บทความนี้จงใจใช้ชื่อเพื่อเรียกร้องให้คนไทยที่รักแผ่นดินรีบช่วยกันคิด ท้ายชื่อมีเครื่องหมาย ? ไว้ให้เป็นคำถาม เพื่อทุกคนจะได้ตรวจสอบใคร่ครวญเอาเอง ไม่ต้องเชื่อใคร รวมทั้งผม โดยปราศจากหลักฐานและเหตุผล
ผมภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย ถึงผมจะบ่นบ้าไม่พอใจวิบัติกรรมต่างๆ ของบ้านเมือง ผมก็มองโลกในแง่ดีว่าสังคมไทย มีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนใคร คือ
หนึ่ง สังคมไทยนั้นเป็นสังคมแห่งความรัก มิใช่ความเกลียด
สอง เมื่อถึงคราวอับจน ไทยสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยปัญญา
สาม เมื่อถึงเวลา คนไทยพูดกันรู้เรื่อง
หากเป็นเช่นนี้จริง ผมเชื่อว่าเราจะรักษาความเป็นไทยไว้ได้
แต่เดี๋ยวนี้ชักจะไม่จริงเสียแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณและคณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กกต.ทั้ง 4 เป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจภาษาไทย ฟังพระราชดำรัสก็ไม่เข้าใจ ฟังศาลก็ไม่เข้าใจ ซ้ำสวนกลับมาแบบสำราก เช่น เป็นเสือจะกัดคนที่เอาไม้มาแหย่บ้าง กระชากกลับพระราชดำรัสเรื่องพรรคเดียวคนเดียวไม่เป็นประชาธิปไตยว่า ไม่เป็นจะบัญญัติไว้ในกฎหมายทำไม อยากพูดอะไรก็พูด น่าเสียใจ
บุคคลที่ผมพูดถึงข้างต้นนี้กับพรรคพวกลิ่วล้อที่พากันตามแห่ตามเชียร์กำลังพากันทำลายคุณสมบัติของความเป็นไทยทั้ง 3 ข้อ
เวลานี้เรามองเห็นชัดแล้วว่าคนไทยมิได้ช่วยกันแก้ปัญหาด้วยความรักความเข้าใจ สำนึกว่าเราเป็นคนไทยลูกพ่อเดียวกัน ผู้มีอำนาจกลับเป็นผู้ตอกย้ำความแตกแยก ความเป็นเขาเป็นเรา ระหว่างผู้ที่สนับสนุนกับผู้ที่ไม่สนับสนุน จังหวัดที่เลือกกับจังหวัดที่ไม่เลือก คนชั้นกลางในกรุงกับคนชนบท ภาคเหนือกับภาคใต้ ฯลฯ การเรียกร้องความรักให้กับตนโดยยุยงให้เกลียดและทำร้ายคนอื่นนั้นเป็นอาชญากรรมการเมืองที่เลวร้ายยิ่ง
การแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แทนที่จะสำเหนียกว่าคนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว แทนที่จะใช้สติปัญญา พยายามอ่อนน้อม ยอมรับผิด กลับเกรี้ยวกราดโกรธาด่าทอ ยกยอยกหางตนเองว่าเก่งกฎหมาย เข้าใจประชาธิปไตย เข้าใจโลกาภิวัตน์ แม้ศาลวินิจฉัยว่าผิด แม้พระราชกฤษฎีกาถูกคว่ำก็ต้องย้ำว่าศาลต่างหาก ผู้อื่นต่างหากที่โง่ไม่เข้าใจ ตนเองไม่มีอะไรบกพร่อง ไม่ยอมรับผิดชอบลาออก
ผมนึกไม่ถึงว่า ทักษิณ วาสนา ปริญญา จารุภัทร และวีรชัย จะน่าทนได้ถึงเพียงนี้ (โปรดกรุณาอย่าพิมพ์คำว่า "น่า" ผิดหรือทำให้ความหมายแปรไป) ผู้คนและสื่อที่อดรนทนไม่ได้ก็ประโคมโจมตีว่าท่านทั้งเหลี่ยมทั้งหนา ทั้งหน้าด้านหน้ามึน ฟังแล้วผมหดหู่ใจยิ่งหนักเข้าไปอีกเมื่อเกิดการเผชิญหน้าและท้าทายกันด้วยกำลังระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล ผมรู้สึกว่ารัศมีอำมหิตของความเกลียดชังกำลังแผ่คลุมบรรยากาศของประเทศไทย
ผมหลับตาเห็นภาพจลาจลกลางถนนในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ แล้วไม่สบายใจ ภาวนาขออย่าให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในบ้านเราเลย เดี๋ยวมันจะกลายเป็นวิถีชีวิตของสังคมใหม่ไปอีกนาน
