xs
xsm
sm
md
lg

จดหมายเปิดผนึกถึงอดีตนายกรัฐมนตรี

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

4 เมษายน 2549

กราบเรียน ฯพณฯ อดีตนายกรัฐมนตรี

จดหมายฉบับที่ 4 นี้น่าจะเป็นฉบับสุดท้าย เวลายังไม่ถึงสามเดือนดี ท่านเปลี่ยนไปถึงสามฐานะ และผมไม่เชื่อว่าท่านจะกลับมาเป็นนายกได้อีก นี่คือความเป็นอนิจจังของสังคม วาระสุดท้ายของท่านมาถึง ด้วยวิธีการและเวลาที่ท่านกำหนดเอง เป็นวิธีการและกำหนดเวลาที่ถูกสาปแช่งทุกสารทิศ แต่ท่านกับเหล่าลูกขุนพลอยพยักก็ทำหูทวนลมเสีย พากันบิดเบือนประชาธิปไตยต่อไปโดยไม่ละอาย

ท่านพากันสถาปนาการเมืองระบบพรรคเดียวที่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงปราศจากคู่แข่งขัน คล้ายกับระบบคอมมิวนิสต์หรือไม่ก็เผด็จการบ้านป่าอย่างทวีปแอฟริกา โดยไม่คำนึงว่าเราเป็นชาติเก่าแก่มีสถาบันมหากษัตริย์มาเกือบพันปี

ท่านไม่ตอบ 40 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วยเรื่องจาบจ้วงในหลวง เรื่องทำลายพระศาสนาปลดพระสังฆราช เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องกดขี่เสรีภาพของสื่อและประชาชน เวรกรรมที่ท่านยุบสภาโดยไม่ชอบธรรมและต่อสู้เพื่อกลับมาสู่อำนาจโดยไม่โปร่งใส กลับทำให้ท่านถูกเปิดโปงเพิ่มเติมอีกนับไม่ถ้วนสิ่งเหล่านี้เหมือนเชือกผูกคอรอเวลาให้ท่านถูกลากไปประชาทัณฑ์ทั้งสิ้น

ผมไม่อยากจาระไนให้มาก อยากชี้เฉพาะ 3 เรื่อง คือ หนึ่ง คำตัดสินของศาลอาญาคดีที่บริษัทของท่านฟ้องและแพ้สุภิญญา กลางณรงค์กับหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ชี้ชัดว่าท่านมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทชิน เรื่องที่สอง คือ ศาลปกครองตัดสินไม่อนุญาตให้ขายหุ้นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต และสั่งให้ให้บริษัทพ้นสภาพกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจอย่างเดิม เพื่อปกปักรักษาสมบัติของชาติ บริวารที่ท่านซุกเข้าไปกำกับการแปรสภาพก็ไม่สามารถตบตาศาลและสาธารณชนได้ และเรื่องที่สาม ได้แก่การปิดสื่อ ยื้อศาล ในคดีดำ เลขที่ 3200 ที่ท่านและคุณหญิงตลอดทั้งบริวารถูกฟ้อง ณ ศาลอาญาใต้ว่า แจ้งความเท็จ ฟ้องเท็จ และให้การเท็จ ซึ่งมีโทษถึงจำคุก เนื่องจากท่านและบริวารได้แพ้ความอาญาทั้ง 3 ศาล ถูกศาลฎีกาตัดสินว่าที่ท่านฟ้องจำเลยว่ายักยอกทรัพย์นั้นไม่เป็นความจริง ที่แท้ทรัพย์นั้นเป็นของจำเลยให้ท่านยืมไปใช้และเจ้าของมาเอากลับคืน คดีนี้ยังไม่หมดอายุความ ไม่นานความเรื่องนี้ก็จะปรากฏต่อสาธารณชน และจะทำให้ท่านขาดคุณสมบัติที่จะรับตำแหน่งใดๆ

แค่ 3 เรื่องนี้ ท่านอดีตนายกฯ ครับ ในต่างประเทศ ผู้นำที่มีมโนธรรม และมาตรฐานขั้นต่ำทางจริยธรรมคงจะไม่น่าทนอยู่ในตำแหน่งแม้เพียงข้ามวันด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะลอยหน้ามาเลือกตั้งเพื่อฟอกตัวเองเลย

