รุมอัด "แม้ว"เดินสายฟอกตัวกับผู้นำต่างประเทศ ไม่เหมาะสม "ไกรศักดิ์" จวกผู้นำประเทศต้องพึงสำนึกคำว่า มารยาททางการฑูต "อัษฏา"เชื่อมีวาระซ่อนเร้น มีเรื่องส่วนตัวแอบแฝงแน่ ด้าน"สุรัตน์"งง "แบลร์-ชีรัค-บุช " เป็นเพื่อนแม้วตั้งแต่เมื่อไร ติงอย่าฉีกวัฒณธรรมฑูตเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง
นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.นครราชสีมา ในฐานะประธานกมธ.ต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบผู้นำ 5ประเทศ เพื่อชี้แจงสถาณการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเข้าพบผู้นำในแต่ละประเทศนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะก่อนที่จะมีการขอเข้าพบผู้นำของเขา ทูตในแต่ละประเทศ ต้องเข้าไปทำเรื่องขอณุญาตก่อน จะมาพูดปากเปล่าแล้วเข้าพบเลยมันเป็นไปไม่ได้ การออกมาพูดลอยๆว่าจะเข้าพบผู้นำในแต่ละประเทศแบบนี้ จะทำให้ตัวของรักษาการนายกฯเสียเอง เพราะถือว่าเป็นการเสียมารยาททางการฑูต ยิ่งมาอ้างว่า เป็นการเดินสายชี้แจงว่าไม่มีปัญหาการเมืองในประเทศ ยิ่งเท่ากับเป็นการยอมรับว่า วิกฤตการทางการเมืองเกิดขึ้นจริง
ด้านนายอัษฎา ชัยนาม อดีตเอกอัครราชฑูตไทยประจำองค์การสหประชาชาติ(UN)กล่าวว่า การออกเดินสายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ทางด้านการเมืองของไทย เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น เพราะกระบวนการเหล่านี้เป็นหน้าที่ของทูตที่เขาจะปฏิบัติกันเอง การเดินทางไปหลายประเทศในครั้งนี้ตนมองว่าต้องมีเงื่อนงำอะไรมากกว่าเรื่องการเมือง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของทักษิณ จึงอยากให้ประชาชนจับตาดูพฤติกรรมเช่นนี้ให้ดี ซึ่งตนคิดว่า อีกไม่นานความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องเปิดเผยอย่างแน่นอน
ด้านนายสุรัตน์ โหราชัยกุล อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ มีสถานะเพียงแค่นายกฯรักษาการ ไม่ควรที่จะทำการติดต่อกับผู้นำต่างประเทศ และสถานการณ์ขณะนี้ไม่มีเหตุฉุกเฉิน หรืออยู่ในภาวะสงคราม ถูกประเทศอื่นบุกโจมตีที่จำเป็นจะต้องไปจับมือกับพันธมิตรประเทศต่างๆ
"โดยประเพณีทางการทูตแล้ว คนที่เป็นระดับผู้นำประเทศแล้วต้องมีพิธีการที่ชัดเจนในการพบกัน ไม่ใช่นึกอยากจะชวนไปกินขนมจีนที่ข้างถนนก็ทำ คุณทักษิณทำไปเพราะต้องการให้ผู้นำประเทศอื่นรองรับสถานภาพของตัวเองเท่านั้น เจ้าหน้าที่ทูตของกระทรวงต่างประเทศ จึงไม่รู้ว่าจะใช้รูปแบบอะไรในการขอเข้าพบผู้นำประเทต่างๆ"
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าไปพบในฐานะเพื่อนกันนั้น ก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรจะเอาเรื่องประเทศชาติ กับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน ฉีกทำลายวัฒณธรรมทางการทูต เพื่อผลประโยชน์ของตนเองแบบนี้ และการทำแบบนี้ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง
"อาจจะเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปบอกกับผู้นำเหล่านั้นว่า ถึงแม้ว่าจะเว้นวรรคไปแล้ว แต่ก็ยังชักใยอยู่เบื้องหลังเช่นเดิม ไม่ต้องเป็นห่วง และสิ่งที่ผมไม่เคยทราบมาก่อน คือนายโทนี่ แบลร์ นายกรัฐมนตรี อังกฤษ นายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และนาย ฌาก ชี รัก ประธานาธิบดี ฝรั่งเศส เป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่เมื่อไร ที่บอกว่าจะไปดื่มกาแฟด้วย คนเหล่านี้ไม่เคยบอกว่าเป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจผิดไปหรือเปล่า อาจจะเคยเจอกันบ้างในการประชุม แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกัน "นายสุรัตน์ กล่าว
นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.นครราชสีมา ในฐานะประธานกมธ.ต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบผู้นำ 5ประเทศ เพื่อชี้แจงสถาณการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเข้าพบผู้นำในแต่ละประเทศนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะก่อนที่จะมีการขอเข้าพบผู้นำของเขา ทูตในแต่ละประเทศ ต้องเข้าไปทำเรื่องขอณุญาตก่อน จะมาพูดปากเปล่าแล้วเข้าพบเลยมันเป็นไปไม่ได้ การออกมาพูดลอยๆว่าจะเข้าพบผู้นำในแต่ละประเทศแบบนี้ จะทำให้ตัวของรักษาการนายกฯเสียเอง เพราะถือว่าเป็นการเสียมารยาททางการฑูต ยิ่งมาอ้างว่า เป็นการเดินสายชี้แจงว่าไม่มีปัญหาการเมืองในประเทศ ยิ่งเท่ากับเป็นการยอมรับว่า วิกฤตการทางการเมืองเกิดขึ้นจริง
ด้านนายอัษฎา ชัยนาม อดีตเอกอัครราชฑูตไทยประจำองค์การสหประชาชาติ(UN)กล่าวว่า การออกเดินสายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ทางด้านการเมืองของไทย เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น เพราะกระบวนการเหล่านี้เป็นหน้าที่ของทูตที่เขาจะปฏิบัติกันเอง การเดินทางไปหลายประเทศในครั้งนี้ตนมองว่าต้องมีเงื่อนงำอะไรมากกว่าเรื่องการเมือง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของทักษิณ จึงอยากให้ประชาชนจับตาดูพฤติกรรมเช่นนี้ให้ดี ซึ่งตนคิดว่า อีกไม่นานความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องเปิดเผยอย่างแน่นอน
ด้านนายสุรัตน์ โหราชัยกุล อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้ มีสถานะเพียงแค่นายกฯรักษาการ ไม่ควรที่จะทำการติดต่อกับผู้นำต่างประเทศ และสถานการณ์ขณะนี้ไม่มีเหตุฉุกเฉิน หรืออยู่ในภาวะสงคราม ถูกประเทศอื่นบุกโจมตีที่จำเป็นจะต้องไปจับมือกับพันธมิตรประเทศต่างๆ
"โดยประเพณีทางการทูตแล้ว คนที่เป็นระดับผู้นำประเทศแล้วต้องมีพิธีการที่ชัดเจนในการพบกัน ไม่ใช่นึกอยากจะชวนไปกินขนมจีนที่ข้างถนนก็ทำ คุณทักษิณทำไปเพราะต้องการให้ผู้นำประเทศอื่นรองรับสถานภาพของตัวเองเท่านั้น เจ้าหน้าที่ทูตของกระทรวงต่างประเทศ จึงไม่รู้ว่าจะใช้รูปแบบอะไรในการขอเข้าพบผู้นำประเทต่างๆ"
การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าไปพบในฐานะเพื่อนกันนั้น ก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรจะเอาเรื่องประเทศชาติ กับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน ฉีกทำลายวัฒณธรรมทางการทูต เพื่อผลประโยชน์ของตนเองแบบนี้ และการทำแบบนี้ทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง
"อาจจะเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไปบอกกับผู้นำเหล่านั้นว่า ถึงแม้ว่าจะเว้นวรรคไปแล้ว แต่ก็ยังชักใยอยู่เบื้องหลังเช่นเดิม ไม่ต้องเป็นห่วง และสิ่งที่ผมไม่เคยทราบมาก่อน คือนายโทนี่ แบลร์ นายกรัฐมนตรี อังกฤษ นายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และนาย ฌาก ชี รัก ประธานาธิบดี ฝรั่งเศส เป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่เมื่อไร ที่บอกว่าจะไปดื่มกาแฟด้วย คนเหล่านี้ไม่เคยบอกว่าเป็นเพื่อนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจผิดไปหรือเปล่า อาจจะเคยเจอกันบ้างในการประชุม แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกัน "นายสุรัตน์ กล่าว