ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย เป็นพระราชมรดกของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงสร้างไว้ให้กับประเทศไทยของเรา
เป็นธนาคารที่ตั้งขึ้นโดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เดิมชื่อว่าธนาคารสยามกัมมาจล ต่อมาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
พระพุทธเจ้าหลวงทรงตั้งธนาคารแห่งนี้โดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นแหล่งให้บริการทางการเงินแก่อาณาประชาราษฎรของพระองค์ ใครมีเงินฝากก็ฝากได้ ใครต้องการใช้เงินลงทุนหรือแก้ไขความเดือดร้อนก็มากู้ยืมได้
ธนาคารแห่งนี้จึงต้องเป็นของประเทศไทย อีกนัยหนึ่งก็คือต้องเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อประเทศไทยและประชาชนไทย
ในวาระเริ่มแรกที่มีการจัดตั้งธนาคารนี้ พระพุทธเจ้าหลวงทรงวางหลักใหญ่ไว้สามประการ คือ ผู้ถือหุ้นต้องเป็นคนไทย กรรมการต้องเป็นคนไทย และต้องเป็นธนาคารที่ให้บริการกับคนไทยเพื่อพัฒนาชาติและแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน
เป็นธนาคารแห่งเดียวที่เรียกคณะกรรมการว่าสภากรรมการ และเรียกประธานกรรมการว่านายกกรรมการ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือนายกสภากรรมการ
แต่ต่อมาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในธนาคารแห่งนี้ โดยนักการเงินที่เบื้องหน้าทำทีเป็นมืออาชีพ แต่เบื้องหลังก็คือทรชนที่ยอมตัวขายตนให้เงินทอง ไม่คิดถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของสถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชนไทย
การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นในสมัยที่นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ต่อเนื่องมาถึงสมัยของนายโอฬาร ไชยประวัติ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้
ธนาคารแห่งนี้ก็เปลี่ยนสีแปรธาตุไปเป็นกลไกของระบอบทักษิณ เป็นข้าทาสบริวารของสิงคโปร์ รับใช้ประโยชน์ของสิงคโปร์ และเป็นกลไกทำงานให้กับระบอบทักษิณและสิงคโปร์อย่างไม่แยแสต่อประชาชนไทย
โดยไม่แยแสต่อพระบรมราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระมหาราชผู้สถาปนาธนาคารแห่งนี้
ข้อบังคับของธนาคารที่ตราขึ้นโดยพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณายาสิทธิราชที่ห้ามผู้ถือหุ้นต่างชาติ ห้ามต่างชาติเป็นกรรมการ ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขอย่างเงียบๆ
เป็นการแก้ไขที่เป็นโมฆะและไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะข้อบังคับของธนาคารที่ตั้งขึ้นโดยพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณายาสิทธิราชเป็นกฎหมาย
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขก็ต้องทำโดยกฎหมาย ไม่ใช่ทำโดยวิธีการไปจดทะเบียนแบบนิติบุคคลทั่วไป แต่มันก็ทำกันไปแล้ว
ธนาคารแห่งนี้ถูกปู้ยี้ปู้ยำจนมีปัญหาต้องเพิ่มทุนหลายครั้งหลายหนโดยผู้คนซึ่งเป็นข้าทาสบริวารที่ไม่สำนึกในบุญคุณของพระเจ้าแผ่นดินและประชาชนไทย
นายโอฬาร ไชยประวัติ คือกรรมการผู้จัดการใหญ่ในช่วงที่มีการลดค่าเงินบาท และขณะนั้นก็เป็นนายกสมาคมธนาคารไทยด้วย นายคนนี้เป็นผู้เสนอจูงใจและผลักดันโดยอาศัยฐานะอันน่าเชื่อถือนี้ว่าเงินบาทยังอ่อนอยู่ ต้องแข็งกว่านี้
ทำให้รัฐบาลขณะนั้นต่อสู้ป้องกันค่าเงินบาทอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็มีกลุ่มผู้ปล้นค่าเงินบาทแอบทำมาหากินกันเป็นขบวน แล้วได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากความพินาศย่อยยับของประเทศไทยและคนไทย
หลังจากนั้นกลุ่มคนเหล่านี้ก็ผันตัวเองเข้าไปอยู่ในร่มเงาของอาณาจักรชินคอร์ป
ดูบทบาทของนายโอฬาร ไชยประวัติ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแปรรูป กฟผ. การบริหารการบินไทย การบริหาร ปตท. และอีกหลายกิจการ ก็ย่อมเห็นได้ถึงความเป็นวงในของเครือข่ายทรราช
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ก็คือตัวแทนนายหน้าใหญ่ของสิงคโปร์ที่เข้ามาเป็นประธานกรรมการบริหารธนาคารแห่งนี้ และได้รับการตอบแทนเป็นตำแหน่งมากมายในระบอบทักษิณ