พฤติกรรมของทักษิณและพลเอกวาสนากับพวกที่ออกมาในทำนองเดียวกัน เป็นสิ่งที่น่าศึกษาว่าเป็นเช่นนี้ได้เพราะอะไร เพราะภูมิหลังทางการศึกษาและอาชีพ หรือว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน เหมือนขบวนการค้ายาเสพติดซึ่งเข้าไปแล้วไม่มีวันจะปลีกตัวได้ นอกจากจะยอมเสี่ยงชีวิตเพราะเขาจะปิดปาก
แต่ที่น่ากลัวที่สุด ถ้าหากความเหนียวแน่นระหว่างทักษิณกับ กกต.เป็นเพราะความเป็นเอกภาพและมีอุดมการณ์ใหม่ทางการเมืองร่วมกัน
ผมไม่มีคำตอบ และไม่มีเวลาศึกษาเรื่องนี้ให้ลึกซึ้ง แต่หวังว่าสังคมไทยคงมีต้นทุนทางปัญญาพอที่จะศึกษาหาความจริงได้
คำถามต่อไปที่สำคัญยิ่งก็คือ ถ้าเช่นนั้น การกระทำทั้งหมดและบุคคลคณะดังกล่าวนี้ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ฟินแลนด์หรือ แผนเปลี่ยนการปกครองไทยหรือไม่
สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมถูกพาดพิงถึงปฏิญญาหรือยุทธศาสตร์ฟินแลนด์หลายหน โดยผมมิได้รู้เห็นด้วย บังเอิญคำนูญ สิทธิสมาน เขียนถึงปฏิญญาฟินแลนด์ ในขณะที่ผมเขียนถึงยุทธศาสตร์ทักษิณ ในผู้จัดการฉบับเดียวกัน มีเนื้อหาหลักๆที่สอดคล้องคล้ายคลึงราวกับนัดกันมาเขียน
ผมเป็นคนรักความจริงและความยุติธรรม ผมจะไม่มีวันกล่าวหาใครโดยปราศจากหลักฐานตรวจสอบแล้วจนสิ้นสงสัย กับทั้งผมสนใจการกระทำมากกว่าสนใจตัวบุคคล
ผมต้องสารภาพว่า ผมไม่ทราบว่าปฏิญญาฟินแลนด์หรือยุทธศาสตร์ฟินแลนด์นี้มีอยู่จริงหรือไม่ มีใครบ้างช่วยกันสร้างขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อใด มีสาระสำคัญว่าอย่างไร ผมเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันนี้จากคณาจารย์หลายท่านที่มาเยี่ยม ผมเห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจติดตามศึกษาให้รู้ความจริง เพราะถ้าเป็นความจริง เราจะอยู่นิ่งไม่ได้ ถ้ารู้ว่ามีกลุ่มบุคคลจงใจสมคบกันจะทำลายระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อย่างไร
ผมยังไม่กล้าพูดถึงยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ แต่ผมกล้าพูดว่าผมรู้จักประเทศฟินแลนด์และประเทศสวีเดนดี รู้จักความเคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการต่างด้าวในสองประเทศเพื่อนบ้านนี้ดี เพราะครั้งหนึ่งผมเคยไปร่วมขบวนการต่อต้านสงครามอเมริกันในเวียดนามที่นั่น
ผมกล้าพูดว่าที่สวีเดนมีบุคคลที่ต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ออกเว็บไซต์โจมตีพระเจ้าอยู่หัวและราชวงศ์ ผมกล้าพูดเพราะผมเห็นสำเนาพิมพ์มาจากเว็บไซต์นั้นเล่มเบ้อเริ่ม
ผมกล้าพูดเพราะผมเห็นภาพถ่ายแหล่งผลิตและบริเวณใกล้เคียง ผมกล้าพูดเพราะผมเห็นเอกสารธนาคาร ผมกล้าพูดเพราะเห็นชื่อบุคคลที่ส่งเงินว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับพรรคไทยลักไทย ผมกล้าพูดว่านายกรัฐมนตรี ตำรวจ และรัฐบาลย่อหย่อนไม่ติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง เอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
ผมไม่กล้าพูดว่าเว็บมนุษยะดอทคอมนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ฟินแลนด์โดยเหตุผลที่กล่าวข้างต้น
มันเป็นความบังเอิญที่เหนือบังเอิญ ที่องค์ประกอบหลักของยุทธศาสตร์ฟินแลนด์มาพ้องกับยุทธศาสตร์ทักษิณของผมเข้าทั้ง 5 ข้อ ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์จะมีจริงหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ระบบพฤติกรรมทั้ง 5 ข้อที่ผมเรียกว่ายุทธศาสตร์ทักษิณมีจริงหรือไม่ ผมไปได้ 5 ข้อนี้มาจากที่ไหน อย่างไร
