ศาลเลื่อนไต่สวนมูลฟ้องคดี"ชัยสิทธิ์"ฟ้อง"สนธิ"กับพวก หมิ่นประมาทฯ หาว่า โกงทั้งโคตร เป็นวันที่ 25 ก.ค.นี้ เหตุจำเลยติดเข้ามอบตัวกองปราบฯ ด้าน “บิ๊กตุ้ย”เผยมั่นใจมีหลักฐานเอาผิดได้
วานนี้ (1 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในคดีที่พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล, น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์, บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์, นายขุนทอง ลอเสรีวานิช, บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด, นายศุภชัย วงศ์วรเศรษฐ, นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายพชร สมุทวณิช และนายปัญจภัทร อังคสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดฐานดูหมิ่น–หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีตีพิมพ์ข่าวในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 24 ม.ค.49 พาดหัวว่า"ดีลขายชินฯ ขายชาติ" "เลี่ยงภาษีเอาเปรียบรายย่อย บ่อนทำลายความมั่นคง"และจำเลยที่ 1 กล่าวปราศรัยในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าว่า"..ตระกูลบางตระกูล จู่ๆ มันมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหมื่นๆล้าน ได้อย่างไร พ่อ แม่ พี่น้อง บอกแล้วว่าสมัยก่อนมันโคตรโกง แต่เดี๋ยวนี้มันโกงทั้งโคตร.."
เมื่อถึงเวลา ทนายจำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลขอเลื่อนคดี เนื่องจากในวันดังกล่าว จำเลยที่ 1 ต้องเดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ นอกจากนี้ จำเลยที่ 4 พึ่งได้รับหมาย ยังไม่ครบกำหนด 15 วัน ตามกฎหมาย และโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องนายศุภชัย จำเลยที่ 7 เนื่องจากจำเลยได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม แล้วก่อนหน้านี้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีเหตุอันควร จึงอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ไปเป็นวันที่ 25 ก.ค.49 เวลา 09.00–16.00 น.
พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวภายหลังศาลมีคำสั่งว่าจะเดินทางมาเบิกความต่อศาลในวันนัดใหม่ เนื่องจากเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์เพียงปากเดียว ซึ่งก็มั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานเอกสารและวีซีดีว่าจะสามารถเอาผิดพวกจำเลยได้
คดีนี้ตามฟ้องโจทก์ ระบุว่า โจทก์เป็นญาติกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยได้ร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ โดยตีพิมพ์ข้อความลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 24 ม.ค.49 ใส่ความตระกูลชินวัตรและบุคคลในตระกูล ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ด้วยข้อความพาดหัวข่าวว่า"ดีลขายชินฯ ขายชาติ" "ชินวัตร ดามาพงศ์ ขายหุ้นชินคอร์ปให้ร่างทรงเทมาเส็ก.."และ "7.3 หมื่นล้าน เข้ากระเป๋าใคร?"
ต่อมาระหว่างวันที่ 4-5 ก.พ.2549 จำเลยได้ร่วมกันจัดทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ภาคพิเศษ ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และมีการถ่ายทอดสดออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV ช่อง NEWS1 ไปตามระบบเคเบิลทีวีทั่วประเทศ โดยมีจำเลยที่ 1-2 เป็นผู้ดำเนินรายการปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ โดยจำเลยที่ 1 กล่าวปราศรัยว่า “พ่อ แม่ พี่น้อง ที่มากันด้วยใจ มาด้วยใจ มาต้องการจะกู้ชาติ มาต้องการจะให้ประเทศไทยเป็นของพวกเรา ไม่ใช่ของชินวัตร หรือดามาพงศ์ หรือวงศ์สวัสดิ์” “แต่ไอ้ตระกูลบางตระกูล จู่ๆ มันมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหมื่นๆ ล้านได้อย่างไร พ่อแม่พี่น้อง ถ้ามันไม่โกง ผมเคยบอกแล้วว่าสมัยก่อนมันโคตรโกง แต่เดี๋ยวนี้มันโกงทั้งโคตร...”
