กกต.เล่นงานได้แค่พรรคเล็ก สั่งฟันหัวหน้าพรรคยันคนรับจ้างสมัครของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ฐานรู้ว่าไม่มีสิทธิสมัครแต่ยังฝืน แต่ไม่มีปัญญาหาพยานหลักฐานสาวไปให้ถึงพรรคใหญ่อยู่เบื้องหลัง ขณะที่ประกาศรับรองผล 209 เขต และเตรียทำหนังสือชี้แจง แก้ข้อกล่าวหาปชป.
วานนี้ (12 เม.ย.)นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร กรรมการบริหารพรรคประธิปัตย์ และอดีต ส.ส.มหาสารคาม เขต 3 เข้าได้ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต.เพื่อขอให้สอบสวนกรณีบัตรเลือกตั้งเกิน หรือบัตรผี จำนวน 648 บัตร ในการเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต ในเขต 3 จ.มหาสารคาม
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ในเขต 3 จ.มหาสารคาม พบว่า ส่อมีการทุจริตในการนับคะแนน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยตามประกาศคณะกรรมการเลือกตั้งในเขต 3 เรื่องผลการนับคะแนนปรากฏว่า มีบัตรดี 47,205 ฉบับ บัตรเสีย 10,919 ฉบับ บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 12,374 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 71,098 ฉบับ ซึ่งมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ลงคะแนน 69,850 ฉบับ อยู่จำนวน 648 ฉบับ ส่อพิรุธว่า จะมีบัตรผียัดใส่หีบเลือกตั้งเกินมา 648 ฉบับ ดังนั้น จึงขอให้กกต.ได้พิจารณาสอบสวนกรณีบัตรที่เกินมาด้วย
นายยุทธ์พงศ์ ได้แจ้งต่อประธาน กกต.ด้วยว่า มีบิ๊กใน กกต.เขต 3 มีความใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่ในพรรคไทยรักไทย ซึ่งถ้ากกต.ต้องการให้การเลือกตั้งส.ว.ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 19 เม.ย.มีความสุจริตเที่ยงธรรม ก็ขอให้มีการสอบสวนโดยด่วน
ขณะที่ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต.แถลงว่า ที่ประชุมกกต.มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.จำนวน 210 เขตเลือกตั้งใน 45 จังหวัด จากทั้งหมด 400 เขต เนื่องจากไม่มีเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 74 ,75 ของพ.ร.บ.เลือกตั้ง ทั้งนี้ยังคงเหลือเขตเลือกตั้งที่ยังไม่ประกาศอีกจำนวน 150 เขต และ เขตเลือกตั้งที่กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 23 เม.ย.อีก 40 เขต
อย่างไรก็ตาม หลังการแถลงข่าวเมื่อ กกต.ทราบว่า เขต 3 มหาสารคาม นายยุทธพงศ์ มาร้องเรียน ก็ได้มีการแจ้งผู้สื่อข่าวว่า ขอถอนการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ในเขตดังกล่าวที่ นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร พรรคไทยรักไทย ได้รับเลือกตั้ง ทำให้มีเขตที่ได้รับรองผลแล้ว 209 เขต
นอกจากนี้ พล.ต.ต.เอกชัย ยังแถลงว่า จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ เคยร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบการจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งใน จ.ตรัง โดยได้พาผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคมาดำเนินการสมัครเป็นสมาชิกพรรค ที่โรงแรมในกรุงเทพฯ และมีการแก้ไขฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อให้มีคุณสมบัติครบถ้วนในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสืบสวนสอบสวนแล้ว และได้มีการนำเสนอรายงานให้กับ กกต.พิจารณา โดยสรุปข้อเท็จจริงว่า นางหนก กี่สุ้น ได้นำน.ส.นิภา จันโพธิ์ นางรัชนู ต่างสี และ นายสุวิทย์ อบอุ่น ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ที่โรงแรม ลิเบอร์ตี้ กรุงเทพ โดยมี น.ส.อิสรา ยวงประสิทธิ์ หัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกพรรคให้แก่ผู้สมัคร
