xs
xsm
sm
md
lg

ไชโย เราชนะแล้ว..

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ผมดีใจมากที่พันธมิตรคือนักศึกษาและแรงงานฝรั่งเศสประท้วงจนรัฐบาลยอมแพ้ จึงอดที่จะเขียนเล่าให้ผู้ที่เชียร์พันธมิตรไทยฟังไม่ได้ จะได้เกิดกำลังใจ ไม่หลงกลถอยให้กับอุบายตื้นๆ ของทักษิณ และพากเพียรต่อไปจนประสบชัยชนะเด็ดขาด

ความจริง ผมตั้งใจจะเพลาการเขียน หลังจากถูกดร.เจิมศักดิ์ กล่อมให้ขึ้นเวทีพันธมิตรที่มัฆวาน ทำให้เกิดลูกติดพันถึง 3 ครั้ง วิญญาณนักเดินขบวนต่อต้านการเลือกตั้งสกปรกปี 2500 เข้าสิง ทำให้แบ่งเวลาและกำหนดลำดับความสำคัญของภารกิจตนเองในฐานะนักวิชาการลำบากขึ้น เกือบจะใจร้อนไปประสานเสียงทักษิณ-ออกไป ทักษิณ-ออกไป กกต.-ออกไป จนลืมคิดให้แตกว่า มีเหตุผลอะไรอีกบ้างที่ทำให้ทักษิณยังไม่ออกไป เหตุผลนั้นอยู่ที่ทักษิณคนเดียวหรือ หรืออยู่ที่มลภาวะการเมืองไทยที่เกิดขึ้นในยุคทักษิณด้วย

และเมื่อทักษิณออกไปจริงๆ แล้ว สังคมไทยจะต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ถอยหลังเข้าคลอง และจัดการกับมลภาวะต่างๆ ได้ผล นึกขอบใจนักศึกษาและแรงงานฝรั่งเศสเป็นอย่างยิ่ง ที่อุตส่าห์สร้างแบบเรียนเป็นข้อเปรียบเทียบกับเมืองไทย อยากให้อดีตนายกฯ ทักษิณ นายกฯ ชิดชัยได้สำเหนียกบทเรียนจากฝรั่งเศส จะทำรู้สึกตัวว่าตนได้บิดเบือนประชาธิปไตยไปอย่างไรบ้าง ทั้งที่เป็นการกระทำและการพูดสมควรจะได้เลิกคิดที่จะกระทำผิดอีกต่อไป

การประท้วงในฝรั่งเศส หลังจากก่อตัวในไม่กี่สัปดาห์ ก็ระเบิดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 4 เมษายนนี้ คราวนี้มีนักศึกษาและแรงงานกว่าล้านคนออกมาสำแดงพลังทั่วประเทศ ที่นครหลวงปารีสประมาณว่ามีเกือบแสนคน กระดูกสันหลังของการประท้วงได้แก่ นักศึกษาจาก 50 ใน 80 กว่ามหาวิทยาลัยของประเทศ สหภาพแรงงาน 8 ใน 10 กว่าสหภาพ รวมทั้งสหภาพครูซึ่งเป็นกำลังสำคัญเหมือนกัน ดูองค์ประกอบแล้วคล้ายๆ กับบ้านเรา ต่างแต่ว่าของเขาหนักแน่นกว่า ส่วนของเราหลากหลาย ผู้เฒ่าผู้แก่ก็มี มหาเศรษฐีก็ไม่น้อย บุคคลอาชีพต่างๆ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนชั้นกลาง ละผู้มีอันจะกินในต่างจังหวัดจำนวนพอสมควร พฤติกรรมในการประท้วงของฝรั่งไม่น่ารักน่าชมเท่ากับของเรา ซึ่งเป็นผู้ดีมีวัฒนธรรมสูงที่สุดในโลก แม้ทหารยังออกปากชม ของฝรั่งเศสมีการปิดถนนขว้างปาขวด และเผาสิ่งกีดขวาง รถยนต์ ฯลฯ แถม ตีกับตำรวจที่ฉีดน้ำและยิงระเบิดน้ำตาใส่ และจับผู้ประท้วงไปกว่า 300 คน