ภายหลังจัดรายการต่อมาได้มีการนำภาพเสียงและถ้อยคำของจำเลยที่ 1 ลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ www.manager.co.th ซึ่งประชาชนสามารถเปิดเข้าไปดูภาพและเสียงได้ทางระบบอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังนำไปบันทึกจัดทำเป็นวีซีดี เผยแพร่ ไปทั่วราชอาณาจักร การกระทำของจำเลยดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติยศ วงศ์ตระกูลของโจทก์ และโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลในวงศ์ตระกูลชินวัตร และทำให้ประชาชนเกิดการดูถูก เหยียดหยาม ดูหมิ่น เกลียดชังวงศ์ตระกูลชินวัตร
วานนี้ (1 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในคดีที่พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล, น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์, บริษัท แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์, นายขุนทอง ลอเสรีวานิช, บริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม จำกัด, นายศุภชัย วงศ์วรเศรษฐ, นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายพชร สมุทวณิช และนายปัญจภัทร อังคสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 1-10 ในความผิดฐานดูหมิ่น–หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีตีพิมพ์ข่าวในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 24 ม.ค.49 พาดหัวว่า"ดีลขายชินฯ ขายชาติ" "เลี่ยงภาษีเอาเปรียบรายย่อย บ่อนทำลายความมั่นคง"และจำเลยที่ 1 กล่าวปราศรัยในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าว่า"..ตระกูลบางตระกูล จู่ๆ มันมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหมื่นๆล้าน ได้อย่างไร พ่อ แม่ พี่น้อง บอกแล้วว่าสมัยก่อนมันโคตรโกง แต่เดี๋ยวนี้มันโกงทั้งโคตร.."
เมื่อถึงเวลา ทนายจำเลยที่ 1 ได้แถลงต่อศาลขอเลื่อนคดี เนื่องจากในวันดังกล่าว จำเลยที่ 1 ต้องเดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ นอกจากนี้ จำเลยที่ 4 พึ่งได้รับหมาย ยังไม่ครบกำหนด 15 วัน ตามกฎหมาย และโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องนายศุภชัย จำเลยที่ 7 เนื่องจากจำเลยได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท ไทยเดย์ ด็อทคอม แล้วก่อนหน้านี้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีเหตุอันควร จึงอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ไปเป็นวันที่ 25 ก.ค.49 เวลา 09.00–16.00 น.
พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวภายหลังศาลมีคำสั่งว่าจะเดินทางมาเบิกความต่อศาลในวันนัดใหม่ เนื่องจากเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์เพียงปากเดียว ซึ่งก็มั่นใจในพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งพยานเอกสารและวีซีดีว่าจะสามารถเอาผิดพวกจำเลยได้
คดีนี้ตามฟ้องโจทก์ ระบุว่า โจทก์เป็นญาติกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยได้ร่วมกันหมิ่นประมาทโจทก์ โดยตีพิมพ์ข้อความลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 24 ม.ค.49 ใส่ความตระกูลชินวัตรและบุคคลในตระกูล ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ด้วยข้อความพาดหัวข่าวว่า"ดีลขายชินฯ ขายชาติ" "ชินวัตร ดามาพงศ์ ขายหุ้นชินคอร์ปให้ร่างทรงเทมาเส็ก.."และ "7.3 หมื่นล้าน เข้ากระเป๋าใคร?"
ต่อมาระหว่างวันที่ 4-5 ก.พ.2549 จำเลยได้ร่วมกันจัดทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ภาคพิเศษ ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และมีการถ่ายทอดสดออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ ASTV ช่อง NEWS1 ไปตามระบบเคเบิลทีวีทั่วประเทศ โดยมีจำเลยที่ 1-2 เป็นผู้ดำเนินรายการปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯ โดยจำเลยที่ 1 กล่าวปราศรัยว่า “พ่อ แม่ พี่น้อง ที่มากันด้วยใจ มาด้วยใจ มาต้องการจะกู้ชาติ มาต้องการจะให้ประเทศไทยเป็นของพวกเรา ไม่ใช่ของชินวัตร หรือดามาพงศ์ หรือวงศ์สวัสดิ์” “แต่ไอ้ตระกูลบางตระกูล จู่ๆ มันมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหมื่นๆ ล้านได้อย่างไร พ่อแม่พี่น้อง ถ้ามันไม่โกง ผมเคยบอกแล้วว่าสมัยก่อนมันโคตรโกง แต่เดี๋ยวนี้มันโกงทั้งโคตร...”
ภายหลังจัดรายการต่อมาได้มีการนำภาพเสียงและถ้อยคำของจำเลยที่ 1 ลงเผยแพร่ในเว็บไซต์ www.manager.co.th ซึ่งประชาชนสามารถเปิดเข้าไปดูภาพและเสียงได้ทางระบบอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังนำไปบันทึกจัดทำเป็นวีซีดี เผยแพร่ ไปทั่วราชอาณาจักร การกระทำของจำเลยดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติยศ วงศ์ตระกูลของโจทก์ และโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลในวงศ์ตระกูลชินวัตร และทำให้ประชาชนเกิดการดูถูก เหยียดหยาม ดูหมิ่น เกลียดชังวงศ์ตระกูลชินวัตร