ผมแนะนำในบทความเรื่อง “ทักษิณควรฉวยโอกาสพึ่งพระราชอำนาจ” ในนสพ.ผู้จัดการรายวันฉบับวันที่ 18 พ.ย. 2548 และเรื่อง “รัฐธรรมนูญพระราชทาน : โอกาสที่พลาดไปยุคสุจินดา” ในนสพ.เดียวกันฉบับวันที่ 17 พ.ย. 2548 ชี้ช่องให้นายกรัฐมนตรีฉวยโอกาสพึ่งบารมีในหลวงทำการปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญเสียก่อนที่จะถูกกดดัน

ท่านไม่แยแสพระราชอำนาจ ซ้ำทำให้สังคมเห็นว่าจาบจ้วงพระองค์ท่าน ครั้นเมื่ออำนาจและตำแหน่งของท่านถูกสั่นคลอน ท่านกลับใช้ความชาญฉลาดในการพึ่งพระองค์ท่านเพื่อเกาะติดเก้าอี้ ครั้งที่หนึ่ง โดยการพูดว่าท่านจะลาออกต่อเมื่อในหลวงกระซิบที่หู และครั้งที่สอง ขณะที่ผมเขียนครึ่งหลังของจดหมายนี้ในคืนวันที่ 4 เมษายน 2549 เมื่อท่านกลับมาจากการเข้าเฝ้าตอน 15 น. และประกาศในทีวีพูล ว่าท่านจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะเห็นแก่ความสงบและสามัคคีในชาติ เพื่อถวายเป็นราชพลีในวโรกาสมหามงคลฉลองการครองราชสมบัติครบ 60 ปี

แต่ท่านไมได้พูดดอกว่า สภาครั้งนี้จะเปิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ซาวเสียงเลือกนายกฯ ต่อไปไม่ได้ ท่านจำเป็นจะต้องรักษาการต่อไป นี่ซิครับ คือ เหลี่ยมที่เยี่ยมยอดยิ่งกว่าศรีธนญชัยหลายเท่า ซ้ำท่านยังมีวิธีพูดที่ทำให้ผู้ฟังน้ำตาคลอ ซาบซึ้งในความเสียสละของท่าน ลืมไปเสียสิ้นว่าสาเหตุแห่งการประท้วงและความเดือดร้อนของบ้านเมืองล้วนเกิดขึ้นจากท่าน เพราะท่านไม่ยอมรับการตรวจสอบใดๆ จากใครๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน และเรื่องอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้ว แปลว่าต่อไปนี้ขอให้ทุกฝ่ายลืมเสียเถิด หันหน้าเข้าหากันดีกว่า เพราะท่านก็ได้ใช้การเลือกตั้งเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์แล้วตามกติกาประชาธิปไตย

ผมยังยืนยันว่า ทางออกที่ดีที่สุดถ้าท่านเห็นแก่บ้านเมืองจริงๆ ก็คือการลาออกทั้งคณะก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง เพื่อให้ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติตายซาก เกิดสุญญากาศตามรัฐธรรมนูญอย่างครบถ้วน อันจะเป็นโอกาสประเสริฐที่จะให้ในหลวงพระราชทานนายกฯ คนกลาง ทำการปฏิรูปการเมืองโดยราบรื่น คำตอบของท่านในรายการกรองสถานการณ์ว่ามาตรา 7 เป็นเรื่องนอกระบบนั้นแสดงว่าท่านไม่ยอมเข้าใจหรือไม่เห็นพระราชอำนาจในสายตา ผมเสนอเรื่องนี้ 15 ปีมาแล้วเข้าใจหลักรัฐธรรมนูญดีทุกประการ จึงได้เสนอเงื่อนไขและเงื่อนเวลาครบถ้วน อันจะเกิดขึ้นได้โดยง่ายหากมีนายกรัฐมนตรีที่เข้าใจและเสียสละ เห็นแก่บ้านเมืองและในหลวงอย่างจริงใจ ไม่ผูกเงื่อนต่อให้เกิดความขัดข้องวุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด ซ้ำกลับยังมาพูดเอาดีใส่ตัวเสียอีก