จากนั้นนางหยก จึงได้พาผู้สมัครทั้ง 3 คน กลับไปยัง จ.ตรัง และในวันรุ่งขึ้น นายทักษนัย กี่สุ้น สามีนางหยก ได้นำทั้ง 3 คนไปสมัครส.ส.เขต 1,2,และ 4 จ.ตรัง พร้อมทั้งจ่ายเงินค่าสมัครให้ด้วย ซึ่งผลการสอบสวนดังกล่าว กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญา แก่ น.ส.นิภา นางรัชนู และนายสุวิทย์ เนื่องจากกระทำความผิดตาม มาตรา 100 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. คือ ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิลงสมัคร และจะให้ดำเนินคดีอาญาฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ
ส่วนนายทักษนัย และ นางหยก ให้ดำเนินคดีอาญา ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนและเป็นตัวการร่วม ให้บุคคลทั้ง 3 กระทำความผิดตามมาตรา 137 และ267 ประกอบมาตรา 83 หรือ 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ขณะที่ น.ส.อิสรา หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า กกต.เห็นว่าการออกหนังสือรับรองอันเป็นเท็จ ให้แก่ผู้สมัครทั้ง 3 คน นำไปใช้เป็นหลักฐานในการสมัครนั้น เป็นการกระทำอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 66(2) (3) ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง จึงให้แจ้งต่ออัยการสูงสุดพิจารณายื่นคำร้อง พร้อมหลักฐานให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พร้อมกับให้ดำเนินคดีอาญาในฐานะเป็นผู้สนับสนุน เป็นตัวการร่วม ให้ผู้สมัครทั้ง 3 ได้กระทำความผิด
พล.ต.ต.เอกชัย ยังกล่าวอีกว่า การสอบสวนดังกล่าวไม่มีพยานที่จะโยงไปถึงว่า มีพรรคการเมืองใหญ่จ้างให้ น.ส.อิสรา กระทำการดังกล่าว เพราะ กกต.ได้ทำหนังสือให้มาชี้แจงถึง 2 ครั้ง ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ และ กกต.ก็ไม่มีอำนาจเหมือนพนักงานสอบสวนที่เมื่อเรียกมาแล้วไม่มาก็ออกหมายจับได้ อีกทั้งกกต.ไม่มีเวลา แต่คิดว่า ผลสรุปที่อกมาเพียงพอที่จะสามารถให้ดำเนินคดีได้ โดยการสอบสวนในชั้นนี้ก็ไม่ได้ปกปิดอะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็สามารถที่จะไปสืบสวนต่อในประเด็นอื่นได้ เช่น นายทักษนัย เกี่ยวข้องกับ น.ส.อิสรา อย่างไร ทั้งนี้ในการสอบพยานมา 3 ปาก ก็ไม่ยืนยันว่ามีนักการเมือง หรือ เสธ.ทหาร เข้ามาเกี่ยวข้อง มีแต่พูดพาดพิงถึง"เจ๋ง ดอกจิก" แต่ก็ไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจน
อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ร้องให้ กกต.สืบสวนเรื่องการแก้ไขฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคเล็กในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งในเรื่องดังกล่าว หลังจา กกต.ให้คณะอุกรรมการไปสอบพยานเพิ่มเติมและให้รายงานต่อที่ประชุมแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการพิจารณา คาดว่า กกต.จะพิจารณาในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ในกรณีการตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งใน 39 เขต 16 จังหวัด และทำให้เขตเลือกตั้งที่เหลือผู้สมัครพรรคไทยรักไทยเพียงคนเดียว มีถึง 16 เขตนั้น ยังไม่ถือเป็นข้อยุติ เนื่องจากขณะนี้ผู้สมัครหลายคนใน 39 เขตเลือกตั้งที่ถูกกกต.จังหวัดไม่ประกาศเป็นผู้สมัครนั้นอยู่ระหว่างการร้องต่อศาลฏีกา เพราะฉะนั้นก็จะต้องรอฟังว่าศาลจะตัดสินว่าอย่างไร หากศาลตัดสินว่า ไม่มีสิทธิเป็นผู้สมัครก็จะทำให้ทรท.มี 1 คน ต่อ1 เขต จำนวน 16 เขต แต่หากศาลพิจารณาว่าสามารถทำได้ตามที่กกต.มีหนังสือเวียนออกไป ก็จะทำให้จำนวนเขตเดียวคนเดียวลดลง
