เอส เอฟ ทุ่มเงินกว่า 20 ล้านบาท ลงทุนฉายหนังระบบดิจิตอล2.OKเพิ่มอีก 2 สาขาที่มาบุญครองและเดอะมอลลืบางกะปิ เล็งรายได้เพิ่มหลังไตรมาสแรกรายได้ลด 10% เชื่อดึงระบบดิจิตอลเข้ามาเสริมบวกหนังใหญ่ คาดโตเพิ่มอีก 30%
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาวะปัญหาต่างๆภายในประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาวะน้ำมันที่แพงขึ้นอีกทั้งเรื่องของการเมืองส่งผลกระทบให้สภาพตลาดรวมในช่วงไตรมาสแรกนั้นอัตราการลดลงถึง 30% ทางเอสเอฟเองก็มีอัตราลดลงเช่นกันโดยลดลง10% แต่ทั้งนี้ในช่วงปัญหาภาวะในไตรมาสแรกนั้นไม่ส่งผลต่อภาพรวมมากนักเพราะหลังจากที่ผ่านระยะเวลาในไตรมาสแรกเริ่มเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 นั้น หนังทำเงินจากสหรัฐเข้ามามากอีกทั้ง ได้เพิ่มโรงภาพยนต์ในระบบดิจิตอลอีก 2 สาขา เพื่อหวังที่จะดึงลูกค้า ซึ่งในปีนี้ภาพรวมคาดว่าอัตราการโตมีเพิ่มมากขึ้น 25% คิดเป็นรายได้รวมกว่า 1,800 ล้านบาท
ภายในปีนี้คาดว่าจากการขยายเพิ่มอีก 2 สาขาในระบบดิจิตอลที่สาขามาบุญครองและเดอะมอลล์บางกะปิ ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท เชื่อว่าในการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ในระบบดิจิตอล DIGITAL 2.0K ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและจะสามารถมีส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 80% ของระบบดิจิตอล
ล่าสุดเอสเอฟได้ลงทุนทุ่มเงินกว่า 20 ล้านบาทในการเพิ่ม นำเครื่องฉายด้วยระบบ SF DIGITAL 2.0K มาเพิ่มอีก 2 สาขาที่มาบุญครอง และเดอะมอลล์บางกะปิ ซึ่งถ้ารวมแล้วเอฟเอส จะเป็นโรงภาพยนตร์ที่ฉายในระบบดิจิตอลโดยสาขาใหญ่ของเอสเอฟในปีนี้จะมีทั้งหมด 4 แห่งคือ 1.ลาดพร้าว 2.บางกะปิ 3.เอ็มโพเรียม 4.มาบุญครอง
"นอกจากการลงทุนด้านต่างๆแล้ว เรายังคงมุ่งเน้นการทำตลาดที่เน้นกระตุ้นให้คนดูหนังเพิ่มมากขึ้นและเลือกมาที่เอสเอฟ ซึ่งจากตัวเลขที่มีนั้นปรากฎว่าคนไทยดูหนังเพียงแค่ 2.1 เรื่องต่อคนต่อปีเท่านั้น ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากการกระตุ้นด้วยแคมเปญต่างๆ หรือการขยายสาขาเพื่อสร้างความสะดวกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น "
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาวะปัญหาต่างๆภายในประเทศไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาวะน้ำมันที่แพงขึ้นอีกทั้งเรื่องของการเมืองส่งผลกระทบให้สภาพตลาดรวมในช่วงไตรมาสแรกนั้นอัตราการลดลงถึง 30% ทางเอสเอฟเองก็มีอัตราลดลงเช่นกันโดยลดลง10% แต่ทั้งนี้ในช่วงปัญหาภาวะในไตรมาสแรกนั้นไม่ส่งผลต่อภาพรวมมากนักเพราะหลังจากที่ผ่านระยะเวลาในไตรมาสแรกเริ่มเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 นั้น หนังทำเงินจากสหรัฐเข้ามามากอีกทั้ง ได้เพิ่มโรงภาพยนต์ในระบบดิจิตอลอีก 2 สาขา เพื่อหวังที่จะดึงลูกค้า ซึ่งในปีนี้ภาพรวมคาดว่าอัตราการโตมีเพิ่มมากขึ้น 25% คิดเป็นรายได้รวมกว่า 1,800 ล้านบาท
ภายในปีนี้คาดว่าจากการขยายเพิ่มอีก 2 สาขาในระบบดิจิตอลที่สาขามาบุญครองและเดอะมอลล์บางกะปิ ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท เชื่อว่าในการขยายสาขาโรงภาพยนตร์ในระบบดิจิตอล DIGITAL 2.0K ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและจะสามารถมีส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 80% ของระบบดิจิตอล
ล่าสุดเอสเอฟได้ลงทุนทุ่มเงินกว่า 20 ล้านบาทในการเพิ่ม นำเครื่องฉายด้วยระบบ SF DIGITAL 2.0K มาเพิ่มอีก 2 สาขาที่มาบุญครอง และเดอะมอลล์บางกะปิ ซึ่งถ้ารวมแล้วเอฟเอส จะเป็นโรงภาพยนตร์ที่ฉายในระบบดิจิตอลโดยสาขาใหญ่ของเอสเอฟในปีนี้จะมีทั้งหมด 4 แห่งคือ 1.ลาดพร้าว 2.บางกะปิ 3.เอ็มโพเรียม 4.มาบุญครอง
"นอกจากการลงทุนด้านต่างๆแล้ว เรายังคงมุ่งเน้นการทำตลาดที่เน้นกระตุ้นให้คนดูหนังเพิ่มมากขึ้นและเลือกมาที่เอสเอฟ ซึ่งจากตัวเลขที่มีนั้นปรากฎว่าคนไทยดูหนังเพียงแค่ 2.1 เรื่องต่อคนต่อปีเท่านั้น ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากการกระตุ้นด้วยแคมเปญต่างๆ หรือการขยายสาขาเพื่อสร้างความสะดวกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น "