ศูนย์ข่าวศรีราชา - หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทุ่มงบหลายพันล้านบาทวางแผนป้องกันการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกในระยะสั้น-ยาวอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำ ล่าสุดแผนระยะสั้นใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว พร้อมดำเนินแผนระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมาบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ "อีสท์วอเตอร์" นำโดยนายวันชัย หล่อวัฒนตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อีสท์วอเตอร์ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงได้นำสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมแผนการดำเนินการและโครงการการแก้ไขและป้องกันการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก
นายวันชัย กล่าวว่า ขณะนี้แผนงานของบริษัทฯนั้นมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่นที่บริเวณแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีการก่อสร้างอาคารโรงสูบน้ำในพื้นที่ 15 ไร่ ในเนื้อที่ 34 ไร่, บ่อพักน้ำที่สามารถกักเก็บน้ำได้ 30,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมเพิ่มอีก 1 บ่อในอนาคตและวางระบบท่อส่งน้ำจากบางปะกง-บางพระ-ชลบุรี
การวางท่อในครั้งนี้ ขนาด 1,400 มิลลิเมตรจากระบบท่อส่งน้ำพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา บริเวณบางปะกง ถึง อ.ศรีราชา เชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ที่มีอยู่เดิมแล้ว ซึ่งระยาวในการวางท่อประมาณ 53 กิโลเมตร โดยวางท่อตามถนนมอเตอร์เวย์ หากแล้วเสร็จความสามารถในการสูบน้ำ 200,00 ลบ.ม/วัน หรือประมาณ 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งจะสูบเฉพาะในช่วงฤดูฝนเพียง 8 เดือน
นายวันชัย กล่าวต่อว่า การดำเนินการในครั้งนี้ ใช้เงินลงทุนของบริษัทฯรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,500 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 6 เดือน (ส.ค.48-ม.ค. 49) ซึ่งขณะนี้โครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเดินเครื่องได้ เนื่องจากแม่น้ำบางปะกงเค็มแล้ว แต่พร้อมจะเดินเครื่องได้ในช่วง มิ.ย.นี้
“การวางท่อน้ำเส้นทางดังกล่าวโดยเป้าหมายหลักจะนำน้ำมาเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อสำหรับจ่ายน้ำให้ผู้ใช้น้ำอุปโภค บริโภค และอุตสาหกรรม ซึ่งในอนาคตจะมีผู้ใช้น้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถผันน้ำมาเก็บไว้ได้ 50 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เนื่องจากอ่างเก็บน้ำบางพระสามารถรองรับน้ำได้ 117 ล้านลูกบาศก์เมตร”
นายวันชัย กล่าวต่อว่า เมื่อสามารถผันน้ำมาเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระได้ก็จะลดการจ่ายน้ำเพิ่มให้แก่ผู้ใช้น้ำที่ผันมาจากอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง ซึ่งจะทำให้มีน้ำเพียงพอกับความต้องการและสามารถจ่ายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำรายใหม่ตามแนววางท่อ เช่น นิคมอมตะนคร, โรงกรองน้ำหนองค้อ ที่คาดว่าจะมีความต้องการประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
นอกจากโครงการของภาคเอกชนแล้ว ทางรัฐบาลมีโครงการป้องกันวิกฤตขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเช่นกัน คือ โครงการวางท่อเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์-คลองใหญ่ โดยกรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบ โดยเป็นท่อเชื่อมโยงขนาด 1600 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 29 กิโลเมตร และวางท่อขนาด 1400 มิลลิเมตร ระยะทาง 3 กิโลเมตร พร้อมก่อสร้างโรงสูบน้ำ 1 แห่ง ซึ่งมีความสามารถในการสูบน้ำประมาณ 80 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 1,680 ล้านบาท เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ต.ค.48 ที่ผ่านมา โดยจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 49 นี้แน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 40%
นายณัฐวุฒิ สร้อยประเสริฐ เจ้าหน้าที่กรมชลประทาน กล่าวว่า นอกจากนั้นทางกรมชลฯยังมีโครงการสูบน้ำกลับและวางท่อส่งน้ำขนาด 900 มิลลิเมตร งบประมาณก่อสร้างประมาณ 2-300 ล้านบาท เพื่อสูบน้ำมากักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำดอกกราย จ.ระยอง โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่มีกำลังสูบน้ำขนาด 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ในระยะทางกว่า 11 กิโลเมตร