พล.ต.ต.เอกชัย ยังกล่าว ถึงเรื่องแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่ายังไม่เห็นตัวแถลงการณ์ จึงไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรบาง ซึ่งในเรื่องนี้ กกต.จะทำหนังสือชี้แจงต่อพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป โดยขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายดูแลแถลงการณ์อยู่ เพื่อจะได้ตอบกลับไป
เมื่อถามว่ากกต.คิดว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทต่อสาธารณะหรือไม่ และจะแถลงชี้แจงประชาชนหรือไม่ เลขาธิการกกต.กล่าวว่า ไม่อยากคิด แต่เราก็จะทำหนังสือชี้แจงต่อปชป.ซึ่งก็เท่ากับเป็นการชี้แจงกับประชาชนด้วยเหมือนกัน
ด้านพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ไม่อยากพูดอะไรอีก เหมือนต่อความยาว เพราะมติที่ออกมา กกต.ยืนยันว่าทำทุกอย่างตามขั้นตอนมีกฎหมายรองรับไม่ได้เอาใจใครหรือเอื้อต่อใครอย่างที่กล่าวหา กรณีการเปิดรับสมัครใหม่ กกต.ทำตามอำนาจที่กกต.มีและการที่ผู้สมัครย้ายเขตสมัครใหม่ก็ไม่ผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.เพราะตาม มาตรา 108 และ หรือ 109 ก็ไม่ได้ห้ามไว้ และในเรื่องนี้เมื่อมีหนังสือถามจากผู้อำนวยการเลือกตั้งจังหวัดเข้ามากกต.ก็ได้มีหนังสือตอบออกไป ซึ่งในหนังสือก็บอกแต่เพียงว่า ผู้สมัครสามารถทำได้ แต่หนังสือดังกล่าวก็ไม่ไปลดอำนาจการใช้ดุลพินิจของผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัด(ผอ.กต.จังหวัด)
"ผมไม่พูดแล้ว พูดมามากแล้ว ถ้าเห็นว่ากกต.ผิดก็ฟ้องกันไปเลย เชิญฟ้องได้ทั้งแพ่ง หรืออาญา จะเอาอะไรก็เอา จะทำอะไรก็เชิญ"พล.ต.อ.วาสนา กล่าว
วานนี้ (12 เม.ย.)นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร กรรมการบริหารพรรคประธิปัตย์ และอดีต ส.ส.มหาสารคาม เขต 3 เข้าได้ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานกกต.เพื่อขอให้สอบสวนกรณีบัตรเลือกตั้งเกิน หรือบัตรผี จำนวน 648 บัตร ในการเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต ในเขต 3 จ.มหาสารคาม
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ในเขต 3 จ.มหาสารคาม พบว่า ส่อมีการทุจริตในการนับคะแนน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยตามประกาศคณะกรรมการเลือกตั้งในเขต 3 เรื่องผลการนับคะแนนปรากฏว่า มีบัตรดี 47,205 ฉบับ บัตรเสีย 10,919 ฉบับ บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 12,374 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 71,098 ฉบับ ซึ่งมากกว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ลงคะแนน 69,850 ฉบับ อยู่จำนวน 648 ฉบับ ส่อพิรุธว่า จะมีบัตรผียัดใส่หีบเลือกตั้งเกินมา 648 ฉบับ ดังนั้น จึงขอให้กกต.ได้พิจารณาสอบสวนกรณีบัตรที่เกินมาด้วย
นายยุทธ์พงศ์ ได้แจ้งต่อประธาน กกต.ด้วยว่า มีบิ๊กใน กกต.เขต 3 มีความใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่ในพรรคไทยรักไทย ซึ่งถ้ากกต.ต้องการให้การเลือกตั้งส.ว.ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 19 เม.ย.มีความสุจริตเที่ยงธรรม ก็ขอให้มีการสอบสวนโดยด่วน
ขณะที่ พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการ กกต.แถลงว่า ที่ประชุมกกต.มีมติประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.จำนวน 210 เขตเลือกตั้งใน 45 จังหวัด จากทั้งหมด 400 เขต เนื่องจากไม่มีเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 74 ,75 ของพ.ร.บ.เลือกตั้ง ทั้งนี้ยังคงเหลือเขตเลือกตั้งที่ยังไม่ประกาศอีกจำนวน 150 เขต และ เขตเลือกตั้งที่กกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 23 เม.ย.อีก 40 เขต
