อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันความโปร่งใสดำเนินคดี ปรส.ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและไม่เกี่ยวการเมือง ระบุขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดที่จะเอาผิด “ชวน-ธารินทร์”รอพรรคประชาธิปัตย์ส่งหลักฐานร้องทุกข์ถึงจะสอบคดี บสท.ได้
วานนี้ (15 พ.ค.) พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนการดำเนินการมิชอบด้วยกฎหมายขององค์กรปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)ว่า มีคณะทำงานชุดที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าดูแลรับผิดชอบอยู่ ซึ่งที่ผ่านมานายวีระ มุสิกพงศ์ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้มายื่นหนังสือให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่จะให้ทางดีเอสไอ ตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อการเร่งรัดการสอบสวนคดีเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแจ้งความเพื่อจะดำเนินการกับใคร เพราะคดีนี้ถือเป็นคดีพิเศษอยู่แล้ว ซึ่งทางดีเอสไอ เพิ่งได้รับเรื่องมาเมื่อ 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา
พล.ต.อ.สมบัติ ปฎิเสธข้อซักถามกรณี นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายวีระ ยื่นเรื่องนี้เพื่อเป็นการสร้างภาพและแก้เกมทางการเมือง จะส่งผลให้การทำงานของดีเอสไอ เป็นไปด้วยความลำบากว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะคดีนี้เป็นคดีพิเศษมาแล้ว โดยคดี เลห์แมน บราเดอร์ ทางคณะกรรมการดีเอสไอได้อนุมัติให้เป็นคดีพิเศษแล้ว เราก็ตรวจสอบอยู่ว่าใครน่าจะเป็นผู้กระทำความผิดบ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีข้อมูลหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายจับใคร ซึ่งคงต้องดูตามข้อมูลหลักฐานการสอบสวนไม่ถือว่าล่าช้า เพราะเพิ่งรับมาเป็นคดีพิเศษเพียง 2 เดือนกว่า และไม่ได้เพิ่งจะมาเร่งรัดดำเนินการในช่วงนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐานถ้ามีมากก็ต้องใช้เวลาบ้าง อย่างไรก็ตาม ขอให้ฝ่ายการเมืองสบายใจได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง การดำเนินการจะให้เป็นไปตรงตามข้อเท็จจริง
สำหรับข้อกล่าวหาที่นายพิเชษฐ ระบุว่า มีความไม่โปร่งใสในการดำเนินการของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) นั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า หากมีการร้องทุกข์เป็นหนังสือมาทางดีเอสไอ ก็จะดำเนินการตรวจสอบให้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับหนังสือใดๆ จากทางพรรคประชาธิปัตย์
วานนี้ (15 พ.ค.) พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนการดำเนินการมิชอบด้วยกฎหมายขององค์กรปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)ว่า มีคณะทำงานชุดที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นหัวหน้าดูแลรับผิดชอบอยู่ ซึ่งที่ผ่านมานายวีระ มุสิกพงศ์ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้มายื่นหนังสือให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่จะให้ทางดีเอสไอ ตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อการเร่งรัดการสอบสวนคดีเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแจ้งความเพื่อจะดำเนินการกับใคร เพราะคดีนี้ถือเป็นคดีพิเศษอยู่แล้ว ซึ่งทางดีเอสไอ เพิ่งได้รับเรื่องมาเมื่อ 2 เดือนกว่าที่ผ่านมา
พล.ต.อ.สมบัติ ปฎิเสธข้อซักถามกรณี นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายวีระ ยื่นเรื่องนี้เพื่อเป็นการสร้างภาพและแก้เกมทางการเมือง จะส่งผลให้การทำงานของดีเอสไอ เป็นไปด้วยความลำบากว่า คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะคดีนี้เป็นคดีพิเศษมาแล้ว โดยคดี เลห์แมน บราเดอร์ ทางคณะกรรมการดีเอสไอได้อนุมัติให้เป็นคดีพิเศษแล้ว เราก็ตรวจสอบอยู่ว่าใครน่าจะเป็นผู้กระทำความผิดบ้าง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีข้อมูลหลักฐานเพียงพอที่จะออกหมายจับใคร ซึ่งคงต้องดูตามข้อมูลหลักฐานการสอบสวนไม่ถือว่าล่าช้า เพราะเพิ่งรับมาเป็นคดีพิเศษเพียง 2 เดือนกว่า และไม่ได้เพิ่งจะมาเร่งรัดดำเนินการในช่วงนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักฐานถ้ามีมากก็ต้องใช้เวลาบ้าง อย่างไรก็ตาม ขอให้ฝ่ายการเมืองสบายใจได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง การดำเนินการจะให้เป็นไปตรงตามข้อเท็จจริง
สำหรับข้อกล่าวหาที่นายพิเชษฐ ระบุว่า มีความไม่โปร่งใสในการดำเนินการของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) นั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า หากมีการร้องทุกข์เป็นหนังสือมาทางดีเอสไอ ก็จะดำเนินการตรวจสอบให้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับหนังสือใดๆ จากทางพรรคประชาธิปัตย์