ผู้ประกอบการเครื่องสำอางฟันธงภาพรวมปีนี้ตลาดโตไม่เกิน 10% เหตุปัจจัยทางเศรษฐกิจและน้ำมันขึ้นฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคลด “คาเนโบ” เตรียมรุกตลาดหนักขึ้นหลังได้รับแรงหนุนจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น คาดยอดขายสิ้นปีโต 15% ด้านเครื่องสำอาง “อิปซ่า” เน้นทำโปรโมชั่นและจัดกิจกรรม ณ เคาน์เตอร์ รวมถึงเล็งขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม 10%
นางสาวชไมลักษณ์ โชติวาณิชย์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่มากหรือไม่เกิน 10% เนื่องจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้คนไม่ยอมใช้จ่ายเงินมากเท่าที่ควร ดังนั้นแต่ละบริษัทจะต้องมีการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับคืนมา
ส่วนแผนการตลาดของเครื่องสำอางคาเนโบในปีนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งกลุ่มเมคอัพและสกินแคร์ รวมถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่องทุกไตรมาส เนื่องจากได้รับการซับพอร์ตจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมากขึ้นในด้านต่างๆ
พร้อมกันนี้ในปีนี้บริษัทฯมีแผนปรับปรุงภาพลักษณ์เคาน์เตอร์ของคาเนโบใหม่ในระดับเอ สโตร์ ซึ่งมีอยู่ 16 จุดจาก 83 จุดทั่วประเทศ จากเดิมโทนเคาน์เตอร์จะเป็นสีเงินจะปรับไปสู่สีชมพูอ่อนๆหรือเหมือนดอกสีซากุระ รวมถึงการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องนวดหน้า ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 2 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เริ่มทยอยปรับไปบางสาขาแล้ว อาทิ เซ็นทรัล ชิดลม,ดิ เอ็มโพเรียม, สยาม พารากอน และคาดว่าทั้ง 16 เคาน์เตอร์จะสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ครบได้ภายในระยะเวลา 2 ปีนี้
ขณะที่แผนขยายเคาน์เตอร์เพิ่มในปีนี้ยังไม่มีแผน ส่วนสมาชิกของคาเนโบในปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นราย ปีนี้คาดว่าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้น 20%
สำหรับยอดรายได้ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดรายได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วหรือมีอัตราการเติบโตกว่า 10% เนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม Prestige หรือสินค้าระดับสูง และการปรับปรุงเคาน์เตอร์ใหม่ในบางสาขาเช่น ที่เซ็นทรัล ชิดลมปรับไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมทั้งปีนี้บริษัทฯคาดว่ายอดรายได้จะเติบโต 15% จากการเปลี่ยนภาพลักษณ์เคาน์เตอร์ใหม่และเปิดตัวสินค้าใหม่
อิปซ่าเน้นโปรโมชั่นและกิจกรรมที่จุดขาย
นางอตินุช ตันติวิวัฒน์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อิปซ่า บริษัท ชิเซโด้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สิ่งที่หนักใจในปีนี้ คือ เรื่องราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้คนชะลอการใช้จ่ายเงิน และมีการซื้อสินค้าด้วยเหตุผลมากขึ้นทำให้การใช้จ่ายสินค้าต่อหัวลดน้อยลง ซึ่งตรงนี้กระทบต่อทุกธุรกิจ รวมถึงตลาดเครื่องสำอางด้วยแต่ไม่มาก เพราะสินค้าดังกล่าวยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงอยู่
“แผนการตลาดของเครื่องสำอางอิปซ่าในปีนี้จะเน้นการทำโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เคาน์เตอร์ 9 แห่งตามห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัล ลาดพร้าว , เซ็นทรัล ชิดลม และสยามพารากอน เป็นต้น ซึ่งในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนเปิดเคาน์เตอร์เพิ่มแต่อย่างใด แต่จะมีการรีโนเวตและปรับปรุงห้างให้มีความทันสมัยมากขึ้น”
ขณะที่ภาพรวมของผลิตภัณฑ์อิปซ่าในช่วงไตรมาสแรกพบว่ายอดขายยังมีอัตราการเติบโตหรือสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 15% ซึ่งการที่ยอดขายโตเป็นเพราะการที่อิปซ่าได้ทำโปรโมชั่นกับห้างอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำไดเร็คเมล์ไปยังสมาชิกที่มีอยู่กว่า 1,000 ราย ในปีนี้คาดว่าสมาชิกจะมีเพิ่มขึ้นอีก 10%
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเครื่องสำอางอิปซ่าจะเน้นคนทำงานรุ่นใหม่หรืออายุประมาณ 25-35 ปี โดยปัจจุบันเครื่องสำอางอิปซ่ามีสินค้าให้เลือกกว่า 600 รายการ โดยกลุ่มที่ทำรายได้หลัก ได้แก่ กลุ่มบำรุงผิวและเมคอัพ ขณะที่ราคาสินค้าอิปซ่าจะอยู่ที่ 1,000-3,000 บาท ปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดตัวสินค้าทุกเดือนๆละ 1-2 รายการ