อย่างไรก็ตาม หลังการแถลงข่าวเมื่อ กกต.ทราบว่า เขต 3 มหาสารคาม นายยุทธพงศ์ มาร้องเรียน ก็ได้มีการแจ้งผู้สื่อข่าวว่า ขอถอนการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ในเขตดังกล่าวที่ นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร พรรคไทยรักไทย ได้รับเลือกตั้ง ทำให้มีเขตที่ได้รับรองผลแล้ว 209 เขต
นอกจากนี้ พล.ต.ต.เอกชัย ยังแถลงว่า จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ เคยร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบการจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็ก ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งใน จ.ตรัง โดยได้พาผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคมาดำเนินการสมัครเป็นสมาชิกพรรค ที่โรงแรมในกรุงเทพฯ และมีการแก้ไขฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรค เพื่อให้มีคุณสมบัติครบถ้วนในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสืบสวนสอบสวนแล้ว และได้มีการนำเสนอรายงานให้กับ กกต.พิจารณา โดยสรุปข้อเท็จจริงว่า นางหนก กี่สุ้น ได้นำน.ส.นิภา จันโพธิ์ นางรัชนู ต่างสี และ นายสุวิทย์ อบอุ่น ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ที่โรงแรม ลิเบอร์ตี้ กรุงเทพ โดยมี น.ส.อิสรา ยวงประสิทธิ์ หัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกพรรคให้แก่ผู้สมัคร
จากนั้นนางหยก จึงได้พาผู้สมัครทั้ง 3 คน กลับไปยัง จ.ตรัง และในวันรุ่งขึ้น นายทักษนัย กี่สุ้น สามีนางหยก ได้นำทั้ง 3 คนไปสมัครส.ส.เขต 1,2,และ 4 จ.ตรัง พร้อมทั้งจ่ายเงินค่าสมัครให้ด้วย ซึ่งผลการสอบสวนดังกล่าว กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญา แก่ น.ส.นิภา นางรัชนู และนายสุวิทย์ เนื่องจากกระทำความผิดตาม มาตรา 100 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. คือ ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิลงสมัคร และจะให้ดำเนินคดีอาญาฐานแจ้งความอันเป็นเท็จ และแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ
ส่วนนายทักษนัย และ นางหยก ให้ดำเนินคดีอาญา ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนและเป็นตัวการร่วม ให้บุคคลทั้ง 3 กระทำความผิดตามมาตรา 137 และ267 ประกอบมาตรา 83 หรือ 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ขณะที่ น.ส.อิสรา หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า กกต.เห็นว่าการออกหนังสือรับรองอันเป็นเท็จ ให้แก่ผู้สมัครทั้ง 3 คน นำไปใช้เป็นหลักฐานในการสมัครนั้น เป็นการกระทำอันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือขัดต่อกฎหมาย หรือความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 66(2) (3) ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง จึงให้แจ้งต่ออัยการสูงสุดพิจารณายื่นคำร้อง พร้อมหลักฐานให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พร้อมกับให้ดำเนินคดีอาญาในฐานะเป็นผู้สนับสนุน เป็นตัวการร่วม ให้ผู้สมัครทั้ง 3 ได้กระทำความผิด
