xs
xsm
sm
md
lg

"โต้ง"หวังหารือจำลองก่อนช้างลิสต์สิงคโปร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" ยืนยันไม่มีแผนประกาศลาออกในวันเปิดเทรดตลาดอนุพันธ์ 28 เม.ย.นี้ ระบุพร้อมแสดงสปีริตด้วยการลาออกทุกเมื่อ หาก "ไทยเบฟเวอเรจ" เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ เปรยอยากหาโอกาสดื่มกาแฟกับพลตรีจำลอง ศรีเมืองอีกซักครั้ง ด้านบล.ภัทร ที่ปรึกษาฯ เผยไม่สามารถระบุได้ว่าจะขายหุ้นได้เมื่อไหร่

กระแสข่าวการเตรียมประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของนาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง ในวันที่ 28 เมษายน 2549 ซึ่งเป็นวันที่จะมีการเปิดให้บริการให้เป็นแรก เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีที่บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเบียร์ช้าง เตรียมที่จะได้รับอนุมัติที่จะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ หลังจากที่บริษัทได้มีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล หรือ ไฟลิ่ง ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ของประเทศสิงคโปร์ ในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เหตุผลที่บมจ.ไทยเบฟเวอเรจต้องปรับแผนจากระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นของบริษัทจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามคำเชิญของรนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่มองว่าบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ผลการดำเนินงานในอดีตมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมูลค่าตามราคาตลาด หรือ มาร์เกตแคป ที่สูงถึง 2-3 แสนล้านบาททำให้หากสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้จะเพิ่มความน่าสนใจในกับตลาดหุ้นไทยในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่มีแผนประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 28 เม.ย.นี้ซึ่งเป็นวันที่ตลาดอนุพันธ์ จะเปิดให้บริการเป็นวันแรก แต่ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะลาออกตำแหน่งกรรมการและผู้จัดการเพื่อแสดงความรับผิดชอบเนื่องจากเป็นผู้ชักชวนให้บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเบียร์ช้างเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ก็พร้อมจะลาออกทันที
ทั้งนี้ ส่วนตัวหากมีโอกาสที่จะพบกับพลตรีจำลอง ศรีเมือง ประธานกองทัพธรรมมูลนิธิ ก็อยากจะนัดกินการแฟสักครั้ง
"ผมไม่มีแผนที่จะประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 28 เม.ย.ซึ่งเป็นวันเปิดตลาด TFEX ทำการวันแรก แต่ยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะลาออกเมื่อเบียร์ช้างต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์"นายกิตติรัตน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าบมจ.ไทยเบฟเวอเรจได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประเทศสิงคโปร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนในการพิจารณาจะต้องใช้เวลาซักระยะเพื่อพิจารณา โดยส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าจะมีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวเสร็จเมื่อไหร่
นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตเบียร์ช้าง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการนำบมจ.ไทยเบฟเวอเรจเข้าจดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ ว่าขณะนี้บริษัทฯ ได้ยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.สิงคโปร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของทางสิงคโปร์ โดยเชื่อว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกระยะในการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชน
"ไทยเบฟเวอเรจ จะสามารถขายหุ้นให้กับประชาชนได้ทันภายในไตรมาส2/49 หรือไม่ ยังคงไม่สามารถตอบได้เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าก.ล.ต.สิงคโปร์จะใช้เวลาในการพิจารณานานเท่าไหร่"นายสุวิทย์กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ได้ยืนยันความพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่การต่อต้านของกลุ่มผู้คัดค้านธุรกิจน้ำเมาในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้ดำเนินการต่อต้านเพื่อกดดันหน่วยงานที่กำกับดูแลในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานก.ล.ต. จนทำให้หน่วยงานต่างๆไม่พร้อมที่จะสรุปผลในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ กระบวนการพิจารณาของสำนักงานก.ล.ต.ผู้มีอำนาจอนุมัติให้บริษัทสามารถเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปต้องชะงักเมื่อมีการยื่นเรื่องต่อให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้สรุปเกี่ยวกับการออกพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นที่เรียบร้อยก่อน
ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อกระแสการต่อต้านการจดทะเบียนของบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เนื่องจากบริษัทที่มีขนาดใหญ่และมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยบริษัทมียอดขาย 90,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 1% ของ GDP ขณะที่บริษัทจ่ายภาษีให้รัฐเป็นเงิน 50,000 ล้านบาทต่อปี หรือ 5% ของรายได้ภาษีทั้งหมดของรัฐ นอกจากนี้ยังทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสูญเสียมูลค่าตลาดประมาณ 200,000 ล้านบาท รวมถึงรายได้ในธุรกิจหลักทรัพย์อีกประมาณ 500-600 ล้านบาทต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น