นางสาวชไมลักษณ์ โชติวาณิชย์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องสำอางปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่มากหรือไม่เกิน 10% เนื่องจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้คนไม่ยอมใช้จ่ายเงินมากเท่าที่ควร ดังนั้นแต่ละบริษัทจะต้องมีการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้กลับคืนมา
ส่วนแผนการตลาดของเครื่องสำอางคาเนโบในปีนี้บริษัทฯเตรียมรุกตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งกลุ่มเมคอัพและสกินแคร์ รวมถึงการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่องทุกไตรมาส เนื่องจากได้รับการซับพอร์ตจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นมากขึ้นในด้านต่างๆ
พร้อมกันนี้ในปีนี้บริษัทฯมีแผนปรับปรุงภาพลักษณ์เคาน์เตอร์ของคาเนโบใหม่ในระดับเอ สโตร์ ซึ่งมีอยู่ 16 จุดจาก 83 จุดทั่วประเทศ จากเดิมโทนเคาน์เตอร์จะเป็นสีเงินจะปรับไปสู่สีชมพูอ่อนๆหรือเหมือนดอกสีซากุระ รวมถึงการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องนวดหน้า ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 2 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เริ่มทยอยปรับไปบางสาขาแล้ว อาทิ เซ็นทรัล ชิดลม,ดิ เอ็มโพเรียม, สยาม พารากอน และคาดว่าทั้ง 16 เคาน์เตอร์จะสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ครบได้ภายในระยะเวลา 2 ปีนี้
ขณะที่แผนขยายเคาน์เตอร์เพิ่มในปีนี้ยังไม่มีแผน ส่วนสมาชิกของคาเนโบในปัจจุบันมีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นราย ปีนี้คาดว่าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้น 20%
สำหรับยอดรายได้ในช่วง 3 เดือนแรกที่ผ่านมาพบว่ายอดรายได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วหรือมีอัตราการเติบโตกว่า 10% เนื่องจากมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่ม Prestige หรือสินค้าระดับสูง และการปรับปรุงเคาน์เตอร์ใหม่ในบางสาขาเช่น ที่เซ็นทรัล ชิดลมปรับไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมทั้งปีนี้บริษัทฯคาดว่ายอดรายได้จะเติบโต 15% จากการเปลี่ยนภาพลักษณ์เคาน์เตอร์ใหม่และเปิดตัวสินค้าใหม่
อิปซ่าเน้นโปรโมชั่นและกิจกรรมที่จุดขาย
นางอตินุช ตันติวิวัฒน์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อิปซ่า บริษัท ชิเซโด้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สิ่งที่หนักใจในปีนี้ คือ เรื่องราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้คนชะลอการใช้จ่ายเงิน และมีการซื้อสินค้าด้วยเหตุผลมากขึ้นทำให้การใช้จ่ายสินค้าต่อหัวลดน้อยลง ซึ่งตรงนี้กระทบต่อทุกธุรกิจ รวมถึงตลาดเครื่องสำอางด้วยแต่ไม่มาก เพราะสินค้าดังกล่าวยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้หญิงอยู่
“แผนการตลาดของเครื่องสำอางอิปซ่าในปีนี้จะเน้นการทำโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เคาน์เตอร์ 9 แห่งตามห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัล ลาดพร้าว , เซ็นทรัล ชิดลม และสยามพารากอน เป็นต้น ซึ่งในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนเปิดเคาน์เตอร์เพิ่มแต่อย่างใด แต่จะมีการรีโนเวตและปรับปรุงห้างให้มีความทันสมัยมากขึ้น”
ขณะที่ภาพรวมของผลิตภัณฑ์อิปซ่าในช่วงไตรมาสแรกพบว่ายอดขายยังมีอัตราการเติบโตหรือสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 15% ซึ่งการที่ยอดขายโตเป็นเพราะการที่อิปซ่าได้ทำโปรโมชั่นกับห้างอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำไดเร็คเมล์ไปยังสมาชิกที่มีอยู่กว่า 1,000 ราย ในปีนี้คาดว่าสมาชิกจะมีเพิ่มขึ้นอีก 10%
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเครื่องสำอางอิปซ่าจะเน้นคนทำงานรุ่นใหม่หรืออายุประมาณ 25-35 ปี โดยปัจจุบันเครื่องสำอางอิปซ่ามีสินค้าให้เลือกกว่า 600 รายการ โดยกลุ่มที่ทำรายได้หลัก ได้แก่ กลุ่มบำรุงผิวและเมคอัพ ขณะที่ราคาสินค้าอิปซ่าจะอยู่ที่ 1,000-3,000 บาท ปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดตัวสินค้าทุกเดือนๆละ 1-2 รายการ