ขอเรียนสั้นๆว่า ผมได้ศึกษาพฤติกรรมของรัฐบาลทักษิณมาแต่เริ่มต้น ได้วิเคราะห์การกระทำนั้นๆ ด้วยตนเอง ได้อ่านบทความและฟังความหลายๆ ฝ่าย ทั้งที่โปรและแอนตี้ทักษิณ เกิดความรู้สึกว่า เราปล่อยให้ 5 ปีผ่านไปเฉยๆ ได้อย่างไร ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ Ideology หรืออุดมการณ์การเมืองใหม่ ก็น่ากลัวมาก ถ้าเป็นเรื่องวิวัฒนาการที่มันค่อยๆ เกิดขึ้นเอง แบบมันเป็นเช่นนั้นเอง ก็ค่อยยังชั่ว ที่อ้างว่าเรารู้ทันทักษิณ เรามองเห็นมหันตภัยที่จะเกิดขึ้นต่อสถาบันและระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ
ผมคิดว่าจำเป็นที่ผมจะต้องตอกย้ำเรื่องยุทธศาสตร์ทักษิณทั้ง 5 ข้ออีกครั้ง โดยอธิบายแต่ละข้อให้ละเอียดขึ้น เพราะเป็นเรื่องสำคัญเกินกว่าที่จะให้ผ่านไปเหมือนลมโชย ขอย้ำอยากหนักแน่นว่า ผลงานหรือการกระทำหรือความเป็นไปของการเมืองไทยที่ผมมาเรียกชื่อเอาทีหลังว่ายุทธศาสตร์ทักษิณและระบอบทักษิณได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นขั้นเป็นตอน เป็นจริงเป็นจัง เป็นรูปเป็นร่าง หากดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะครบสมบูรณ์ในตอนที่เราจะไมมีพระมหากษัตริย์และประชาธิปไตยแบบที่เราต้องการอีกต่อไป
ในสัปดาห์ที่แล้วผมได้กล่าวถึงลักษณะโดยสังเขปของยุทธศาสตร์ทักษิณไว้ดังนี้
"ยุทธศาสตร์ทักษิณ - จะมีชื่อว่าอะไรก็ตามแต่-ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยกลุ่มคนที่มีสมองเยี่ยมในแผ่นดิน มีประสบการณ์โชกโชนทั้งในเมือง ในป่า และในมหานครของโลก มีเป้าหมายหลักอยู่ 5 ประการ (1) สร้างระบบการเมืองเป็นระบบพรรคเดียว (2) ทำลายความเข้มแข็งแบบเก่าของระบบราชการ โดยทำให้ระบบราชการต้องรับใช้ระบบการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข (3) แปลงสินทรัพย์ของรัฐให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี (4) ทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นแต่เพียงสัญลักษณ์ให้มากที่สุด...และ (5) สร้างระบบพรรคแบบรวมศูนย์การนำสูงสุด เป็นพรรคของกรรมการ แบบ cadre party แต่แฝงอยู่ในเสื้อคลุมหรือเปลือกนอก (ที่หลอกลวง) ว่าเป็นพรรคมวลชน...."
ขอให้ท่านผู้อ่านพยายามนึกย้อนกลับไปดูผลงานของพรรคไทยรักไทยตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เฉพาะในข้อที่ 1 กับข้อที่ 5 ก่อน ดังนี้
(1) การสร้างพรรคมวลชนจำลอง โดยวิธีการตลาดแบบเข้าถึงตัวโดยตัวบุคคลที่อยู่ในกลไกการปกครองส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ตามด้วยการส่งบัตรสมาชิกพรรคพร้อมเสื้อยืดหรือบางกรณีแจ็กเกตถึงหัวหน้าครอบครัวในชนบททางไปรษณีย์ด้วยวิธีการตลาดที่มีประสิทธิภาพ สร้างความประทับใจอย่างที่ไม่เคยมีในชีวิต ผลก็คือมีสมาชิกซื้อตรงในเบื้องแรกเกือบ 12 ล้านคน ติดตามด้วยมาตรการประชานิยม เพิ่มจำนวนอีกมหาศาล
(2) การซื้อ ส.ส.และผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคอื่น การลงทุนจ่ายเงินสู้เลือกตั้งให้พรรคอื่น การรวมพรรค ซื้อพรรค ควบ และยึดพรรค และการพิชิตเลือกตั้งแบบเสร็จ เป้าหมายสูงสุดของการเป็นพรรคเดียวกำลังจะสัมฤทธิผลในการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 นี้ หากไม่ถูกยับยั้งเสียก่อน โดยพระราชดำรัส 25 เมษายน และศาล ขณะนี้กำลังหาหายุทธวิธีออกมาตอบโต้
