xs
xsm
sm
md
lg

ปลุกพลังต้านนายกฯจอมปลอม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ปลุกพลังประชาชนบอยคอตนายกฯนอมินี “โสภณ” เตือนอย่าหลง ประเด็นตามแต่เรื่องนายกฯร่างทรง ชี้ต้นตอปัญหาคือ “ทักษิณ ขายชาติ” อัดลากตั้งนำไปสู่การจอมปลอมทั้งประเทศ เตือนโกหกคำโตทำลายโครงสร้างทั้งระบบ ระบุปฏิรูปการเมืองต้องเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเงาทรราชย์เท่านั้น “สัก” ชูนายกฯพระราชทานพาประเทศรอด “วีรศักดิ์” เผยแก้ รธน.ต้องใจกล้าและจริงใจ พวกไร้ใจแก้ไปก็แค่ตัวอักษร

วานนี้ (25เม.ย.) ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เครือข่ายจุฬาฯ เชิดชูคุณธรรม นำประชาธิปไตย (จคป.) และสถาบันสหสวรรษ ได้มีการจัดเสวนาเรื่อง “นายกฯนอมินี” โดยมี นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย และนายโสภณ สุภาพงษ์ และนายสัก กอแสงเรือง รักษาการ ส.ว.กทม. เป็นวิทยากร

นายโสภณ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่อยากให้แต่ละคนไปหลงประเด็นในเรื่องของ นายกฯนอมินีเพราะประเด็นท่สำคัญในขณะนี้คือเรื่องการคอรัปชั่น การบริหาร บ้านเมืองที่มีแต่ความโหดร้ายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การต่อสู้ทางการเมือง ต้องต่อสู้จากความจริงไม่ใช่เรื่องโกหกที่ฝ่ายรัฐบาลสร้างขึ้น เพราะประเทศไทยมีคนตายมากมายจากนโยบายของรัฐ แต่ไม่มีใครรับผิดชอบ อีกทั้งทรัพย์สินของประเทศก็ถูกนำไปขาย เช่น การแปรรูป ปตท.เข้าไปกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่ทำกำไรให้กับพวกนอมินีของนักการเมืองที่เข้าไปถือหุ้นได้กำไร ถึง1.8แสนล้านบาท ตั้งแต่มีการแปรรูป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมากเพราะขณะนี้น้ำมันแพงที่ตลาดโลกมาปล้นเอากำไรไป แต่คนไทยกลับมาปล้นประชาชนซ้ำเติมลงไปอีก

นายโสภณ กล่าวต่อว่า ปัญหาการขายประเทศถือเป็นความโหดร้าย จนมีการ ต่อต้านพอเกิดการต่อต้าน ฝ่ายตรงข้ามก็กลับมาเรียกร้องให้ทุกคนมีความสามัคคี อยากบอกถามกลับไปว่าความสามัคคีมันจะเกิดได้อย่างไร เพราะไม่มีความสามัคคีใดที่จะยืนและเกิดได้บนความอยุติรรมที่เกิดขึ้นอย่างในปัจจุบัน โดยส่วนที่สำคัญสื่อมวลชนต้องดำรงความเป็นกลาง ไม่ยึดติดกับข้อเท็จจริง หรือ fact แต่ต้องยึดอยู่บนความจริงแท้ หรือ Truth เพราะถ้าสังคมมีแต่ความจริงแท้ ก็จะมีแต่ความสุข แต่ถ้าสังคมไร้ซึ่งความจริงก็จะมีแต่ความทุกข์และความวุ่นวาย

“การเลือกตั้งครั้งนี้นำไปสู่การโกหก ไม่ใช่การเลือกตั้งระบอบประชาธิปไตย เพราะผู้แทนฯที่เข้ามา มีแต่พวกที่แพ้คะแนนโนโหวต ส.ส.แบบนี้ไม่สามารถเรียกว่า ผู้แทนฯได้ สำหรับปัญหาที่ส.ส. อาจมีไม่ครบ 500 ทางกกต. ก็เตรียมที่จะตะบี้ตะบัน สร้างเรื่องไม่จริงเพื่อให้เปิดสภาให้ได้ ทั้งๆ ที่ในรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ก็บอกชัดเจนแล้วว่า สภาผู้แทนจะต้องมีส.ส. ครบ 500 คน และในมาตรา 159 ระบุว่า ต้องเปิดให้ได้ภายใน 30 วันนับตั้งแต่มีการเลือกตั้ง ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญเอง ก็เคยวินิจฉัยเปิดประชุมวุฒิสภาไม่ได้ ถ้ามีส.ว ไม่ครบ 200 คน ฉะนั้นเมื่อมันไม่มีสภา แล้วดันทุรังไปเปิด มันก็เหมือนเป็นการเปิดที่ทำการพรรคจนเป็นสภาจอมปลอม และกระบวนการไปสู่นายกฯนอมินี ก็เป็นกระบวนการจอมปลอมเช่นกัน ทำให้ประเทศมีแต่เรื่องจอมปลอมไปหมด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ประเทศชาติคงอยู่ไม่ได้”

นายโสภณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการบริหารราชการได้เปลี่ยน ครม.และ หน่วยราชการ ให้เป็นลูกจ้างทั้งประเทศ โดยการทำงานเป็นไปเพื่อความต้องการของ นายจ้างเท่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่มันใกล้ทรราชเข้าไปทุกวัน ประเทศของเราประกอบด้วยกลุ่ม 2 ฝ่าย คือ 1.ราชการ และ 2.พ่อค้าประชาชน โดยในส่วนพ่อค้าประชาชน จะทำหน้าที่ขายสินค้าเพื่อเอาแต่กำไร โดยการสร้างมูลค่า แล้วขายนำเอาส่วนต่างมาเสียภาษี

แต่สำหรับส่วนราชการ มีหน้าที่สร้างคุณค่าให้กับประเทศ แต่ที่ผ่านมาประเทศเรากลับมีพ่อค้าที่อาสาเข้ามาดูแลประเทศ โดยให้ราชการทำงานแบบธุรกิจ จึงทำให้แนวคิดในการทำงานของราชการจะเอาแต่กำไร เมื่อคุณค่าได้เปลี่ยน เป็นมูลค่า แล้วใครจะมาทำให้สังคมนี้ดีงาม และประชาธิปไตยจะดีได้จะต้องมีคุณค่า ไม่ใช่มีแต่มูลค่าเท่านั้น

“ถ้าสังคมมีแต่ลูกจ้างไปหมดของคนคนเดียวไปหมด ทุกอย่างก็จะเป็นจอมปลอม โครงสร้างของประเทศก็จะมีปัญหา ที่ผ่านกระบวนการต่างๆเป็นกระบวนการมายาทั้งหมด เพราะฉะนั้นนายกฯนอมินีไม่ควรเกิด เพราะจะเป็นผู้นำ ได้อย่างไร ในเมื่อคนไทยไม่ภูมิใจในตัวผู้นำประเทศที่ปกครองเขาอยู่ และอยากจะยกตัวอย่างผู้นำเผด็จการในประวัติศาสตร์ เช่น จูเลียส ซีซาร์ ที่ปกครองประเทศ ด้วยระบบเผด็จการเต็มรูปแบบที่คิดจะใช้แต่อำนาจ แต่สุดท้าย อาจจะต้องจบชีวิตด้วยวัยเพียง 56 ปีเท่านั้น”

นายโสภณ กล่าวทางแก้ต้องมีรัฐบาลชั่วคราวเพื่อสร้าง ธรรมาภิบาลเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างน้อยหนึ่งปีขึ้นไป แล้วจัดให้มีการเลือกตั้ง จากนั้นค่อยๆลดบทบาท และอำนาจของฝ่ายบริหาร โดยเพิ่มอำนาจของฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งการคอรัปชั่นจะต้องเท่ากับอำนาจที่ลบด้วยการตรวจสอบถึงจะเกิดความสมดุลกัน ดังนั้นในการปฏิรูปการเมืองจะต้องลดอำนาจของนายกฯลงมาและถ้ายังมีนายกฯนอมมินี เราก็ต้องออกไปเดินในท้องถนนเพื่อแสดงพลังร่วมกัน ทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจ จะต้องหยุดงาน การต่อสู้ด้วยสันติคือการทำให้ระบบบริหารเป็นอัมพาต ถึงจะเป็นการต่อสู้แบบสันติซึ่งไม่ได้หมายความว่าการต่อสู้แบบสันติไม่ใช่การไม่ได้ทำอะไรเลย

ด้าน นายสัก กล่าวว่า ความหมายของคำว่านอมินี คือ 1.ผู้ที่ได้รับแต่งตั้ง หรือผู้ถูกเสนอชื่อ 2.ผู้ที่เป็นตัวแทน โดยในลักษณะที่ไม่เปิดเผย ที่ผ่านมา 5 ปีที่เรา มีนายกฯ ในแบบที่ไม่ใช่นอมินี เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการสร้างระบอบเผด็จการชัดเจนที่เริ่มมาจากการควบรวมพรรคและซื้อส.ส. แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้น คือการควบรวม วุฒิสภาเข้าไปด้วย ซึ่งถือเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการให้ไม่มีการแทรกแซง