การที่ท่านเสนอว่าจะไม่รับตำแหน่งนั้นนอกจากจะมิใช่การลาออกเพื่อเปิดหนทางให้มีการปฏิรูปอย่างแท้จริงแล้ว ยังเป็นการให้สัญญาที่มีเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่น่าจะเป็นไปไม่ได้อย่างสูงยิ่ง เช่นเดียวกับการปฏิรูปการเมืองภายใต้ระบอบทักษิณโดยการอำนวยการของท่าน ถ้าหากท่านมีความจริงใจสำนึกรับผิดชอบ ควรจะได้กระทำไปแล้วก่อนการยุบสภาและไม่จำเป็นจะต้องยุบสภาเลย เรื่องรัฐบาลแห่งชาติก็เหมือนกัน ถึงตอนนี้ มันไม่ต่างอะไรกับภริยาที่ไม่ยอมท้องจนกระทั่งระดูหมดจึงค่อยจูงมือสามีไปขอลูกกับท้าวมหาพรหม ท้าวมหาพรหมก็ถูกทุบและบุคคลที่ทำลายก็ถูกฆ่าปิดปากเสียแล้ว ท่านก็จะซื้อเวลาพูดเรื่อยเจื้อยต่อไป หาความคงเส้นคงวามิได้

สถานีบีบีซีเขาเชิญผมไปออกอากาศเมื่อตอนเช้านี้ ก็ได้มีการถกกันคร่าวๆ 3-4 ประเด็นว่า (1) การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะเป็นโมฆะทั้งหมดก็ได้ (2) หรือถ้าไม่โมฆะก็เปิดสภาเลือกนายกฯ ไม่ได้ เพราะทำอย่างไรผู้แทนก็ไม่ครบ คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญในการเลือกตั้งครั้งก่อนก็ค้ำอยู่ และ (3) ถ้าหากจะดันทุรังเลือกตั้งให้ครบอีก 38 เขต ก็จะยังขาด ส.ส.ระบบบัญชีไป 1 คนคือพระเปรม นอกจากนั้นหากจะยอมให้มีผู้สมัครเพิ่มใหม่ รวมทั้งพรรคไม้ประดับ ก็ย่อมไม่ถูกต้อง ท้าทายกฎหมายเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญ เพราะนี่มิใช่การเลือกตั้งใหม่หรือเลือกตั้งซ่อม เป็นเพียงกำหนดวันลงคะแนนการเลือกตั้ง (2 เมษายน) ใหม่เพราะมีเหตุผู้สมัครเดี่ยวได้คะแนนไม่ถึง 20% เป็นการเลือกอีก (re run) มิใช่การเลือกตั้งใหม่ (new election) หรือการเลือกตั้งซ่อม (by-election) อย่างแน่นอน ตามหลักจึงมีได้เฉพาะผู้สมัครเดิม เพื่อทำคะแนนให้ถึงเท่านั้น คล้ายๆกับกรณีใบเหลือง หรือการเลือกตั้งซ้ำ (runoff) ในกรณีที่มีผู้สมัครหลายคน แต่คัดออกเหลือเฉพาะผู้ทีอยู่ในเกณฑ์ให้แข่งขันกันใหม่ กกต.จะเอาสีข้างถูเพื่อช่วยไทยรักไทยกระนั้นหรือ (4) บัดนี้ประเทศไทยได้ถูกแบ่งแยกโดยนายกฯทักษิณกับฝ่ายตรงกันข้ามเรียบร้อยแล้ว ถามว่านายกทักษิณกับครอบครัวจะสามารถเดินตลาดอย่างเสรีชนในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดภาคใต้ได้หรือไม่