(3) การสร้างทีม และส่งคนเข้าควบคุมจุด "ลมปราณ ขององค์กรอำนาจรัฐ เช่น กกต. ปปง. สลากกินแบ่ง ศาลรัฐธรรมนูญและอื่นๆ โดยเฉพาะทีมตำรวจที่รู้ใจรู้สันดาน การเพิ่มยศ เพิ่มลาภและจับวางกันไว้ในตำแหน่งสูงสุด ยกกรณีส่งตำรวจเข้าคุม กกต.เป็นตัวอย่าง พล.ต.อ.วาสนา คือใคร ในสมัยสังกัดกระทรวงมหาดไทยอย่างมากวาสนาก็เป็นแค่พ.ต.อ.ซึ่งด้อยอาวุโส และอยู่ใต้บังคับบัญชาของคนชื่อปริญญาและวีระชัย ที่เป็นผู้ว่า อธิบดีและรองปลัดกระทรวงมาโชกโชน วาสนาไม่ได้ยศเพราะเป็นนายตำรวจที่ดีเด่น แต่ได้มาเพราะเป็นเด็กการสร้าง นอกวงการตำรวจจนกระทั่งได้เป็นพล.ต.อ. ควรไปศึกษาประวัติดู ทักษิณเป็นนายกฯ ที่ขอยศพล.ต.อ.และเลื่อนยศให้ตำรวจนอกกรมมากที่สุด จนกระทั่งภายหลังในหลวงไม่ทรงโปรดลงพระปรมาภิไธย ตำรวจเหล่านี้ล้วนแต่เอามาคุมอำนาจ การเงินและการเมืองทั้งสิ้น เลขาธิการ กกต. แค่พล.ต.ต. อยู่ต่างจังหวัดก็ต้องเป็นลูกน้องผู้ว่าฯ แต่กลับมาเป็นนายผู้ว่าฯ อาวุโสรองปลัดกระทรวงที่อยากมาเป็นรองเลขาธิการ
การเพิ่มยศนั้นโจ่งแจ้งกว่าเพิ่มลาภ แต่การเพิ่มลาภแนบเนียนและซาบซึ้งกว่า เพราะสามารถทำให้คนที่ไม่เคยมี สามารถมีบ้านตีกอล์ฟในต่างประเทศ มีทุนให้ลูกไปเรียนเมืองนอก มีเงินให้บินไปพักผ่อนดูงานจากงบกองสลากและอื่นๆ มากมาย คนที่รับราชการสุจริตจะมีทางหรือ สิ่งเหล่านี้ในประเทศประชาธิปไตยจะต้องพากันติดคุกหัวโตทั้งคนให้คนรับ แต่ในเมืองไทยกลับมีพรรคกตัญญูรู้คุณหมอบลาภคาบแก้ว แม้จะยกชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาอ้อนวอนถึง 2-3 ครั้งก็แกะไม่ออก เพราะบุญคุญท่วมหัว
(4) เหตุในข้อ 3 จึงมีการขันน็อต-คลายเกลียวการปฏิบัติงานใน กกต.ให้สมประโยชน์พรรคเดียว ไม่ว่าจะเป็นการประชุมโดยไม่ต้องประชุม การออกกฎและระเบียบโดยลืมลงราชกิจจานุเบกษาการออกใบเหลืองใบแดงเปลี่ยนไปมาโดยยังมิได้มีการลงนาม ฯลฯ ยังมีอีกเหลือคณานับจนถูกเปิดโปงและฟ้องนับไม่ถ้วน เดี๋ยวนี้โจษจันกันอยู่ว่า กกต.ไม่กล้าออกเพราะกลัวถูกเช็กบิล บางเสียงก็บอกไมใช่ ไม่กล้าออกเพราะมีคนสั่ง ขืนออกศาลฎีกาตั้งคนกลางจริงๆ พรรคใหญ่จะต้องถูกยุบแน่
(5) ผลสืบเนื่องจากข้อ 4 ก็คือการกำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน มีวาระซ่อนเร้น เพราะก่อนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเพียง 17 วัน จะได้ใช้การตลาดแบบซื้อเหล้าแถมเบียร์ ให้ผู้แทนอุ้มวุฒิเข้าสภาเพื่อทั้งสองสภาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ต่อไปการตรวจสอบแต่งตั้งอะไรท่านหัวหน้าพรรคก็คุมได้ นี่หรือจะมิใช่ระบบพรรคเดียวในความเป็นจริง
(6)การปฏิบัติงานใน ครม. ในสภาผู้แทนราษฎร เสนาะ วิจารณ์ว่าติดคุกขอ นั่นยังน้อยไป ผมเคยสรุปแล้วว่านี่ไม่ใช่พรรคมันเหมือนอั้งยี่ ที่เรียกว่าพรรค เป็นพรรครวมศูนย์ รวบอำนาจ เป็นทาสหัวหน้า
ผมยังเขียนได้อีกหลายสิบหน้า แต่จำต้องจบ ขอให้ท่านผู้อ่านกลับไปอ่านพระราชดำรัสหลายๆ เที่ยว ขอให้พวกเราติดตามให้กำลังใจศาล ศาลจะต้องกู้ชาติตามที่ในหลวงทรงขอ แล้วพวกเราเล่า จะพากันอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ กกต.เป็นเครื่องมือยุทธศาสตร์ทักษิณทำลายระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต่อไปง่ายๆ กระนั้นหรือ
ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์: แผนเปลี่ยนการปกครองไทย? (2)
ผมภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทย ถึงผมจะบ่นบ้าไม่พอใจวิบัติกรรมต่างๆ ของบ้านเมือง ผมก็มองโลกในแง่ดีว่าสังคมไทย มีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนใคร คือ
หนึ่ง สังคมไทยนั้นเป็นสังคมแห่งความรัก มิใช่ความเกลียด
สอง เมื่อถึงคราวอับจน ไทยสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยปัญญา
สาม เมื่อถึงเวลา คนไทยพูดกันรู้เรื่อง
หากเป็นเช่นนี้จริง ผมเชื่อว่าเราจะรักษาความเป็นไทยไว้ได้
แต่เดี๋ยวนี้ชักจะไม่จริงเสียแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณและคณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กกต.ทั้ง 4 เป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจภาษาไทย ฟังพระราชดำรัสก็ไม่เข้าใจ ฟังศาลก็ไม่เข้าใจ ซ้ำสวนกลับมาแบบสำราก เช่น เป็นเสือจะกัดคนที่เอาไม้มาแหย่บ้าง กระชากกลับพระราชดำรัสเรื่องพรรคเดียวคนเดียวไม่เป็นประชาธิปไตยว่า ไม่เป็นจะบัญญัติไว้ในกฎหมายทำไม อยากพูดอะไรก็พูด น่าเสียใจ
บุคคลที่ผมพูดถึงข้างต้นนี้กับพรรคพวกลิ่วล้อที่พากันตามแห่ตามเชียร์กำลังพากันทำลายคุณสมบัติของความเป็นไทยทั้ง 3 ข้อ
เวลานี้เรามองเห็นชัดแล้วว่าคนไทยมิได้ช่วยกันแก้ปัญหาด้วยความรักความเข้าใจ สำนึกว่าเราเป็นคนไทยลูกพ่อเดียวกัน ผู้มีอำนาจกลับเป็นผู้ตอกย้ำความแตกแยก ความเป็นเขาเป็นเรา ระหว่างผู้ที่สนับสนุนกับผู้ที่ไม่สนับสนุน จังหวัดที่เลือกกับจังหวัดที่ไม่เลือก คนชั้นกลางในกรุงกับคนชนบท ภาคเหนือกับภาคใต้ ฯลฯ การเรียกร้องความรักให้กับตนโดยยุยงให้เกลียดและทำร้ายคนอื่นนั้นเป็นอาชญากรรมการเมืองที่เลวร้ายยิ่ง
การแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แทนที่จะสำเหนียกว่าคนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว แทนที่จะใช้สติปัญญา พยายามอ่อนน้อม ยอมรับผิด กลับเกรี้ยวกราดโกรธาด่าทอ ยกยอยกหางตนเองว่าเก่งกฎหมาย เข้าใจประชาธิปไตย เข้าใจโลกาภิวัตน์ แม้ศาลวินิจฉัยว่าผิด แม้พระราชกฤษฎีกาถูกคว่ำก็ต้องย้ำว่าศาลต่างหาก ผู้อื่นต่างหากที่โง่ไม่เข้าใจ ตนเองไม่มีอะไรบกพร่อง ไม่ยอมรับผิดชอบลาออก
ผมนึกไม่ถึงว่า ทักษิณ วาสนา ปริญญา จารุภัทร และวีรชัย จะน่าทนได้ถึงเพียงนี้ (โปรดกรุณาอย่าพิมพ์คำว่า "น่า" ผิดหรือทำให้ความหมายแปรไป) ผู้คนและสื่อที่อดรนทนไม่ได้ก็ประโคมโจมตีว่าท่านทั้งเหลี่ยมทั้งหนา ทั้งหน้าด้านหน้ามึน ฟังแล้วผมหดหู่ใจยิ่งหนักเข้าไปอีกเมื่อเกิดการเผชิญหน้าและท้าทายกันด้วยกำลังระหว่างฝ่ายที่เห็นด้วยกับฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล ผมรู้สึกว่ารัศมีอำมหิตของความเกลียดชังกำลังแผ่คลุมบรรยากาศของประเทศไทย
ผมหลับตาเห็นภาพจลาจลกลางถนนในทวีปแอฟริกาและอเมริกาใต้ แล้วไม่สบายใจ ภาวนาขออย่าให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในบ้านเราเลย เดี๋ยวมันจะกลายเป็นวิถีชีวิตของสังคมใหม่ไปอีกนาน
พฤติกรรมของทักษิณและพลเอกวาสนากับพวกที่ออกมาในทำนองเดียวกัน เป็นสิ่งที่น่าศึกษาว่าเป็นเช่นนี้ได้เพราะอะไร เพราะภูมิหลังทางการศึกษาและอาชีพ หรือว่าผลประโยชน์ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน เหมือนขบวนการค้ายาเสพติดซึ่งเข้าไปแล้วไม่มีวันจะปลีกตัวได้ นอกจากจะยอมเสี่ยงชีวิตเพราะเขาจะปิดปาก
