ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ สั่งจำหน่ายคดี “ ชินคอร์ป”ถอนฟ้อง “ สุภิญญา -ไทยโพสต์” เรียก 400 ล้าน ลงข่าวผลประโยชน์ทับซ้อนธุรกิจครอบครัวนายก หลังคดีอาญาศาลพิพากษายกฟ้อง
วานนี้( 8 พ.ค. )ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดพร้อมคู่ความเพื่อสอบถามการถอนฟ้อง คดีที่บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) , บริษัท ไทยเจอร์นัลกรุ๊ป จำกัด , นายโรจน์ งามแม้น ประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ ,นางกรรณิการ์ วิริยะกุล กรรมการบริหารด้านการตลาด และ นายทวีสิน สถิตย์รัตนชีวิน บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ไทยโพสต์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดเรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 400 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
กรณีที่พวกจำเลยร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ค.46 นสพ.ไทยโพสต์ ตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.สุภิญญา ที่กล่าวถึงวาระครบรอบ 5 ปีการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย โดยพาดหัวข่าวว่า “ เอ็นจีโอ ประจาน 5 ปี พรรคไทยรักไทย –ชินคอร์ปฯ รวย ”โดยมีเนื้อหาข่าวระบุว่า พรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะช่วงที่เป็นรัฐบาลได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ธุรกิจของ บมจ.ชินคอร์ป ฯ ทำให้บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว
สำหรับการพิจารณาคดีวันนี้ โจทก์มอบอำนาจให้ นายสมพร พงศ์สุวรรณ ทนายความ ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องต่อศาล พร้อมแถลงว่าคดีอาญาที่เกี่ยวพันกับคดีแพ่งนี้ ที่ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งห้า และโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะอุทธรณ์คดีอีกต่อไปแล้ว ซึ่งศาลสอบถาม น.ส.สุภิญญา จำเลยที่ 1 และทนายความของ นสพ.ไทยโพสต์ จำเลยร่วมแล้วไม่คัดค้านการขอถอนฟ้องคดีของโจทก์ จึงมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ พร้อมกับมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ภายหลัง น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า คดีนี้ยุติลงได้เพราะศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้วและโจทก์ไม่ติดใจอุทธรณ์อีกและยื่นคำร้องขอถอนฟ้องในคดีแพ่งตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมกับการขอถอนฟ้องคดีอาญา ซึ่งเมื่อศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีอาญาถือว่าเราชะคดีแล้ว และยืนยันขณะนี้ตนยังไม่คิดที่จะฟ้องคดีกลับบริษัทชินคอร์ป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นฟ้องคดีแพ่งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากคดีอาญาที่ บมจ.ชินคอร์ปฯ ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กับพวกรวม 5 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยศาลอาญามีคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 15 มี.ค.49 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งห้า เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและติชมด้วยความเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นวิสัยของบุคคลและประชาชนพึงกระทำได้ ไม่ได้เป็นการมุ่งประสงค์ใส่ความบริษัทให้ต้องเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังแต่อย่างใด
วานนี้( 8 พ.ค. )ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดพร้อมคู่ความเพื่อสอบถามการถอนฟ้อง คดีที่บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) , บริษัท ไทยเจอร์นัลกรุ๊ป จำกัด , นายโรจน์ งามแม้น ประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ ,นางกรรณิการ์ วิริยะกุล กรรมการบริหารด้านการตลาด และ นายทวีสิน สถิตย์รัตนชีวิน บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ไทยโพสต์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดเรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 400 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
กรณีที่พวกจำเลยร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยเมื่อวันที่ 16 ก.ค.46 นสพ.ไทยโพสต์ ตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.สุภิญญา ที่กล่าวถึงวาระครบรอบ 5 ปีการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย โดยพาดหัวข่าวว่า “ เอ็นจีโอ ประจาน 5 ปี พรรคไทยรักไทย –ชินคอร์ปฯ รวย ”โดยมีเนื้อหาข่าวระบุว่า พรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะช่วงที่เป็นรัฐบาลได้เกื้อหนุนผลประโยชน์ธุรกิจของ บมจ.ชินคอร์ป ฯ ทำให้บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว
สำหรับการพิจารณาคดีวันนี้ โจทก์มอบอำนาจให้ นายสมพร พงศ์สุวรรณ ทนายความ ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องต่อศาล พร้อมแถลงว่าคดีอาญาที่เกี่ยวพันกับคดีแพ่งนี้ ที่ศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งห้า และโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะอุทธรณ์คดีอีกต่อไปแล้ว ซึ่งศาลสอบถาม น.ส.สุภิญญา จำเลยที่ 1 และทนายความของ นสพ.ไทยโพสต์ จำเลยร่วมแล้วไม่คัดค้านการขอถอนฟ้องคดีของโจทก์ จึงมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ พร้อมกับมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ภายหลัง น.ส.สุภิญญา กล่าวว่า คดีนี้ยุติลงได้เพราะศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้วและโจทก์ไม่ติดใจอุทธรณ์อีกและยื่นคำร้องขอถอนฟ้องในคดีแพ่งตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พร้อมกับการขอถอนฟ้องคดีอาญา ซึ่งเมื่อศาลมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีอาญาถือว่าเราชะคดีแล้ว และยืนยันขณะนี้ตนยังไม่คิดที่จะฟ้องคดีกลับบริษัทชินคอร์ป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การยื่นฟ้องคดีแพ่งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากคดีอาญาที่ บมจ.ชินคอร์ปฯ ยื่นฟ้อง น.ส.สุภิญญา กับพวกรวม 5 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยศาลอาญามีคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 15 มี.ค.49 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งห้า เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกล่าวแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและติชมด้วยความเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นวิสัยของบุคคลและประชาชนพึงกระทำได้ ไม่ได้เป็นการมุ่งประสงค์ใส่ความบริษัทให้ต้องเสียชื่อเสียงหรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังแต่อย่างใด