"อลงกรณ์"หอบหลักฐานยื่นป.ป.ช.เชือด"เจ๊แดง-ลูก-ผัว"รวยผิดปกติ แย้มมีหลักฐานเด็ดเอาผิดแคนดิเดตนายกฯนอมินี ลั่นหากรู้ตัวว่าไม่ซื่อสัตย์ อย่าโผล่หัวขึ้นมาจะเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง เตือน"แม้ว"เว้นวรรคอย่างเดียวไม่พอ ต้องเตรียมสู้คดีไว้ด้วย
เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.)นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานปราบปรามการทุจุริตคอร์รัปชั่น ของพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับกรณีทรัพย์สินของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายสมชายวงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน สามี และครอบครัว ได้เดินทางเข้าได้เข้า ยื่นเอกสารหลักฐานข้อสงสัยว่า นางเยาวภา และครอบครัวร่ำรวยผิดปกติ ต่อนายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
การเข้าพบเลขาฯ ป.ป.ช.เพื่อสอบถามใน 2 ประเด็น คือ 1.ขอทราบคดีร้องเรียนที่ยังค้างอยู่ และจะหมดอายุความลงในระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการ ป.ป.ช .เพื่อให้ตรวจสอบดูว่าคดีดังกล่าวนี้จะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้ขาดอายุความ เช่น การทุจริตคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และปล่อยคนโกงลอยนวลไปได้ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองข้าราชการ พ่อค้า และนักธุรกิจที่มีส่วนร่วมในการทุจริต ฉ้อฉล เพื่อขอรายละเอียดในคดีดังกล่าว เพื่อนำไปดำเนินการในทางอื่น เช่น การแจ้งความ หรือการฟ้องศาลต่อไป
2.พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการถึง ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ นางเยาวภา และสามี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำรายงานการสอบสวนเรื่องความร่ำรวยผิดปกติของบุคคลดังกล่าว เพื่อพรรคประชาธิปัตย์และป.ป.ช.จะได้ร่วมมือซึ่งกันและกัน ในการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า กรณีของนางเยาวภา ที่ทำให้เกิดข้อครหาเรื่องเจ๊ต่างๆ ทั้งเจ๊ใหญ่ เจ็เล็ก ก็เริ่มจากเจ๊แดง นั่นเอง เพราะอะไรจึงมีข้อครหาว่า เจ๊ไปเรียกเปอร์เซ็นต์ที่โน่นที่นี่ แม้แต่ในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ชื่อเสียงโด่งดังมาก ก็จะมีการพิสูจน์กัน โดยป.ป.ช.และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปตรวจสอบว่า เจ๊แดง ร่ำรวยผิดปกติจริงหรือไม่ หรือว่า หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะพิสูจน์ในชั้นศาลสามารถฟ้องร้องมาได้
ทั้งนี้ จากเอกสารหลักฐานเบื้องต้น มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางเยาวภา และครอบครัวมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ และอาจจะเข้าข่ายการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปสู่บุตร ซึ่งแม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เมื่อตรวจดูฐานะของบุตรชาย และบุตรสาวแล้ว แม้จะเป็นผู้ถือหุ้นในบางบริษัท ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีรายได้เป็นจำนวนพันล้านบาท ในช่วงเวลา 1-2 ปี สามารถไปเทคโอเวอร์บริษัท และเมื่อมีการตรวจสอบ ก็มีการเทขายหุ้นได้เงินสดไป ดังนั้น จึงจะต้องใช้กฎหมายของป.ป.ช.และ ปปง.ตรวจสอบต่อไป
"หากมีสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้นแล้ว ถ้าจะดำเนินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 303 ก็ไม่ทราบว่าจะหวังได้หรือไม่ เพราะเป็นสภาของพรรคไทยรักไทย แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็จะตรวจสอบและรายงานให้กับประชาชนได้ทราบ ซึ่งต่อไปการตรวจสอบจะโยงไปถึง รักษาการรัฐมนตรี อีกหลายคน ใครที่มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ใช่คนบริสุทธิ์ก็อย่าเข้ามาดีกว่า เพราะมันสกปรกต่อบ้านเมือง เพราะหลายคนก็มีส่วนที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตเหล่านี้ ซึ่งผมมีชื่อของคนอื่นๆ เพราะคนเหล่านี้มีส่วนร่วมในการก่อกรรมทำเข็ญประเทศชาติ เราจะไม่เอาไว้ ดังนั้นหากรู้ว่าทำทุจริต ฉ้อฉล ฉ้อโกงประเทศไว้ ต่างกรรมต่างวาระ ในฐานะต่างๆ ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริตจริง มือไม่สะอาดจริง ก็อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาผมคิดว่าจะเป็นการเข้ามาฆ่าตัวตายทางการเมืองมากกว่า โดยเฉพาะคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ นอมินี ผมจะเปิดเผยแน่นอน"
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ถ้านางเยาวภา ไม่สามารถชี้แจงได้ว่า ทรัพย์สินทั้งหมดมาจากไหน ทรัพย์สินทั้งหมดนั้นก็ต้องตกเป็นของแผ่นดิน รวมทั้งกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เช่นเดียวกัน วันนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ใช่แค่เพียงเว้นวรรคทางการเมืองเท่านั้น และอย่าได้หวังลมๆ แล้งๆ ว่าทำอะไรกับบ้านเมืองไว้แล้วจะกลับมามีอำนาจได้อีก และขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมตัวสู้คดีได้แล้ว โดยอาจจะให้ นายสุวรรณ วลัยเสถียร มาร่วมกันสู้คดีด้วย
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ระบุว่า นายอลงกรณ์ ทำตัวเหมือนมือปราบหน้าสื่อว่า คนเหล่านี้เป็นได้แต่พวกขันที ทำหน้าที่คอยปกป้องเจ้านาย และไม่ได้สนใจว่าบ้านเมืองจะถูกคอร์รัปชั่นและฉ้อฉลอย่างไร
เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.)นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะทำงานปราบปรามการทุจุริตคอร์รัปชั่น ของพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับกรณีทรัพย์สินของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายสมชายวงศ์สวัสดิ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน สามี และครอบครัว ได้เดินทางเข้าได้เข้า ยื่นเอกสารหลักฐานข้อสงสัยว่า นางเยาวภา และครอบครัวร่ำรวยผิดปกติ ต่อนายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
การเข้าพบเลขาฯ ป.ป.ช.เพื่อสอบถามใน 2 ประเด็น คือ 1.ขอทราบคดีร้องเรียนที่ยังค้างอยู่ และจะหมดอายุความลงในระหว่างที่ยังไม่มีคณะกรรมการ ป.ป.ช .เพื่อให้ตรวจสอบดูว่าคดีดังกล่าวนี้จะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้ขาดอายุความ เช่น การทุจริตคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และปล่อยคนโกงลอยนวลไปได้ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองข้าราชการ พ่อค้า และนักธุรกิจที่มีส่วนร่วมในการทุจริต ฉ้อฉล เพื่อขอรายละเอียดในคดีดังกล่าว เพื่อนำไปดำเนินการในทางอื่น เช่น การแจ้งความ หรือการฟ้องศาลต่อไป
2.พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการถึง ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ นางเยาวภา และสามี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการจัดทำรายงานการสอบสวนเรื่องความร่ำรวยผิดปกติของบุคคลดังกล่าว เพื่อพรรคประชาธิปัตย์และป.ป.ช.จะได้ร่วมมือซึ่งกันและกัน ในการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า กรณีของนางเยาวภา ที่ทำให้เกิดข้อครหาเรื่องเจ๊ต่างๆ ทั้งเจ๊ใหญ่ เจ็เล็ก ก็เริ่มจากเจ๊แดง นั่นเอง เพราะอะไรจึงมีข้อครหาว่า เจ๊ไปเรียกเปอร์เซ็นต์ที่โน่นที่นี่ แม้แต่ในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ชื่อเสียงโด่งดังมาก ก็จะมีการพิสูจน์กัน โดยป.ป.ช.และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปตรวจสอบว่า เจ๊แดง ร่ำรวยผิดปกติจริงหรือไม่ หรือว่า หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จะพิสูจน์ในชั้นศาลสามารถฟ้องร้องมาได้
ทั้งนี้ จากเอกสารหลักฐานเบื้องต้น มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางเยาวภา และครอบครัวมีฐานะร่ำรวยผิดปกติ และอาจจะเข้าข่ายการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปสู่บุตร ซึ่งแม้จะบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่เมื่อตรวจดูฐานะของบุตรชาย และบุตรสาวแล้ว แม้จะเป็นผู้ถือหุ้นในบางบริษัท ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีรายได้เป็นจำนวนพันล้านบาท ในช่วงเวลา 1-2 ปี สามารถไปเทคโอเวอร์บริษัท และเมื่อมีการตรวจสอบ ก็มีการเทขายหุ้นได้เงินสดไป ดังนั้น จึงจะต้องใช้กฎหมายของป.ป.ช.และ ปปง.ตรวจสอบต่อไป
"หากมีสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้นแล้ว ถ้าจะดำเนินตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 303 ก็ไม่ทราบว่าจะหวังได้หรือไม่ เพราะเป็นสภาของพรรคไทยรักไทย แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็จะตรวจสอบและรายงานให้กับประชาชนได้ทราบ ซึ่งต่อไปการตรวจสอบจะโยงไปถึง รักษาการรัฐมนตรี อีกหลายคน ใครที่มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ใช่คนบริสุทธิ์ก็อย่าเข้ามาดีกว่า เพราะมันสกปรกต่อบ้านเมือง เพราะหลายคนก็มีส่วนที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตเหล่านี้ ซึ่งผมมีชื่อของคนอื่นๆ เพราะคนเหล่านี้มีส่วนร่วมในการก่อกรรมทำเข็ญประเทศชาติ เราจะไม่เอาไว้ ดังนั้นหากรู้ว่าทำทุจริต ฉ้อฉล ฉ้อโกงประเทศไว้ ต่างกรรมต่างวาระ ในฐานะต่างๆ ถ้าไม่ซื่อสัตย์สุจริตจริง มือไม่สะอาดจริง ก็อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาผมคิดว่าจะเป็นการเข้ามาฆ่าตัวตายทางการเมืองมากกว่า โดยเฉพาะคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ นอมินี ผมจะเปิดเผยแน่นอน"
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า ถ้านางเยาวภา ไม่สามารถชี้แจงได้ว่า ทรัพย์สินทั้งหมดมาจากไหน ทรัพย์สินทั้งหมดนั้นก็ต้องตกเป็นของแผ่นดิน รวมทั้งกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เช่นเดียวกัน วันนี้ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ใช่แค่เพียงเว้นวรรคทางการเมืองเท่านั้น และอย่าได้หวังลมๆ แล้งๆ ว่าทำอะไรกับบ้านเมืองไว้แล้วจะกลับมามีอำนาจได้อีก และขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมตัวสู้คดีได้แล้ว โดยอาจจะให้ นายสุวรรณ วลัยเสถียร มาร่วมกันสู้คดีด้วย
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ระบุว่า นายอลงกรณ์ ทำตัวเหมือนมือปราบหน้าสื่อว่า คนเหล่านี้เป็นได้แต่พวกขันที ทำหน้าที่คอยปกป้องเจ้านาย และไม่ได้สนใจว่าบ้านเมืองจะถูกคอร์รัปชั่นและฉ้อฉลอย่างไร