ต้นเหตุของการประท้วงคือความไม่พอใจกฎหมายจ้างแรงงานเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 26 ปี ที่ให้นายจ้างปลดออกได้ง่ายๆ ประธานาธิบดีชีรักลงนามผ่านกฎหมายเมื่อวันอังคารที่แล้ว และจะมีผลบังคับใช้ภายในหนึ่งเดือน นายกรัฐมนตรี Mr.Villepin บอกว่ากฎหมายนี้จะทำให้อุตสาหกรรมฝรั่งเศสแข่งขันกับประเทศในอียูได้ หากไม่นำมาใช้เศรษฐกิจของฝรั่งเศสจะซวดเซเสียเปรียบแน่ๆ แต่คนหนุ่มคนสาวฝรั่งเศสไม่เห็นด้วยอย่างแรง ทำให้นายกรัฐมนตรีซึ่งทำท่าจะได้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคะแนนเสียงตกฮวบ

ในที่สุดเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีก็ประกาศยอมแพ้ ถอนกฎหมายออกไป

Mr.Villepin ออกทีวีกล่าวขอโทษและเสียใจที่เขาไม่สามารถทำให้สังคมฝรั่งเศสเข้าใจกฎหมายฉบับนี้ได้ “บรรยากาศจึงไม่แจ่มใสและความมั่นใจในกฎหมายนี้จึงไม่พอเพียงทั้งในทัศนะของผู้เยาว์ที่จะเป็นลูกจ้างและบริษัทนายจ้าง ข้าพเจ้าจึงต้องรีบตัดสินใจ เพราะคนหนุ่มสาวจำนวนมหาศาลออกมาต่อต้านอย่างหนักหน่วงและร้อนรน”

ไชโย เราชนะแล้ว ที่ฝรั่งเศส

แต่ที่เมืองไทย ได้ยินนายกรัฐมนตรีเอ่ยคำว่าขอโทษเป็นครั้งแรก แต่จำเพาะกับคนไทย 16 ล้านคนเท่านั้น นอกนั้นนายกฯ ไม่เคยทำอะไรผิด ไม่มีอะไรจะต้องขอโทษ และพรรคของท่านซึ่งถือกำเนิดตรงกับวันสถาปนามหาชนรัฐฝรั่งเศสคือ 14 กรกฎาคม ก็ประกาศจะต่อสู้ต่อไปอย่างไม่ลดละ โดยท่านจะถือบังเหียนอยู่ข้างหลัง

ยังไม่มีเสียงไชโยในเมืองไทย เรายังไชโยไม่ได้ที่เมืองไทย มีแต่กระบอกเสียงรัฐบาลเท่านั้นที่ไชโย และผู้ถือหางรัฐบาลไทยยังคงบิดเบือนประชาธิปไตย และข่มขู่ขบวนการประท้วงอยู่ต่อไป ผมจึงอยากเปรียบเทียบกรณีฝรั่งเศสกับของเราให้ดู เพื่อจะได้เข้าใจให้ถูก ดังต่อไปนี้

1. ที่ฝรั่งเศสเขาประท้วงกฎหมายที่ออกมาอย่างถูกต้องโดยสภาตามขั้นตอนของประชาธิปไตย แต่ที่เมืองไทยเราประท้วงการกระทำที่คิดว่าผิดกฎหมายของนายกรัฐมนตรี และการนำกฎหมายต่างๆ มาใช้อย่างผิดๆ ในการยุบสภา ในการจัดการเลือกตั้งโดย กกต. ฯลฯ เพื่อปกป้องและเอาใจนายกรัฐมนตรี