แต่ที่น่ากลัวที่สุด ถ้าหากความเหนียวแน่นระหว่างทักษิณกับ กกต.เป็นเพราะความเป็นเอกภาพและมีอุดมการณ์ใหม่ทางการเมืองร่วมกัน
ผมไม่มีคำตอบ และไม่มีเวลาศึกษาเรื่องนี้ให้ลึกซึ้ง แต่หวังว่าสังคมไทยคงมีต้นทุนทางปัญญาพอที่จะศึกษาหาความจริงได้
คำถามต่อไปที่สำคัญยิ่งก็คือ ถ้าเช่นนั้น การกระทำทั้งหมดและบุคคลคณะดังกล่าวนี้ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ฟินแลนด์หรือ แผนเปลี่ยนการปกครองไทยหรือไม่
สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมถูกพาดพิงถึงปฏิญญาหรือยุทธศาสตร์ฟินแลนด์หลายหน โดยผมมิได้รู้เห็นด้วย บังเอิญคำนูญ สิทธิสมาน เขียนถึงปฏิญญาฟินแลนด์ ในขณะที่ผมเขียนถึงยุทธศาสตร์ทักษิณ ในผู้จัดการฉบับเดียวกัน มีเนื้อหาหลักๆที่สอดคล้องคล้ายคลึงราวกับนัดกันมาเขียน
ผมเป็นคนรักความจริงและความยุติธรรม ผมจะไม่มีวันกล่าวหาใครโดยปราศจากหลักฐานตรวจสอบแล้วจนสิ้นสงสัย กับทั้งผมสนใจการกระทำมากกว่าสนใจตัวบุคคล
ผมต้องสารภาพว่า ผมไม่ทราบว่าปฏิญญาฟินแลนด์หรือยุทธศาสตร์ฟินแลนด์นี้มีอยู่จริงหรือไม่ มีใครบ้างช่วยกันสร้างขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อใด มีสาระสำคัญว่าอย่างไร ผมเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันนี้จากคณาจารย์หลายท่านที่มาเยี่ยม ผมเห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจติดตามศึกษาให้รู้ความจริง เพราะถ้าเป็นความจริง เราจะอยู่นิ่งไม่ได้ ถ้ารู้ว่ามีกลุ่มบุคคลจงใจสมคบกันจะทำลายระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เราจะทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้อย่างไร
ผมยังไม่กล้าพูดถึงยุทธศาสตร์ฟินแลนด์ แต่ผมกล้าพูดว่าผมรู้จักประเทศฟินแลนด์และประเทศสวีเดนดี รู้จักความเคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการต่างด้าวในสองประเทศเพื่อนบ้านนี้ดี เพราะครั้งหนึ่งผมเคยไปร่วมขบวนการต่อต้านสงครามอเมริกันในเวียดนามที่นั่น
ผมกล้าพูดว่าที่สวีเดนมีบุคคลที่ต้องการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ออกเว็บไซต์โจมตีพระเจ้าอยู่หัวและราชวงศ์ ผมกล้าพูดเพราะผมเห็นสำเนาพิมพ์มาจากเว็บไซต์นั้นเล่มเบ้อเริ่ม
ผมกล้าพูดเพราะผมเห็นภาพถ่ายแหล่งผลิตและบริเวณใกล้เคียง ผมกล้าพูดเพราะผมเห็นเอกสารธนาคาร ผมกล้าพูดเพราะเห็นชื่อบุคคลที่ส่งเงินว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับพรรคไทยลักไทย ผมกล้าพูดว่านายกรัฐมนตรี ตำรวจ และรัฐบาลย่อหย่อนไม่ติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง เอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้
ผมไม่กล้าพูดว่าเว็บมนุษยะดอทคอมนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ฟินแลนด์โดยเหตุผลที่กล่าวข้างต้น
มันเป็นความบังเอิญที่เหนือบังเอิญ ที่องค์ประกอบหลักของยุทธศาสตร์ฟินแลนด์มาพ้องกับยุทธศาสตร์ทักษิณของผมเข้าทั้ง 5 ข้อ ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์จะมีจริงหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ระบบพฤติกรรมทั้ง 5 ข้อที่ผมเรียกว่ายุทธศาสตร์ทักษิณมีจริงหรือไม่ ผมไปได้ 5 ข้อนี้มาจากที่ไหน อย่างไร