ล่าสุดทั้งนายวิชิต สุรพงษ์ชัย และนายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ได้สร้างผลงานให้กับการบินไทยจนพนักงานทนไม่ไหวต้องออกมาขับไล่หนีกระเจิดกระเจิง ย่อมเป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ถึงธาตุแท้ของพวกเขาภายใต้เสื้อคลุมวิญญูชน
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ซึ่งมีภาพเบื้องหน้าเป็นวิญญูชนอีกคนหนึ่งก็กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ในฐานะที่เป็นผู้จัดการใหญ่ของธนาคารแห่งนี้
พฤติกรรมของธนาคารไทยพาณิชย์ในขณะนี้คือการยอมตัวเป็นสมุนบริวารของสิงคโปร์และระบอบทักษิณ
พฤติกรรมปล่อยกู้ให้กลุ่มแกรมมี่เพื่อยึดมติชนได้เปิดเผยธาตุแท้ที่ทรยศต่อพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 5 อย่างชัดเจน
พฤติกรรมปล่อยกู้ให้บริษัทร่างทรงของเทมาเส็ก 2 บริษัทเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นชินคอร์ปก็ได้เปิดเผยธาตุแท้ที่ทรยศต่อพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 5 อย่างชัดเจน
ในวันนี้พวกเขากำลังเตรียมแผนการให้สิงคโปร์ยึดครองธนาคารแห่งนี้เต็มรูปแบบ
พวกเขากำลังออกหุ้นกู้จำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของธนาคารและประเทศไทย เป็นจำนวนถึง 150,000 ล้านบาท เพื่อให้วันหนึ่งสิงคโปร์จะได้แปรหุ้นกู้นี้มาเป็นหุ้นใหญ่ของธนาคารและเป็นเจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์อย่างสมบูรณ์
เป็นการปล้นธนาคารไทยพาณิชย์จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และประชาชนไทย
เขาออกหุ้นกู้ 150,000 ล้านบาทไปทำอะไร? แน่นอนว่าเพื่อปู้ยี้ปู้ยำธนาคารแห่งนี้ และเอื้อประโยชน์ให้แก่ระบอบทักษิณ และสมุนบริวารต่อไป ทั้งเป็นการเปิดทางให้สิงคโปร์ยึดธนาคารนี้ไปจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั่นเอง
จงร่วมกันประณามแผนการอุบาทว์นี้โดยทั่วกัน! และต้องหาทางทุกทางที่จะขัดขวางการปล้นครั้งนี้ให้สำเร็จด้วย
ต้องหยุดการออกหุ้นกู้และต้องขับไล่สมุนทรราชในไทยพาณิชย์ออกไป!
เป็นธนาคารที่ตั้งขึ้นโดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เดิมชื่อว่าธนาคารสยามกัมมาจล ต่อมาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
พระพุทธเจ้าหลวงทรงตั้งธนาคารแห่งนี้โดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นแหล่งให้บริการทางการเงินแก่อาณาประชาราษฎรของพระองค์ ใครมีเงินฝากก็ฝากได้ ใครต้องการใช้เงินลงทุนหรือแก้ไขความเดือดร้อนก็มากู้ยืมได้
ธนาคารแห่งนี้จึงต้องเป็นของประเทศไทย อีกนัยหนึ่งก็คือต้องเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพื่อประเทศไทยและประชาชนไทย
ในวาระเริ่มแรกที่มีการจัดตั้งธนาคารนี้ พระพุทธเจ้าหลวงทรงวางหลักใหญ่ไว้สามประการ คือ ผู้ถือหุ้นต้องเป็นคนไทย กรรมการต้องเป็นคนไทย และต้องเป็นธนาคารที่ให้บริการกับคนไทยเพื่อพัฒนาชาติและแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน
เป็นธนาคารแห่งเดียวที่เรียกคณะกรรมการว่าสภากรรมการ และเรียกประธานกรรมการว่านายกกรรมการ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือนายกสภากรรมการ
แต่ต่อมาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในธนาคารแห่งนี้ โดยนักการเงินที่เบื้องหน้าทำทีเป็นมืออาชีพ แต่เบื้องหลังก็คือทรชนที่ยอมตัวขายตนให้เงินทอง ไม่คิดถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของสถาบันพระมหากษัตริย์และประชาชนไทย
การเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นในสมัยที่นายธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ต่อเนื่องมาถึงสมัยของนายโอฬาร ไชยประวัติ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้
ธนาคารแห่งนี้ก็เปลี่ยนสีแปรธาตุไปเป็นกลไกของระบอบทักษิณ เป็นข้าทาสบริวารของสิงคโปร์ รับใช้ประโยชน์ของสิงคโปร์ และเป็นกลไกทำงานให้กับระบอบทักษิณและสิงคโปร์อย่างไม่แยแสต่อประชาชนไทย
