ผู้จัดการรายวัน - "ฮาริสัน" ระบุตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตฟื้นไข้ ขณะที่ชาวรัสเซีย-กลุ่มประเทศตะวันออกลาง เตรียมหอบเงินซื้อที่อยู่อาศัยในภูเก็ต ฮาริสันสบโอกาสดึงที่ดินภูเก็ต, กระบี่ มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาทออกประมูล มั่นใจนักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติให้ความสนใจ ชี้อนาคตคอนโดฯมาแรง โดยเฉพาะตลาดระดับกลางราคา 40,000-50,000 บาท/ตร.ม. เชื่อตลาดยังมีแนวโน้มเติบโตสูง หลังรัฐบาลสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจและการท่องเที่ยว ขณะที่ลูกค้าชาวรัสเซียเตรียมหอบเงินซื้อที่อยู่อาศัยในภูเก็ต
นายชนะ นันทจันทูล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่ชายฝั่งทะเลในภาคใต้ทั้งในส่วนของจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ เริ่มกลับมาได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยว และนักลงทุนอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิในช่วงที่ผ่านมา โดยพบว่าโครงการอสังหาฯในเขตภูเก็ตรวมไปถึงกระบี่ ยังได้รับความนิยมจากนักลงทุน แม้ว่าจะเกิดปัญหาสึนามิ ที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว แต่ไม่ได้กระทบต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะชาวต่างชาติยังให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการขนาดเล็ก เช่น วิลล่า, ที่พักอาศัยและโรงแรม ขนาด 10-20 ไร่ มูลค่าโครงการตั้งแต่ 200 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งชาวต่างชาติมีสัดส่วนลงทุนถึง 40 %ส่วนโครงการขนานใหญ่มีอยู่บ้างแต่กไม่มาก
โดยลูกค้าชาวต่างประเทศที่กำลังจะเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยหรือลงทุนเพิ่มขึ้น มาจากเศรษฐีจากประเทศรัสเซียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ขณะที่ตลาดบ้านในทุกกลุ่มมีแนวโน้มค่อนข้างดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดมีเนียมทึ่มีแนวโน้มขยายตัวค่อนข้างสูง เพราะว่าที่ดินในเขตภูเก็ตเริ่มหายากขึ้น ซึ่งตลาดคอนโดมีเนียมจะมีอยู่ 2 ระดับ คือ ระดับบน ที่มีราคาขายประมาณตารางเมตรละ 7-8 หมื่นบาท และระดับกลาง 4-5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ซึ่งเชื่อว่าตลาดระดับกลางนี้จะได้รับความนิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตามตลาดกลุ่มวิลล่าก็ยังได้รับความสนใจอยู่มาก ส่วนใหญ่มีระดับราคาตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1-1.5 ล้านเหรียญ
ดังนั้น บริษัทฮาริสันฯ จึงได้มีการรวบรวมที่ดินเปล่าริมทะเลมาจัดประมูลขึ้นภายใต้ชื่อ ขุมทรัพย์แห่งอันดามัน (Treasures of The Andaman See) โดยการประมูลดังกล่าวจะเป็นลักษณะการยื่นซองประมูลแบบปิดผนึก (Sealed Bid Auction) ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบทรัพย์สินต่าง ๆ ได้ ที่สำนักงานของบริษัทฯโดยกำหนดยื่นซองประมูลภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 และคาดว่าในปีนี้จะมีการประมูลในลักษณะนี้อีก 2-3 ครั้ง
"ต้องเข้าใจก่อนว่าตลาดอสังหาฯที่ภูเก็ตหรือเมืองท่องเที่ยวจะแตกต่างจากตลาดกรุงเทพฯโดยสิ้นเชิง เพราะเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวเป็นหลัก และพฤติกรรมของผู้บริโภคท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ต่างกันด้วย" นายชนะกล่าว