ขอเรียนสั้นๆว่า ผมได้ศึกษาพฤติกรรมของรัฐบาลทักษิณมาแต่เริ่มต้น ได้วิเคราะห์การกระทำนั้นๆ ด้วยตนเอง ได้อ่านบทความและฟังความหลายๆ ฝ่าย ทั้งที่โปรและแอนตี้ทักษิณ เกิดความรู้สึกว่า เราปล่อยให้ 5 ปีผ่านไปเฉยๆ ได้อย่างไร ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ Ideology หรืออุดมการณ์การเมืองใหม่ ก็น่ากลัวมาก ถ้าเป็นเรื่องวิวัฒนาการที่มันค่อยๆ เกิดขึ้นเอง แบบมันเป็นเช่นนั้นเอง ก็ค่อยยังชั่ว ที่อ้างว่าเรารู้ทันทักษิณ เรามองเห็นมหันตภัยที่จะเกิดขึ้นต่อสถาบันและระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ
ผมคิดว่าจำเป็นที่ผมจะต้องตอกย้ำเรื่องยุทธศาสตร์ทักษิณทั้ง 5 ข้ออีกครั้ง โดยอธิบายแต่ละข้อให้ละเอียดขึ้น เพราะเป็นเรื่องสำคัญเกินกว่าที่จะให้ผ่านไปเหมือนลมโชย ขอย้ำอยากหนักแน่นว่า ผลงานหรือการกระทำหรือความเป็นไปของการเมืองไทยที่ผมมาเรียกชื่อเอาทีหลังว่ายุทธศาสตร์ทักษิณและระบอบทักษิณได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นขั้นเป็นตอน เป็นจริงเป็นจัง เป็นรูปเป็นร่าง หากดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ก็จะครบสมบูรณ์ในตอนที่เราจะไมมีพระมหากษัตริย์และประชาธิปไตยแบบที่เราต้องการอีกต่อไป
ในสัปดาห์ที่แล้วผมได้กล่าวถึงลักษณะโดยสังเขปของยุทธศาสตร์ทักษิณไว้ดังนี้
"ยุทธศาสตร์ทักษิณ - จะมีชื่อว่าอะไรก็ตามแต่-ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยกลุ่มคนที่มีสมองเยี่ยมในแผ่นดิน มีประสบการณ์โชกโชนทั้งในเมือง ในป่า และในมหานครของโลก มีเป้าหมายหลักอยู่ 5 ประการ (1) สร้างระบบการเมืองเป็นระบบพรรคเดียว (2) ทำลายความเข้มแข็งแบบเก่าของระบบราชการ โดยทำให้ระบบราชการต้องรับใช้ระบบการเมืองโดยไม่มีเงื่อนไข (3) แปลงสินทรัพย์ของรัฐให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี (4) ทำให้สถาบันกษัตริย์เป็นแต่เพียงสัญลักษณ์ให้มากที่สุด...และ (5) สร้างระบบพรรคแบบรวมศูนย์การนำสูงสุด เป็นพรรคของกรรมการ แบบ cadre party แต่แฝงอยู่ในเสื้อคลุมหรือเปลือกนอก (ที่หลอกลวง) ว่าเป็นพรรคมวลชน...."
ขอให้ท่านผู้อ่านพยายามนึกย้อนกลับไปดูผลงานของพรรคไทยรักไทยตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เฉพาะในข้อที่ 1 กับข้อที่ 5 ก่อน ดังนี้
(1) การสร้างพรรคมวลชนจำลอง โดยวิธีการตลาดแบบเข้าถึงตัวโดยตัวบุคคลที่อยู่ในกลไกการปกครองส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ตามด้วยการส่งบัตรสมาชิกพรรคพร้อมเสื้อยืดหรือบางกรณีแจ็กเกตถึงหัวหน้าครอบครัวในชนบททางไปรษณีย์ด้วยวิธีการตลาดที่มีประสิทธิภาพ สร้างความประทับใจอย่างที่ไม่เคยมีในชีวิต ผลก็คือมีสมาชิกซื้อตรงในเบื้องแรกเกือบ 12 ล้านคน ติดตามด้วยมาตรการประชานิยม เพิ่มจำนวนอีกมหาศาล
(2) การซื้อ ส.ส.และผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคอื่น การลงทุนจ่ายเงินสู้เลือกตั้งให้พรรคอื่น การรวมพรรค ซื้อพรรค ควบ และยึดพรรค และการพิชิตเลือกตั้งแบบเสร็จ เป้าหมายสูงสุดของการเป็นพรรคเดียวกำลังจะสัมฤทธิผลในการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 นี้ หากไม่ถูกยับยั้งเสียก่อน โดยพระราชดำรัส 25 เมษายน และศาล ขณะนี้กำลังหาหายุทธวิธีออกมาตอบโต้
