาอันสมควรที่จะลิดรอนสมาชิกที่ควบคุมจากพรรคอื่นๆ ออกไปเสียให้หมดเพื่อให้มีการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ โดยการซื้อตัวนักการเมืองจากทุกพรรคมาเป็นของตัวเองโดยเด็ดขาด และไม่ให้มีผู้คัดค้านหรือโต้แย้งในการทำมาหากินและการขายชาติทุกประเภทอย่างที่ทำอยู่นั้นจะสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้แต่จะล้มล้างระเบียบประเพณีของประเทศที่ไม่อำนายประโยชน์ให้แก่ตนเองได้ตามที่ต้องการก็สามารถทำได้อย่างที่เรียกกันว่า หวานคอแร้ง หรือแม้แต่จะคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยนำระบบประธานาธิบดีเข้ามาแทนอย่างที่มีข่าวเล่าลือกันอยู่ก็สามารถก็ทำได้ นั่นเป็นเบื้องหลังหรือเป็นจุดประสงค์อยู่เบื้องหลังการยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นมา

แต่เมื่อถึงเวลาที่มีการเลือกตั้งจริงๆ ขึ้นมาก็เกิดเหตุการณ์และเรื่องราวอันยุ่งยากอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก็มีคนรู้มีคนเห็นเจตนาและจุดประสงค์อันแท้จริงที่สามัญชนไม่เคยรู้และไม่อาจจะหยั่งรู้ได้แต่โชคชะตาของแผ่นดินไทยที่จะไม่ให้โอกาสนักปล้นชาติเหล่านั้นพบกับความสวัสดีมีชัยต่อไปอีก ก็มีคนรู้และมีคนพูดไปต่างๆ นานาซึ่งเป็นแผนการปล้นประเทศและทำลายชาติทั้งสิ้น การต่อสู้ขัดขวางในลักษณะของประชาชนคนไทยทั่วประเทศก็เกิดขึ้น ทำให้เกิดความยุ่งยากติดตามมาจนบ้านเมืองปั่นป่วนอยู่ในขณะนี้

ความจริงการเลือกตั้งในเมืองไทยไม่ใช่ของใหม่ แต่ได้เลือกตั้งกันมาเป็นเวลานานมากว่า 70 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องที่จะต้องมาโต้แย้งขัดขวางอ้ายนั่นถูกอ้ายนี่ผิดกันอย่างทุกวันนี้ เพราะการเลือกตั้งเป็นสิบๆ ครั้งที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งในยามที่คนไทยส่วนใหญ่ยังโง่กันอยู่กับระบอบประชาธิปไตย

ตลอดเวลาเกือบจะ100 ปีที่เรามีระบบการเลือกตั้งขึ้นในประเทศ ตั้งแต่คนไทยยังไม่รู้ประสีประสามากนักในการเลือกตั้ง แต่เราก็พยายามจัดให้มีมาเรื่อยๆ นั้น ได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆ ทั้งวิธีการและจุดประสงค์ นั่นคือการทำให้การเลือกตั้งเป็นธุรกิจการค้าทางการเมืองที่รู้กันทั่วไปว่าเป็นเรื่องของการซื้อขายนักการเมืองที่จะพากันเข้ามาปล้นบ้านปล้นเมือง

ที่ฟังกันง่ายๆ หรือเห็นกันง่ายๆ ก็คือคนที่เข้ามาสมัครรับเลือกตั้งนั้นต้องมีเงิน หาเงินได้ไม่ว่าจะเป็นเงินมาจากไหน เอามาจากใครในประเทศใดก็ได้ แล้วก็เอาเงินนั้นไปซื้อเสียงจากประชาชน

การเลือกตั้งในประเทศไทยสมัยที่ประชาธิปไตยเริ่มต้นได้มีการมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการให้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยการรับรองของกฎหมายเลือกตั้งพร้อมทั้งงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีอากรของประชาชนเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ

ก็ทำกันมาเรียบร้อยและไม่มีเสียงโวยวายจากที่ไหน คนไทยก็รับกันได้และรู้จักการเลือกตั้งกันทั่วไป

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป พรรคการเมืองที่มีเงินมากมองเห็นว่าการเลือกตั้งโดยการที่ต่างคนต่างซื้อเสียงวิ่งหาเงินมาซื้อเสียง และออกค่าใช้จ่ายเองนั้นทำให้นักการเมืองส่วนมากจะกำแหงหรือยากต่อการควบคุมให้ปฏิบัติตามที่พรรคต้องการได้ จึงเปลี่ยนแปลงผู้ทำหน้าที่ควบคุมการเลือกตั้งเสียใหม่ที่สามารถจะควบคุมนักการเมืองให้เป็นกลุ่มเป็นก้อนได้ ความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยจึงต้องเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มบุคคลที่ถูกเลือกตั้งเป็นองค์กรอิสระ องค์กรนั้นมีชื่อว่า กกต.หรือคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งต่อมาประชาชนผู้สนใจการเลือกตั้งได้เปลี่ยนชื่อเรียกเพื่อความเหมาะสมว่า “แก๊งกวนตีน” ซึ่งเป็นชื่อที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปจากประชาชนทุกภาค

คณะกรรมการ กกต.หรือ “แก๊งกวนตีน” ที่ว่านี้ มีกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่ตนจะต้องปฏิบัติและรับผิดชอบจัดการดำเนินการเลือกตั้งให้เรียบร้อยซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ได้พยายามทำทุกอย่างไม่ว่าจะโกหกและฉ้อฉลประการใดที่จะให้คนกลุ่มหนึ่งที่ตนมีหน้าที่จะทำให้ได้รับการเลือกตั้งตามความต้องการของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งตนเองได้รับการว่าจ้างและอุปถัมภ์ค้ำชูให้ได้รับตำแหน่งหน้าที่ในกรรมการคณะนี้ด้วยเงินมหาศาล

กกต.เป็นองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง เป็นองค์กรที่มีงบประมาณมากที่สุดใช้จ่ายเงินมากที่สุดว่ากันว่าในการเลือกตั้งคราวนี้มีเงินที่จะต้องใช้จ่าย 2,200 ล้านบาท พร้อมด้วยเงินของพรรคที่จ่ายให้หรือใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลอีก 4,000 ล้านบาทเพื่อไปซื้อหรือไปจ่ายให้ผู้รับจ้างสมัครมาแข่งขันกับผู้สมัครของพรรค ซึ่งรายละเอียดในการคอร์รัปชันที่แก๊งกวนตีนนี้ใช้ไปในการเลือกตั้งที่จะให้พรรคเจ้านายของตนได้ผู้แทนมากที่สุด ตามคำบอกกล่าวของสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับคำร้องเรียนจากผู้คนในเรื่องนี้อย่าง คุณการุณ ใสงาม ส.ว.บุรีรัมย์ ซึ่งมีเอกสารหลักฐานการคอร์รัปชันและการประพฤติมิดีมีร้ายในงานของบ้านเมืองขององค์กรอิสระแห่งนี้จะอ่านหรือเอาไปฟ้องร้องให้คนในองค์กรนี้เข้าคุกเข้าตะรางกันได้อย่างสบายนั้น ว่ากันว่า 10 ปี 20 ปียังไม่หมด

เพราะมันมากเหลือเกิน โดยรัฐบาลและคนของรัฐบาลไม่ว่าระดับไหนจะไม่ยอมสนใจที่จะยอมรับว่ามันเป็นเรื่องการโกงบ้านกินเมืองและการทำลายชาติของเจ้าหน้าที่

ในรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง คุณเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และคุณการุณ ใสงาม ยืนยันว่าเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการคอร์รัปชันเหล่านี้ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพได้รับมอบหมายไว้จากกรรมการคนหนึ่งของ กกต.ก่อนที่จะเสียชีวิตและเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว รอวันฤกษ์งามยามดีมาถึงเท่านั้น จะมีการเปิดเผยกันอย่างสมบูรณ์ หลังจากรัฐบาลปัจจุบันนี้ซึ่งเป็นผู้ค้ำจุนและเป็นนายจ้างของ กกต.โดยตรง “ฉิบหาย” ไปวันหนึ่งวันใด

มีคนคาดหมายกันไว้เช่นนั้น

เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งในเมืองไทยที่ตราบใดยังมีพรรคการเมืองในปัจจุบันนี้มีอำนาจอยู่และมี กกต.ทำหน้าที่รับใช้พรรคการเมืองอยู่จะไม่มีใครไปแตะต้องหรือไปแก้ไขอะไรให้ดีกว่านี้ นอกจากจะสร้างความวิบัติยุ่งยากต่อไปอีก

ไม่แต่เพียงการคอร์รัปชันร้อยแปดแล้ว กกต.ยังสามารถจาบจ้วงพระมหากษัตริย์อย่างที่คนไทยทุกคนคาดไม่ถึงว่าผู้นำใน กกต.จะโอหังบังอาจตีเสมอองค์พระประมุขของประเทศถึงขนาดนั้น นั่นคือคำสัมภาษณ์การตอบโต้ของ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภในกรณีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทักท้วงการจัดให้มีการเลือกตั้งคราวนี้ว่า “...ในเวลานี้ อาจจะไม่ควรจะพูด แต่อย่างเมื่อเช้านี้เอง ได้ยินเขาพูดเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง และโดยเฉพาะเรื่องเลือกตั้งของผู้ที่ได้คะแนน ได้แต้มไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วเขาก็เลือกตั้งอยู่คนเดียวซึ่งมีความสำคัญเพราะว่าไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็เขาคนเดียว ในที่สุดการเลือกตั้งไม่ครบสมบูรณ์ ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับท่านหรือเปล่า แต่ความจริงน่าจะเกี่ยวข้องเหมือนกัน เพราะว่า ถ้าไม่มีจำนวนผู้ที่ได้รับเลือกตั้งพอ ก็กลายเป็นว่าระบอบประชาธิปไตยดำเนินไปไม่ได้ แล้วถ้าดำเนินการไม่ได้ ที่ท่านได้ปฏิญาณไปเมื่อตะกี้นี้ก็เป็นหมัน ถึงบอกว่าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้การปกครองแบบประชาธิปไตยต้องดำเนินการไปได้”

นี่เป็นพระราชดำรัสต่อประธานศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549

ซึ่งผู้อำนวยการ กกต.พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภโต้ออกมาว่า “บอกว่าการเลือกตั้งคนเดียวไม่ประชาธิปไตย แล้วไปเขียนกฎหมายไว้ทำไมละครับในมาตรา 74 ให้สมัครคนเดียวได้ คนเดียวลงเลือกตั้งได้ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ต้องเลือกตั้งใหม่ เขียนไว้ทำไม ผมเขียนหรือใครเขียน ผมเขียนเหรอและบอกว่าลงคนเดียวไม่ประชาธิปไตย นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด น่าเสียดายน่าเสียใจ” (ผู้จัดการรายวัน 4 พฤษภาคม 2549)

ข้อความนี้ จะอ่านยังไงก็ตามมันก็เป็นแสดงออกถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างไม่มีทางเถียงได้

จะจริงหรือเท็จก็ตาม ก็ต้องคอยฟังการตัดสินของศาลว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะการตอบโต้พระราชดำรัสดังกล่าวนี้ เครือข่ายอีสานกู้ชาติและกลุ่มคนรักสงขลาได้ยื่นฟ้องศาลไปแล้วในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

อาจจะช่วยให้เรารู้ว่าแผ่นดินไทยนั้น ศาลหรือ กกต.จะเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุด
กำลังโหลดความคิดเห็น