สำหรับพื้นที่ที่นำมาประมูลครั้งนี้ เป็นที่ดินเปล่าในจังหวัดภูเก็ต อยู่บริเวณหาดป่าตอง ซึ่งสามารถ มองเห็นทิวทัศน์ของทะเล จำนวน 3 แปลง พื้นที่ขนาด 19-89 ไร่ และที่ดินบนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่อีก 1 แปลง ขนาดพื้นที่ 74 ไร่ ซึ่งอยู่ติดชายหาด มีเอกสารสิทธิ์เป็น น.ส.3 ก คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดย เฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก เพราะที่ดินที่นำมาประมูลครั้งนี้ สามารถพัฒนาเป็นโครงการได้ หลายรูปแบบทั้งที่อยู่อาศัย บ้านพักตากอากาศ และโรงแรม ทั้งนี้ราคาประเมินเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อไร่ แต่ราคาซื้อขายจริงเฉพาะที่ริมหาดป่าตองไร่ละประมาณ 60-70 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มเจ้าของที่ให้บริษัทนำออกมาประมูล เป็นกลุ่มทุนจากกรุงเทพฯ ซึ่งมีที่ดินหลายแปลงใน จังหวัดภูเก็ต เคยลงทุนพัฒนาโครงการแบบวิลล่าแล้ว 2-3 โครงการ และได้ขายไปหมดแล้ว อีกทั้งยังเคยวางแผนที่จะนำพื้นที่บริเวณหาดป่าตองที่นำมาประมูลมาพัฒนาเป็นวิลล่าเฮ้าส์ ด้วย แต่ต้องยุติไป และเป็นหนี้อยู่กับบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด จำนวนหนึ่ง จึงต้องการขายพื้นที่ดังกล่าวเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ส่วนที่เหลืออาจนำไปเป็นเงินทุนในการลงทุนด้านอื่นๆ ซึ่งยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ว่าเป็นกลุ่มใด เพราะจะกระทบต่อสถาบันการเงิน
ในส่วนฮาริสันเอง ได้เตรียมเข้าเสนอตัวรับบริหารงานขายให้กับโครงการในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีอีกประมาณ 5 โครงการ จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 3 โครงการได้แก่ โครงการอรุณ พลัส ของกลุ่ม แอล.พี.เอ็น.ฯ ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 400 ล้านบาท ราคาขายประมาณ 7 ล้านบาทขึ้นไป โครงการทราวดี รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือมารีน่า ในเขตเมืองจับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,350 ล้านบาท ซึ่งรูปแบบการจัดสรรที่ดินกว่า 138 ไร่ แบ่งจำหน่ายให้แก่รายย่อย เฉลี่ยแปลงละ 1 ไร่ ราคาเฉลี่ย 3-4 หมื่นบาทต่อตารางวา พร้อมมีบ้านให้ลูกค้าเลือกปลูกสร้างอีก 5 แบบ ซึ่งภายในโครงการได้จัดสร้างสิ่ง สาธารณูปโภคไว้เกือบครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว และ โครงการสุดท้ายมีอยู่ 2 ส่วนคือ ฮันนี่ พอร์ท เป็นโครงการ บ้านเดี่ยว ราคา 25 ล้านบาท จำนวน 4 ยูนิต ปัจจุบันขายหมดแล้ว เตรียมสร้างเพิ่มอีก 12 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท และ แลนเทิร์น โฮม ซึ่งทำเป็นลักษณะทาวน์โฮม ราคาต่อหน่วยประมาณ 6 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมประมาณ 300 ล้านบาท
นายชนะ นันทจันทูล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่ชายฝั่งทะเลในภาคใต้ทั้งในส่วนของจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ เริ่มกลับมาได้รับความนิยมจากทั้งนักท่องเที่ยว และนักลงทุนอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุการณ์สึนามิในช่วงที่ผ่านมา โดยพบว่าโครงการอสังหาฯในเขตภูเก็ตรวมไปถึงกระบี่ ยังได้รับความนิยมจากนักลงทุน แม้ว่าจะเกิดปัญหาสึนามิ ที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว แต่ไม่ได้กระทบต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะชาวต่างชาติยังให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการขนาดเล็ก เช่น วิลล่า, ที่พักอาศัยและโรงแรม ขนาด 10-20 ไร่ มูลค่าโครงการตั้งแต่ 200 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งชาวต่างชาติมีสัดส่วนลงทุนถึง 40 %ส่วนโครงการขนานใหญ่มีอยู่บ้างแต่กไม่มาก
โดยลูกค้าชาวต่างประเทศที่กำลังจะเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยหรือลงทุนเพิ่มขึ้น มาจากเศรษฐีจากประเทศรัสเซียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ขณะที่ตลาดบ้านในทุกกลุ่มมีแนวโน้มค่อนข้างดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดมีเนียมทึ่มีแนวโน้มขยายตัวค่อนข้างสูง เพราะว่าที่ดินในเขตภูเก็ตเริ่มหายากขึ้น ซึ่งตลาดคอนโดมีเนียมจะมีอยู่ 2 ระดับ คือ ระดับบน ที่มีราคาขายประมาณตารางเมตรละ 7-8 หมื่นบาท และระดับกลาง 4-5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ซึ่งเชื่อว่าตลาดระดับกลางนี้จะได้รับความนิยมมากที่สุด อย่างไรก็ตามตลาดกลุ่มวิลล่าก็ยังได้รับความสนใจอยู่มาก ส่วนใหญ่มีระดับราคาตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1-1.5 ล้านเหรียญ