2. การประท้วงที่ฝรั่งเศสและประเทศไทยเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยทั้งคู่ ที่ฝรั่งเศสเผ็ดร้อนรุนแรงและเสียหายมากกว่า ปรากฏแก่สายตาชาวโลกและชาวฝรั่งเศสโดยไม่มีการปิดบัง แต่ของไทย การประท้วงน่ารัก เป็นผู้ดี (ถึงแม้จะมีวาจาหยาบคายบ้างบางคน) บันเทิงและเสียหายน้อยกว่า รัฐบาลพยายามครอบงำจำกัดการเสนอข่าว ต่างจังหวัดไม่ได้ดู ยกเว้นที่อาศัยเคเบิลทีวีเหมือนต่างประเทศซึ่งฮิตมาก คนไทยในต่างประเทศจึงหันมาแอนตี้ทักษิณอย่างเป็นล่ำเป็นสัน รัฐบาลไทยและนายกฯ ชิดชัยกับธรรมรักษ์ระยะหลังๆ ชักทำเสียงขู่ฟ่อๆ รัฐบาลอ้างว่าผู้ประท้วงเป็นกฎหมู่บ้าง ทำลายหรือไม่เข้าใจประชาธิปไตยบ้าง ทำลายการท่องเที่ยวการลงทุนบ้าง ฝรั่งเศสเขาไม่บ่นเรื่องนี้เลยสักคำ

อนึ่ง ความรู้เรื่องประชาธิปไตยนี้ ชัยอนันต์ สมุทวณิช ศาสตราจารย์ทางรัฐศาสตร์และนายกราชบัณฑิต ให้คะแนนนายกฯ ทักษิณ F ผมไม่ทราบว่าสองหนุ่มอีสานชิดชัยกับธรรมรักษ์จะสอบตกเหมือนนายกฯ หรือไม่

3. ที่ฝรั่งเศสเขายกเลิกกฎหมายที่ออกมาโดยสภา ด้วยการรับฟังเสียงคัดค้านของประชาชนนอกสภาที่เห็นว่ากฎหมายนั้นไม่เป็นธรรม เพราะเขาเห็นว่าเสียงประชาชนก็เป็นเสียงประชาธิปไตยเหมือนกัน และมีจำนวนมากพอน่าเชื่อถือ เขาไม่อ้างพล่อยๆ ว่ากฎหมู่ในเมืองไทย กกต.กำลังทำลายกฎหมายอย่างสนุก โดยการตีความแบบพูดเองเออเอง เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ (งานของ) ตนเอง เช่นเดียวกับการลงมติขึ้นเงินเดือนให้ตนเองทั้งๆ ที่ผิดกฎหมาย

4. ที่ฝรั่งเศสไม่มีใครจัดตั้งกลุ่มประท้วงซ้อน ผู้สนับสนุนกฎหมายแรงงานเด็กไม่มีใครออกมาคัดค้านการประท้วง ปล่อยให้ผู้คัดค้านต่อต้านตามสบายฝ่ายเดียว รัฐบาลไม่โกหก-ปกปิด-บิดเบือน หรือครอบงำจำกัดการออกข่าวของสื่อทุกประเภท รัฐบาลของเรามีลูกกระเป๋งนายกฯ ที่จบฝรั่งเศสหลายคนจะเอาตัวอย่างดีๆ ของเขาก็เปล่า ที่เมืองไทยมีกลุ่มคาราวานคนจนที่ทะลึ่งมาสอนประชาธิปไตยคนเมืองหลวง มาใช้กำลังข่มขู่สื่อ มีกลุ่มมอเตอร์ไซค์จรยุทธ์ มีกลุ่มเชียงใหม่รักนายกฯ ชกประชาธิปัตย์ กลุ่มเหล่านี้ได้รับความกรุณาจากตำรวจชิดชัยและทักษิณ ทักษิณบอกว่าไม่สบายใจ แต่ไม่รู้จะห้ามอย่างไร เพราะเขารักนายกฯ โดยบริสุทธิ์ใจ เลยเกลียดคนอื่นที่ด่านายกฯ

5. ที่ฝรั่งเศสทั้งนายกฯ และประธานาธิบดีไม่มีใครออกมาปรามาสว่าผู้ประท้วงโง่ เป็นกุ๊ย ไม่เข้าใจประชาธิปไตย ไม่เข้าใจโลกาภิวัตน์ เป็นผู้เสียประโยชน์ ให้เท่าไรไม่รู้จักพอ แต่ที่เมืองไทยมี ซ้ำนายกฯ ยังออกมาแสดงความห่วงใย เกรงพวกประท้วงและชนชั้นกลางในเมืองจะดูถูกว่าชาวชนบทรากหญ้าที่เป็นแฟนนายกฯ โง่ เพราะแท้ที่จริงเขาฉลาด ผมเองเห็นด้วยกับนายกฯ ว่าชาวชนบทไม่โง่ แต่เขามิได้รับข้อมูลในระดับเดียวกับคนในกรุง หากเขาได้ดูทีวีและอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์เหมือนคนในเมือง ผมเชื่อแน่ว่าจะมีโนโหวตท่วมท้นจากชนบท ยังมีมากที่จะเปรียบเทียบกันต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมว่าแค่นี้พอแล้ว

เร็วๆ นี้ประธานาธิบดีชีรักเพิ่งมาเป็นแขกของรัฐบาล ตามคำบอกเล่าของกองเชียร์ ท่านนายกฯ ก็ผูกมิตรกับเขาจนอยู่หมัดแล้ว เพราะฉะนั้น อยากรู้อะไรเพิ่มเติมให้ถามโฆษกรัฐบาล

บังเอิญเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หนุ่มนักอุดมคติที่เพิ่งลาออกจากพรรคไทยลักไทยได้ไม่นาน มาเยี่ยมและเอาของมาฝาก 2 อย่าง คือแผนผังการพัฒนาพรรคไทยลักไทยเขียนโดยภูมิธรรม และจดทะเบียนสงวนลิขสิทธิ์โดยใครชื่ออ่านไม่ออก กับหนังสือของท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) เรื่อง “ธรรมาธิปไตยไม่มา จึงหาประชาธิปไตยไม่เจอ”

หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ผมเข้าใจว่าธรรมาธิปไตยมันหายจากผู้ปกครองประเทศไทยไปโผล่ขึ้นที่ฝรั่งเศสได้อย่างไร ทำไมจะไม่ได้ เพราะทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของเขากล้าสลัด “อัตตาธิปไตย” ไม่ติดยึดยอมตายกับโลกาธิปไตยอันเป็นต้นเหตุแห่งกฎหมายแรงงานฉบับใหม่ และประชาธิปไตยอันเป็นที่มาของกฎหมายฉบับนั้น หันมาอ่อนน้อมฟังเสียงของประชาชน แม้จะเป็นผู้เยาว์และแรงงานก็ไม่ดูถูกเหยียดหยามกัน ยอมยกเลิกกฎหมายเพื่อจรรโลงสามัคคีและจริยธรรม เพื่อช่วยรักษาประชาธิปไตยและสันติสุขไว้ให้บ้านเมือง

หันกลับมาดูบ้านเราบ้าง เสียงที่ผมได้ยินกลบหูจากบรรดาผู้นำไทยล้วนแต่เป็นเสียงแห่งอัตตาธิปไตยทั้งสิ้น ทุกคนบอกว่ายอมตายเพื่อประชาธิปไตย ยอมตายเพื่อการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย และประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง โดยละข้อความในวงเล็บไว้ว่า ของทักษิณ พรรคไทยลักไทย และเหล่าบริวารที่ตามน้ำ ตามอย่าง ตามพึ่งทั้งหลาย

ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์บอกว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่ทั้งราษฎร และผู้ปกครองประเทศยึดประชาธิปไตยเป็นสรณะ โดยไม่มีธรรมาธิปไตยสักนิด ผมจึงเอาเรื่องนี้มาคิดถึง กกต.ทั้ง 4 ท่าน กับคน 500 ของบริษัทไทยลักไทยเป็นพิเศษ

ท่านเจ้าคุณเทศน์โปรดสัตว์ว่าดังนี้

“ถ้ามีธรรมาธิปไตยตัวเดียวก็อยู่เลย พอถึงตอนเลือกตั้ง ก็แค่ราษฎรตัดสินใจด้วยธรรมาธิปไตยเท่านั้นแหละ แผ่นดินก็พลิกเลย ประชาธิปไตยตัวจริงก็เผยโฉมหน้าขึ้นมาเลย”

“แต่นี่ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ก็ยังทำไม่ได้แม้แต่ขั้นพื้นฐาน แค่การเลือกตั้งก็วนเวียนกันอยู่ที่อัตตาธิปไตยกับโลกาธิปไตย แล้วจะเจอหน้าประชาธิปไตยได้อย่างไร”

สาธุ ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะโห่ร้อง ไชโย เราชนะแล้ว ไปกับประชาธิปไตยระบบทักษิณ
กำลังโหลดความคิดเห็น