พล.ต.ต.เอกชัย ยังกล่าวอีกว่า การสอบสวนดังกล่าวไม่มีพยานที่จะโยงไปถึงว่า มีพรรคการเมืองใหญ่จ้างให้ น.ส.อิสรา กระทำการดังกล่าว เพราะ กกต.ได้ทำหนังสือให้มาชี้แจงถึง 2 ครั้ง ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ และ กกต.ก็ไม่มีอำนาจเหมือนพนักงานสอบสวนที่เมื่อเรียกมาแล้วไม่มาก็ออกหมายจับได้ อีกทั้งกกต.ไม่มีเวลา แต่คิดว่า ผลสรุปที่อกมาเพียงพอที่จะสามารถให้ดำเนินคดีได้ โดยการสอบสวนในชั้นนี้ก็ไม่ได้ปกปิดอะไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็สามารถที่จะไปสืบสวนต่อในประเด็นอื่นได้ เช่น นายทักษนัย เกี่ยวข้องกับ น.ส.อิสรา อย่างไร ทั้งนี้ในการสอบพยานมา 3 ปาก ก็ไม่ยืนยันว่ามีนักการเมือง หรือ เสธ.ทหาร เข้ามาเกี่ยวข้อง มีแต่พูดพาดพิงถึง"เจ๋ง ดอกจิก" แต่ก็ไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจน
อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ร้องให้ กกต.สืบสวนเรื่องการแก้ไขฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ที่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคเล็กในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งในเรื่องดังกล่าว หลังจา กกต.ให้คณะอุกรรมการไปสอบพยานเพิ่มเติมและให้รายงานต่อที่ประชุมแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีการพิจารณา คาดว่า กกต.จะพิจารณาในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ในกรณีการตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งใน 39 เขต 16 จังหวัด และทำให้เขตเลือกตั้งที่เหลือผู้สมัครพรรคไทยรักไทยเพียงคนเดียว มีถึง 16 เขตนั้น ยังไม่ถือเป็นข้อยุติ เนื่องจากขณะนี้ผู้สมัครหลายคนใน 39 เขตเลือกตั้งที่ถูกกกต.จังหวัดไม่ประกาศเป็นผู้สมัครนั้นอยู่ระหว่างการร้องต่อศาลฏีกา เพราะฉะนั้นก็จะต้องรอฟังว่าศาลจะตัดสินว่าอย่างไร หากศาลตัดสินว่า ไม่มีสิทธิเป็นผู้สมัครก็จะทำให้ทรท.มี 1 คน ต่อ1 เขต จำนวน 16 เขต แต่หากศาลพิจารณาว่าสามารถทำได้ตามที่กกต.มีหนังสือเวียนออกไป ก็จะทำให้จำนวนเขตเดียวคนเดียวลดลง
พล.ต.ต.เอกชัย ยังกล่าว ถึงเรื่องแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่ายังไม่เห็นตัวแถลงการณ์ จึงไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรบาง ซึ่งในเรื่องนี้ กกต.จะทำหนังสือชี้แจงต่อพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป โดยขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายดูแลแถลงการณ์อยู่ เพื่อจะได้ตอบกลับไป
เมื่อถามว่ากกต.คิดว่าแถลงการณ์ดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาทต่อสาธารณะหรือไม่ และจะแถลงชี้แจงประชาชนหรือไม่ เลขาธิการกกต.กล่าวว่า ไม่อยากคิด แต่เราก็จะทำหนังสือชี้แจงต่อปชป.ซึ่งก็เท่ากับเป็นการชี้แจงกับประชาชนด้วยเหมือนกัน
ด้านพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ไม่อยากพูดอะไรอีก เหมือนต่อความยาว เพราะมติที่ออกมา กกต.ยืนยันว่าทำทุกอย่างตามขั้นตอนมีกฎหมายรองรับไม่ได้เอาใจใครหรือเอื้อต่อใครอย่างที่กล่าวหา กรณีการเปิดรับสมัครใหม่ กกต.ทำตามอำนาจที่กกต.มีและการที่ผู้สมัครย้ายเขตสมัครใหม่ก็ไม่ผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.เพราะตาม มาตรา 108 และ หรือ 109 ก็ไม่ได้ห้ามไว้ และในเรื่องนี้เมื่อมีหนังสือถามจากผู้อำนวยการเลือกตั้งจังหวัดเข้ามากกต.ก็ได้มีหนังสือตอบออกไป ซึ่งในหนังสือก็บอกแต่เพียงว่า ผู้สมัครสามารถทำได้ แต่หนังสือดังกล่าวก็ไม่ไปลดอำนาจการใช้ดุลพินิจของผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัด(ผอ.กต.จังหวัด)
"ผมไม่พูดแล้ว พูดมามากแล้ว ถ้าเห็นว่ากกต.ผิดก็ฟ้องกันไปเลย เชิญฟ้องได้ทั้งแพ่ง หรืออาญา จะเอาอะไรก็เอา จะทำอะไรก็เชิญ"พล.ต.อ.วาสนา กล่าว