“ในทางการเมืองเรามีนายกฯที่ทำงานใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ในการทุจริต ที่ออกนโยบายในการลงทุนเพื่อเอื้อให้กับกลุ่มทุนที่สนับสนุนพรรคไม่ว่าจะเป็นการแปรรูป รัฐวิสาหกิจทั้ง กฟผ.และปตท. รวมทั้งยังมีพฤติกรรมที่เลี่ยงการ ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 209 ที่ไม่ให้นักการเมืองเข้าไปถือหุ้นในบริษัท แต่กลับมีการโอนหุ้นให้กับบรรดาพวกนอมินีและฟอกเงินที่หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน จนนำไปสู่การขายหุ้นที่ไม่เสียภาษีิ นายสักกล่าว

“ช่วงเวลาการบริหารงานของพ.ต.ท. ทักษิณ เกิดการแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างมากมาย ที่มีต้นเหตุมาจาก กรณีการซุกหุ้นภาค 1 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 7 ที่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความผิด

นายสัก กล่าวว่าถ้าเรามีนายกฯนอมินีสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ1. รัฐสภาจะมี พรรคไทยรักไทย ทั้ง ส.ส.และส.ว. เพราะฉะนั้นการบริหารงานที่ผิดพลาดจะยังคงมีเหมือนเดิม แต่นายกฯนอมินี จะมีอำนาจมากขึ้นเพราะมีนายกฯตัวจริงอยู่ข้างหลัง ซึ่งเป็นนายกฯนอกรัฐธรรมนูญที่ไม่มีข้อจำกัดในการใช้อำนาจ 2.การทุจริตคอรัปชั่นจะมีมากขึ้น เพราะเป็นการสั่งที่ไม่มีใบเสร็จ ดังนั้นจะเห็นได้ว่านายกฯนอมินี ไม่ได้ต่างจากนายกฯที่ไม่ใช่นอมินีเลย ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยส่วนตัวเชื่อว่านายกฯนอมินีไม่สามารถปฎิรูปการเมืองได้ เพราะการปฏิรูปการเมืองจะต้องมาจากคนกลางที่ปราศจากการแทรกแซง

ส่วนการแก้ปัญหาคือ 1.คืนอำนาจให้กับสื่อมวลชนให้กับประชาชนเพื่อให้มีการ ปฏิรูปสื่อโดยเร็ว 2.ต้องเปลี่ยนแปลงองค์กรอิสระ โดยเริ่มจากวุฒิสภาเพื่อแก้ปัญหาการครอบงำ การแต่งตั้ง บุคคลเข้ามาทำงานในองค์กรอิสระ รวมทั้งจะต้องมีการ ป้องกันการแทรกแซงด้วย โดยมีการระบุให้มีความผิดทางอาญา ที่ต้องมีบทลงโทษ ที่รุนแรง และให้มีการพิสูจน์การได้มาซึ่งทรัพย์สินของนักการเมืองได้ด้วย ซึ่งถ้าชี้แจงก็ต้องถูกยึดทรัพย์และให้เป็นของแผ่นดิน รวมทั้ง มาตรการทางภาษี ทั้งภาษีทรัพย์สินและ ภาษีมรดก ถ้ามีการซ่อนเอาไว้ให้ยึดมาเป็นของแผ่นดินเช่นกัน

นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีนอมินีในองค์กรอิสระ และ ส.ว. ต่อไปไม่รู้ว่าจะไปนอมินีอะไรอีก เวลานี้นอมินีทั้งหลายของรัฐบาลอีกหลายกลุ่มกำลังเดินหน้าที่จะลากกันไปเพื่อจะเปิดสภาให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม หากมีนายกฯนอมินีจริง ตนก็มีข้อสังเกตุใน 5 ประเด็น คือ1.ใครเป็นคนNominate หรือเป็นผู้ส่งเข้าประกวด เป็นการนอมินีเพื่อใคร 2.เป็นการนอมินีจากใครแบะเพื่อใคร ซึ่งสุดท้ายคงเป็นไป เพื่อระบบทุนิยมที่สามานย์

3.เป็นการนอมินีชั่วคราว เพราะตัวการที่แท้จริงก็อยากจะกลับมาให้เร็วที่สุด 4.นอมินีมาทำอะไร ก็คงเป็นเพื่อลดความร้อนแรง โดยเข้าคนอื่นมาปะทะแทนตัวจริง แต่ไม่ได้ลดความร้อนแรงของตัวเอง ดังนั้นประเด็นในการปฏิรูปการเมืองจึงอยู่ที่ มีความจริงและความกล้าว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน 5.กลัวว่าการปฏิรูปที่เกิดขึ้นจะเป็นการแก้เพียงตัวอักษรแต่ไม่ได้แก้ที่นิสัยของผู้ที่จะมา ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้เขาเลย เพราะที่สุดจะต้องถูกตรวจสอบจากกระบวนการตุลาการอยู่ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น