โดยไม่แยแสต่อพระบรมราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระมหาราชผู้สถาปนาธนาคารแห่งนี้
ข้อบังคับของธนาคารที่ตราขึ้นโดยพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณายาสิทธิราชที่ห้ามผู้ถือหุ้นต่างชาติ ห้ามต่างชาติเป็นกรรมการ ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขอย่างเงียบๆ
เป็นการแก้ไขที่เป็นโมฆะและไม่มีผลทางกฎหมาย เพราะข้อบังคับของธนาคารที่ตั้งขึ้นโดยพระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณายาสิทธิราชเป็นกฎหมาย
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขก็ต้องทำโดยกฎหมาย ไม่ใช่ทำโดยวิธีการไปจดทะเบียนแบบนิติบุคคลทั่วไป แต่มันก็ทำกันไปแล้ว
ธนาคารแห่งนี้ถูกปู้ยี้ปู้ยำจนมีปัญหาต้องเพิ่มทุนหลายครั้งหลายหนโดยผู้คนซึ่งเป็นข้าทาสบริวารที่ไม่สำนึกในบุญคุณของพระเจ้าแผ่นดินและประชาชนไทย
นายโอฬาร ไชยประวัติ คือกรรมการผู้จัดการใหญ่ในช่วงที่มีการลดค่าเงินบาท และขณะนั้นก็เป็นนายกสมาคมธนาคารไทยด้วย นายคนนี้เป็นผู้เสนอจูงใจและผลักดันโดยอาศัยฐานะอันน่าเชื่อถือนี้ว่าเงินบาทยังอ่อนอยู่ ต้องแข็งกว่านี้
ทำให้รัฐบาลขณะนั้นต่อสู้ป้องกันค่าเงินบาทอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็มีกลุ่มผู้ปล้นค่าเงินบาทแอบทำมาหากินกันเป็นขบวน แล้วได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากความพินาศย่อยยับของประเทศไทยและคนไทย
หลังจากนั้นกลุ่มคนเหล่านี้ก็ผันตัวเองเข้าไปอยู่ในร่มเงาของอาณาจักรชินคอร์ป
ดูบทบาทของนายโอฬาร ไชยประวัติ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแปรรูป กฟผ. การบริหารการบินไทย การบริหาร ปตท. และอีกหลายกิจการ ก็ย่อมเห็นได้ถึงความเป็นวงในของเครือข่ายทรราช
นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ก็คือตัวแทนนายหน้าใหญ่ของสิงคโปร์ที่เข้ามาเป็นประธานกรรมการบริหารธนาคารแห่งนี้ และได้รับการตอบแทนเป็นตำแหน่งมากมายในระบอบทักษิณ
ล่าสุดทั้งนายวิชิต สุรพงษ์ชัย และนายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ได้สร้างผลงานให้กับการบินไทยจนพนักงานทนไม่ไหวต้องออกมาขับไล่หนีกระเจิดกระเจิง ย่อมเป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ถึงธาตุแท้ของพวกเขาภายใต้เสื้อคลุมวิญญูชน
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม ซึ่งมีภาพเบื้องหน้าเป็นวิญญูชนอีกคนหนึ่งก็กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ในฐานะที่เป็นผู้จัดการใหญ่ของธนาคารแห่งนี้
พฤติกรรมของธนาคารไทยพาณิชย์ในขณะนี้คือการยอมตัวเป็นสมุนบริวารของสิงคโปร์และระบอบทักษิณ
พฤติกรรมปล่อยกู้ให้กลุ่มแกรมมี่เพื่อยึดมติชนได้เปิดเผยธาตุแท้ที่ทรยศต่อพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 5 อย่างชัดเจน
พฤติกรรมปล่อยกู้ให้บริษัทร่างทรงของเทมาเส็ก 2 บริษัทเป็นเงินหลายหมื่นล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นชินคอร์ปก็ได้เปิดเผยธาตุแท้ที่ทรยศต่อพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 5 อย่างชัดเจน
ในวันนี้พวกเขากำลังเตรียมแผนการให้สิงคโปร์ยึดครองธนาคารแห่งนี้เต็มรูปแบบ
พวกเขากำลังออกหุ้นกู้จำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของธนาคารและประเทศไทย เป็นจำนวนถึง 150,000 ล้านบาท เพื่อให้วันหนึ่งสิงคโปร์จะได้แปรหุ้นกู้นี้มาเป็นหุ้นใหญ่ของธนาคารและเป็นเจ้าของธนาคารไทยพาณิชย์อย่างสมบูรณ์
เป็นการปล้นธนาคารไทยพาณิชย์จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และประชาชนไทย
เขาออกหุ้นกู้ 150,000 ล้านบาทไปทำอะไร? แน่นอนว่าเพื่อปู้ยี้ปู้ยำธนาคารแห่งนี้ และเอื้อประโยชน์ให้แก่ระบอบทักษิณ และสมุนบริวารต่อไป ทั้งเป็นการเปิดทางให้สิงคโปร์ยึดธนาคารนี้ไปจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั่นเอง
จงร่วมกันประณามแผนการอุบาทว์นี้โดยทั่วกัน! และต้องหาทางทุกทางที่จะขัดขวางการปล้นครั้งนี้ให้สำเร็จด้วย
ต้องหยุดการออกหุ้นกู้และต้องขับไล่สมุนทรราชในไทยพาณิชย์ออกไป!