ดังนั้น บริษัทฮาริสันฯ จึงได้มีการรวบรวมที่ดินเปล่าริมทะเลมาจัดประมูลขึ้นภายใต้ชื่อ ขุมทรัพย์แห่งอันดามัน (Treasures of The Andaman See) โดยการประมูลดังกล่าวจะเป็นลักษณะการยื่นซองประมูลแบบปิดผนึก (Sealed Bid Auction) ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบทรัพย์สินต่าง ๆ ได้ ที่สำนักงานของบริษัทฯโดยกำหนดยื่นซองประมูลภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 และคาดว่าในปีนี้จะมีการประมูลในลักษณะนี้อีก 2-3 ครั้ง
"ต้องเข้าใจก่อนว่าตลาดอสังหาฯที่ภูเก็ตหรือเมืองท่องเที่ยวจะแตกต่างจากตลาดกรุงเทพฯโดยสิ้นเชิง เพราะเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวเป็นหลัก และพฤติกรรมของผู้บริโภคท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ต่างกันด้วย" นายชนะกล่าว
สำหรับพื้นที่ที่นำมาประมูลครั้งนี้ เป็นที่ดินเปล่าในจังหวัดภูเก็ต อยู่บริเวณหาดป่าตอง ซึ่งสามารถ มองเห็นทิวทัศน์ของทะเล จำนวน 3 แปลง พื้นที่ขนาด 19-89 ไร่ และที่ดินบนเกาะพีพี จังหวัดกระบี่อีก 1 แปลง ขนาดพื้นที่ 74 ไร่ ซึ่งอยู่ติดชายหาด มีเอกสารสิทธิ์เป็น น.ส.3 ก คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน โดย เฉพาะนักลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก เพราะที่ดินที่นำมาประมูลครั้งนี้ สามารถพัฒนาเป็นโครงการได้ หลายรูปแบบทั้งที่อยู่อาศัย บ้านพักตากอากาศ และโรงแรม ทั้งนี้ราคาประเมินเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านบาทต่อไร่ แต่ราคาซื้อขายจริงเฉพาะที่ริมหาดป่าตองไร่ละประมาณ 60-70 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มเจ้าของที่ให้บริษัทนำออกมาประมูล เป็นกลุ่มทุนจากกรุงเทพฯ ซึ่งมีที่ดินหลายแปลงใน จังหวัดภูเก็ต เคยลงทุนพัฒนาโครงการแบบวิลล่าแล้ว 2-3 โครงการ และได้ขายไปหมดแล้ว อีกทั้งยังเคยวางแผนที่จะนำพื้นที่บริเวณหาดป่าตองที่นำมาประมูลมาพัฒนาเป็นวิลล่าเฮ้าส์ ด้วย แต่ต้องยุติไป และเป็นหนี้อยู่กับบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด จำนวนหนึ่ง จึงต้องการขายพื้นที่ดังกล่าวเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ส่วนที่เหลืออาจนำไปเป็นเงินทุนในการลงทุนด้านอื่นๆ ซึ่งยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ว่าเป็นกลุ่มใด เพราะจะกระทบต่อสถาบันการเงิน
ในส่วนฮาริสันเอง ได้เตรียมเข้าเสนอตัวรับบริหารงานขายให้กับโครงการในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีอีกประมาณ 5 โครงการ จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 3 โครงการได้แก่ โครงการอรุณ พลัส ของกลุ่ม แอล.พี.เอ็น.ฯ ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 400 ล้านบาท ราคาขายประมาณ 7 ล้านบาทขึ้นไป โครงการทราวดี รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือมารีน่า ในเขตเมืองจับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,350 ล้านบาท ซึ่งรูปแบบการจัดสรรที่ดินกว่า 138 ไร่ แบ่งจำหน่ายให้แก่รายย่อย เฉลี่ยแปลงละ 1 ไร่ ราคาเฉลี่ย 3-4 หมื่นบาทต่อตารางวา พร้อมมีบ้านให้ลูกค้าเลือกปลูกสร้างอีก 5 แบบ ซึ่งภายในโครงการได้จัดสร้างสิ่ง สาธารณูปโภคไว้เกือบครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว และ โครงการสุดท้ายมีอยู่ 2 ส่วนคือ ฮันนี่ พอร์ท เป็นโครงการ บ้านเดี่ยว ราคา 25 ล้านบาท จำนวน 4 ยูนิต ปัจจุบันขายหมดแล้ว เตรียมสร้างเพิ่มอีก 12 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท และ แลนเทิร์น โฮม ซึ่งทำเป็นลักษณะทาวน์โฮม ราคาต่อหน่วยประมาณ 6 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมประมาณ 300 ล้านบาท