(3) การสร้างทีม และส่งคนเข้าควบคุมจุด "ลมปราณ ขององค์กรอำนาจรัฐ เช่น กกต. ปปง. สลากกินแบ่ง ศาลรัฐธรรมนูญและอื่นๆ โดยเฉพาะทีมตำรวจที่รู้ใจรู้สันดาน การเพิ่มยศ เพิ่มลาภและจับวางกันไว้ในตำแหน่งสูงสุด ยกกรณีส่งตำรวจเข้าคุม กกต.เป็นตัวอย่าง พล.ต.อ.วาสนา คือใคร ในสมัยสังกัดกระทรวงมหาดไทยอย่างมากวาสนาก็เป็นแค่พ.ต.อ.ซึ่งด้อยอาวุโส และอยู่ใต้บังคับบัญชาของคนชื่อปริญญาและวีระชัย ที่เป็นผู้ว่า อธิบดีและรองปลัดกระทรวงมาโชกโชน วาสนาไม่ได้ยศเพราะเป็นนายตำรวจที่ดีเด่น แต่ได้มาเพราะเป็นเด็กการสร้าง นอกวงการตำรวจจนกระทั่งได้เป็นพล.ต.อ. ควรไปศึกษาประวัติดู ทักษิณเป็นนายกฯ ที่ขอยศพล.ต.อ.และเลื่อนยศให้ตำรวจนอกกรมมากที่สุด จนกระทั่งภายหลังในหลวงไม่ทรงโปรดลงพระปรมาภิไธย ตำรวจเหล่านี้ล้วนแต่เอามาคุมอำนาจ การเงินและการเมืองทั้งสิ้น เลขาธิการ กกต. แค่พล.ต.ต. อยู่ต่างจังหวัดก็ต้องเป็นลูกน้องผู้ว่าฯ แต่กลับมาเป็นนายผู้ว่าฯ อาวุโสรองปลัดกระทรวงที่อยากมาเป็นรองเลขาธิการ
การเพิ่มยศนั้นโจ่งแจ้งกว่าเพิ่มลาภ แต่การเพิ่มลาภแนบเนียนและซาบซึ้งกว่า เพราะสามารถทำให้คนที่ไม่เคยมี สามารถมีบ้านตีกอล์ฟในต่างประเทศ มีทุนให้ลูกไปเรียนเมืองนอก มีเงินให้บินไปพักผ่อนดูงานจากงบกองสลากและอื่นๆ มากมาย คนที่รับราชการสุจริตจะมีทางหรือ สิ่งเหล่านี้ในประเทศประชาธิปไตยจะต้องพากันติดคุกหัวโตทั้งคนให้คนรับ แต่ในเมืองไทยกลับมีพรรคกตัญญูรู้คุณหมอบลาภคาบแก้ว แม้จะยกชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาอ้อนวอนถึง 2-3 ครั้งก็แกะไม่ออก เพราะบุญคุญท่วมหัว
(4) เหตุในข้อ 3 จึงมีการขันน็อต-คลายเกลียวการปฏิบัติงานใน กกต.ให้สมประโยชน์พรรคเดียว ไม่ว่าจะเป็นการประชุมโดยไม่ต้องประชุม การออกกฎและระเบียบโดยลืมลงราชกิจจานุเบกษาการออกใบเหลืองใบแดงเปลี่ยนไปมาโดยยังมิได้มีการลงนาม ฯลฯ ยังมีอีกเหลือคณานับจนถูกเปิดโปงและฟ้องนับไม่ถ้วน เดี๋ยวนี้โจษจันกันอยู่ว่า กกต.ไม่กล้าออกเพราะกลัวถูกเช็กบิล บางเสียงก็บอกไมใช่ ไม่กล้าออกเพราะมีคนสั่ง ขืนออกศาลฎีกาตั้งคนกลางจริงๆ พรรคใหญ่จะต้องถูกยุบแน่
(5) ผลสืบเนื่องจากข้อ 4 ก็คือการกำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน มีวาระซ่อนเร้น เพราะก่อนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาเพียง 17 วัน จะได้ใช้การตลาดแบบซื้อเหล้าแถมเบียร์ ให้ผู้แทนอุ้มวุฒิเข้าสภาเพื่อทั้งสองสภาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ต่อไปการตรวจสอบแต่งตั้งอะไรท่านหัวหน้าพรรคก็คุมได้ นี่หรือจะมิใช่ระบบพรรคเดียวในความเป็นจริง
(6)การปฏิบัติงานใน ครม. ในสภาผู้แทนราษฎร เสนาะ วิจารณ์ว่าติดคุกขอ นั่นยังน้อยไป ผมเคยสรุปแล้วว่านี่ไม่ใช่พรรคมันเหมือนอั้งยี่ ที่เรียกว่าพรรค เป็นพรรครวมศูนย์ รวบอำนาจ เป็นทาสหัวหน้า
ผมยังเขียนได้อีกหลายสิบหน้า แต่จำต้องจบ ขอให้ท่านผู้อ่านกลับไปอ่านพระราชดำรัสหลายๆ เที่ยว ขอให้พวกเราติดตามให้กำลังใจศาล ศาลจะต้องกู้ชาติตามที่ในหลวงทรงขอ แล้วพวกเราเล่า จะพากันอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ กกต.เป็นเครื่องมือยุทธศาสตร์ทักษิณทำลายระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต่อไปง่ายๆ กระนั้นหรือ
ยุทธศาสตร์ฟินแลนด์: แผนเปลี่ยนการปกครองไทย? (2)