“สาเหตุ เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาไม่ไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำ แต่ไปลงหลังอ่างเก็บน้ำ ทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมีน้อย ดังนั้น เพื่อป้องกันวิกฤตการขาดแคลนน้ำ จึงมีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น ซึ่งหากน้ำฝนไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำ โครงการดังกล่าวก็ไม่ต้องเปิดเดินเครื่อง เพราะจะต้องใช้กระแสไฟฟ้า ในการเดินเครื่อง”
นายเกษตร ภู่สุวรรณ หัวหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ กล่าวว่า ในส่วนพื้นที่อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่นั้น ทางกรมชลประทานมีโครงการผันน้ำ จากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ไปเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ระยะทาง 3,200 เมตร โดยก่อสร้างเก็บอุโมงค์รูปเกือกม้าไปยังหนองปลาไหล ซึ่งโครงการได้ดำเนินการมาตั้งแต่ ก.ย.48 ที่ผ่านมา โดยจะแล้วเสร็จใน พ.ค.49 นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเก็บรายละเอียดต่างๆ ของโครงการเท่านั้น
“โครงการผันน้ำจากคลองใหญ่ ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลนั้น เป็นไปตามธรรมชาติ เนื่องจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่อยู่สูงกว่าอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล หากมีน้ำในอ่างคลองใหญ่ สูงก็สามารถเปิดประตูน้ำให้ไหลไปยังอ่างหนองปลาไหลได้ทันที โดยสามารถผันไปได้ 9 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที”
นายเจริญสุข วรพรรณโสภาค ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนโครงการบริษัทอีสท์วอเตอร์ กล่าวว่า ในอนาคตรัฐบาลมีการวางแผนป้องกันการขาดแคลนน้ำไว้ โดยตั้งงบประมาณไว้ทั้งสิ้นประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท เช่น โครงการวางท่อคู่ขนานกับบริษัทฯ จากแม่น้ำบางปะกง มายังพื้นที่ จ.ชลบุรี นอกจากนั้นมีโครงการผันน้ำจากคลองวังโตนด จ.จันทบุรี มายังพื้นที่ จ.ระยอง และชลบุรี ซึ่งโครงการทั้ง 2 อยู่ระหว่างวางแผนและจะดำเนินการในเร็วๆ นี้ เพื่อให้สอดรับกับโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
แผนป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำในอนาคต
อนึ่ง สถานการณ์น้ำปัจจุบัน ปริมาณน้ำในแหล่งน้ำดิบในปีนี้ค่อนข้างดี ณ สิ้นเดือน เม.ย.อ่างเก็บน้ำดอกกรายมีปริมาณน้ำ 51 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลมีน้ำ 102 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำทั้ง 2 อ่างรวมกันแล้วมีมากกว่าในเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 70 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ มีปริมาณน้ำ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร อ่างเก็บน้ำประแสร์ มีปริมาณน้ำ 190 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ปริมาณน้ำมีเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำแม้จะเกิดฝนทิ้งช่วงก็ตาม
นายวันชัย กล่าวต่อว่า แม้โครงการต่างๆที่วางไว้เพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำของภาครัฐและเอกชนนั้น ทางบริษัทก็ยังมีแผนสำรองไว้อีก โดยเตรียมงบประมาณไว้อีก 500 ล้านบาท 1.ติดตั้งระบบเตือนภัยภาวะขาดแคลนน้ำ โดยใช้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำดอกกรายและอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เป็นตัวชี้วัด ซึ่งหากพบว่ามีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำจะต่ำกว่าการคาดการณ์แล้ว จะได้เตรียมการตามมาตรการที่กำหนดไว้
2.หาแหล่งสำรอง ได้แก่ แหล่งน้ำของเอกชน หรือชุมชน โดยติดต่อขอซื้อบ่อดินเก่าๆ หรือเช่า พร้อมวางท่อเชื่อมโยงเข้ากับระบบท่อของบริษัท 3.ระบบสูบน้ำกลับ โดยการสูบน้ำจากลำห้วยธรรมชาติกลับไปเก็บไว้อ่างเก็บน้ำ 4.ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ขนาดความจุ 5-10 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้เป็นแหล่งสำรอง และ 5.ออกรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัด ตลอดจนการนำน้ำจากระบบบำบัดน้ำเสียของชุมชนเมืองที่ได้มาตรฐานคุณภาพน้ำกลับมาใช้ใหม่
นายวันชัย กล่าวอีกว่า ในอนาคตคาดว่า ช่วงปี 50 นี้โครงการอ่างเก็บน้ำต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น อ่างเก็บน้ำบางพระ, อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่, อ่างเก็บน้ำดอกกราย และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลจะวางท่อเชื่อมติดกันอย่างเป็นโครงข่ายถึงกัน โดยกำหนดให้อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลเป็นจุดศูนย์กลาง หากอ่างเก็บน้ำแห่งไหนมีปริมาณน้ำมากก็จะผันน้ำหรือสูบน้ำมากักเก็บไว้ หรืออ่างเก็บน้ำไหนมีน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการก็จะผันน้ำที่มีมาก ไปช่วยเหลือ หากโครงข่ายต่อเชื่อมท่อในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ทั่วถึงกัน ปัญหาการขาดแคลนน้ำที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคงจะหมดไป