ศูนย์ข่าวภูเก็ต -อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตแก้ปัญหากิจการอู่ซ่อมรถยนต์ เหล็กดัด สร้างมลพิษ และสร้างความรำคาญให้ชาวบ้าน จับมือ"บริษัท อนุภาษและบุตร"จัดโซนนิ่ง กำหนดพื้นที่ในโซนอุตสาหกรรม 250 ไร่ เป็นเขตอุตสาหกรรมอู่ซ่อมรถ ด้านเอกชนตอบรับ จ้างที่ปรึกษาจัดวางแผนผังการใช้ที่ดินเสร็จภายใน 6 เดือน
นายธงชัย วิชัยดิษฐ์ อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า การให้บริการของสถานประกอบกิจการประเภทอู่ซ่อมรถยนต์ หรือทำประตู-หน้าต่างเหล็กดัด ได้กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นถนนเทพกระษัตรีย์ ถนนเจ้าฟ้า มักจะเกิดปัญหาด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม ก่อเหตุรำคาญเดือดร้อนต่อประชาชนผู้อยู่ข้างเคียง
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการจัดโซนนิ่งอู่ซ่อมรถยนต์ โดยสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม พิจารณาพื้นที่ให้ตั้งอยู่ในเขตที่ผังเมืองกำหนดให้เป็นพื้นที่สีม่วง หรือพื้นที่เพื่ออุตสาหกรรมเฉพาะ เพื่อพัฒนาเป็นเขตประกอบการประเภทบริการ อู่ซ่อมรถยนต์ ซึ่งจะให้ผู้ประกอบการอู่ซ่อมรถยนต์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีความเหมาะสม ที่มีการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาสม่ำเสมอ และสร้างมลภาวะเป็นกลุ่มแรก ที่จะต้องเข้าไปประกอบการในพื้นที่ที่จัดโซนนิ่ง
นายธงชัย กล่าวอีกว่า ในขณะนี้อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต สามารถที่จะคัดเลือกพื้นที่ได้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นพื้นที่ของบริษัท อนุภาษและบุตร จำกัด ที่บริเวณถนนพระเก็ตแก้ว ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 250 ไร่ เป็นพื้นที่สำหรับที่จะย้ายอู่ซ่อมรถยนต์ และผู้ประกอบการทำเหล็กดัด ให้ไปประกอบการในพื้นที่ดังกล่าว โดยขณะนี้บริษัท อนุภาษและบุตร ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาวิเคราะห์วางแผนการใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นโซน สำหรับกิจการประเภทอู่ซ่อมรถยนต์แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาแล้วเสร็จประมาณ 6 เดือน
หลังจากที่ศึกษาการวางผังการใช้ที่ดินแล้วเสร็จ จะให้ผู้ประกอบการอู่ซ่อมรถยนต์ย้ายเข้าไปประกอบการในพื้นที่ดังกล่าว โดยการเช่าเพื่อก่อสร้างเป็นอาคารโรงงาน รวมทั้งอุตสาหกรรมได้หาแหล่งเงินทุนไว้รองรับผู้ประกอบการ ที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว จากธนาคารออมสินและธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ รวมทั้งจะของบประมาณสนับสนุนจากผู้ว่าฯซีอีโอในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าไปประกอบการในโซนที่กำหนดให้ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ให้เหมาะสมกับการเป็นเมืองท่องเที่ยว
"ผู้ประกอบการอู่ซ่อมรถยนต์และเหล็กดัด ที่เข้าข่ายต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมีประมาณ 100 ราย ซึ่งหากผู้ประกอบการดังกล่าวฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่กำหนด อุตสาหกรรมคงต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย คือ การไม่ต่อใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการ ที่ถูกร้องเรียนและสร้างมลพิษให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภูเก็ต"
นายธงชัย วิชัยดิษฐ์ อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า การให้บริการของสถานประกอบกิจการประเภทอู่ซ่อมรถยนต์ หรือทำประตู-หน้าต่างเหล็กดัด ได้กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นถนนเทพกระษัตรีย์ ถนนเจ้าฟ้า มักจะเกิดปัญหาด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม ก่อเหตุรำคาญเดือดร้อนต่อประชาชนผู้อยู่ข้างเคียง
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต ได้ดำเนินการจัดโซนนิ่งอู่ซ่อมรถยนต์ โดยสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสม พิจารณาพื้นที่ให้ตั้งอยู่ในเขตที่ผังเมืองกำหนดให้เป็นพื้นที่สีม่วง หรือพื้นที่เพื่ออุตสาหกรรมเฉพาะ เพื่อพัฒนาเป็นเขตประกอบการประเภทบริการ อู่ซ่อมรถยนต์ ซึ่งจะให้ผู้ประกอบการอู่ซ่อมรถยนต์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีความเหมาะสม ที่มีการร้องเรียนจากประชาชนเข้ามาสม่ำเสมอ และสร้างมลภาวะเป็นกลุ่มแรก ที่จะต้องเข้าไปประกอบการในพื้นที่ที่จัดโซนนิ่ง
นายธงชัย กล่าวอีกว่า ในขณะนี้อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต สามารถที่จะคัดเลือกพื้นที่ได้เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นพื้นที่ของบริษัท อนุภาษและบุตร จำกัด ที่บริเวณถนนพระเก็ตแก้ว ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 250 ไร่ เป็นพื้นที่สำหรับที่จะย้ายอู่ซ่อมรถยนต์ และผู้ประกอบการทำเหล็กดัด ให้ไปประกอบการในพื้นที่ดังกล่าว โดยขณะนี้บริษัท อนุภาษและบุตร ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาวิเคราะห์วางแผนการใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นโซน สำหรับกิจการประเภทอู่ซ่อมรถยนต์แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาแล้วเสร็จประมาณ 6 เดือน
หลังจากที่ศึกษาการวางผังการใช้ที่ดินแล้วเสร็จ จะให้ผู้ประกอบการอู่ซ่อมรถยนต์ย้ายเข้าไปประกอบการในพื้นที่ดังกล่าว โดยการเช่าเพื่อก่อสร้างเป็นอาคารโรงงาน รวมทั้งอุตสาหกรรมได้หาแหล่งเงินทุนไว้รองรับผู้ประกอบการ ที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว จากธนาคารออมสินและธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ รวมทั้งจะของบประมาณสนับสนุนจากผู้ว่าฯซีอีโอในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าไปประกอบการในโซนที่กำหนดให้ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ให้เหมาะสมกับการเป็นเมืองท่องเที่ยว
"ผู้ประกอบการอู่ซ่อมรถยนต์และเหล็กดัด ที่เข้าข่ายต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมีประมาณ 100 ราย ซึ่งหากผู้ประกอบการดังกล่าวฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่กำหนด อุตสาหกรรมคงต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย คือ การไม่ต่อใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการ ที่ถูกร้องเรียนและสร้างมลพิษให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภูเก็ต"