เราพูดเรื่องที่ท่านนายกฯ อ้างถึงคะแนนเสียง 16 ล้านว่าเป็นอาณัติให้ปกครองหรือ mandate to govern นั้น หนักแน่นแค่ไหน เมื่อเทียบกับคะแนนโนโหวตกว่า 10 ล้าน ซึ่งท่านอ้างว่าเป็นคะแนนพรรคต่างๆ บวกกับคะแนนไม่เอาทักษิณ พวกเรามีความเห็นว่าอำนาจเงิน กลไกของรัฐ แรงดึงจากผู้สมัครเขต บวกกับตัวช่วยสีเทาต่างๆ จาก กกต.และองค์ประกอบอื่นๆ น่าจะเชื่อว่าคะแนนที่สนับสนุนตัวท่านนายกฯ ล้วนๆ ในความเป็นจริงน่าจะต่ำกว่าโนโหวตอยู่อักโขทีเดียว เพราะโนโหวตนั้นเป็นคะแนนบริสุทธิ์ที่เป็นเอกภาพอย่างยิ่งนับเป็นประวัติการณ์ในตำนานเลือกตั้งของโลกทีเดียว นี่เป็นคะแนนปฏิเสธ (Reject) หรือเกลียด (Hate Vote) ท่านนายกฯ แท้ๆ บวกกับคะแนนบัตรเสียนับล้านๆ ที่ท่านไม่ยอมพูดถึง เราเอาตัวอย่างรูปถ่ายบัตรเสียที่รวบรวมได้มาดู เห็นแล้วขนลุก เพราะมันมิใช่บัตรเสียเพราะความด้อยความรู้ของผู้กาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว มันบรรจุถ้อยคำที่สาปแช่งและเคียดแค้นชิงชังท่านนายกฯอย่างลึกซึ้ง เหมือนกับดร.ไชยันต์ ไชยพร กับอีก 4-5 คนที่ฉีกบัตรเลือกตั้งทีเดียว การต่อสู้เรื่อง รัฐธรรมนูญกำลังจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ขึ้นมา เราจึงพากันสรุปว่าภาวะผู้นำของท่านนายกฯนั้นขาดสะบั้น (untenable) เสียแล้ว

ผมนึกถึงการเลือกตั้งที่นอร์เวย์ ครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ พรรครัฐบาลเสียที่นั่งไปไม่กี่ที่นั่ง หรือเพียง 3-4 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังมีที่นั่งเหนือฝ่ายค้าน ยังสามารถตั้งรัฐบาลผสมกับพันธมิตรได้ เขากลับบอกว่าเมื่อประชาชนกริ่งใจ เขาจะให้ฝ่ายค้านลองเป็นรัฐบาลดู มันช่างต่างกับท่านนายกฯ ที่กอดคะแนน 16 ล้าน 19 ล้านด้วยการแปลที่เข้าข้างตัวเองสุดประมาณ

อย่างไรก็ตาม ผมขอยกนิ้วให้อัจฉริยภาพในการซื้อเวลาของท่านนายกฯ ประกาศของท่านคืนนี้ทำให้พันธมิตรและสังคมไทยเปิดตำราไม่ทัน ผมเห็นว่าแม่ไม้มวยทักษิณนั้นเหนือกว่าของพันธมิตรมาโดยตลอด จังหวะที่ท่านปล่อยหมัดเด็ดออกมาหลังจากที่ไปเฝ้าในหลวงไม่กี่ชั่วโมงนี้ทำให้ผู้คนคิดไปต่างๆ นานา ผมอ่านความคิดของท่านออกเพราะมันตรงกับของผมว่า คนไทยเราขี้เบื่อ ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ไม่อยากมีเรื่องมีราว ยิ่งแอบอิงพิงข้างในหลวง คนส่วนใหญ่ก็จะพึมพำ เลิกตอแยไปเอง ผิดถูกยังไงไม่สนใจ

ท่านนายกฯ ต้องคิดเสียใหม่ ที่เขาลือว่าท่านดิ้นสุดชีวิตเพราะกลัวจะโดนยึดทรัพย์นั้น ถ้าเป็นความจริง การที่ท่านดื้อต่ออายุระบอบทักษิณครั้งนี้จะเป็นชัยชนะบนหลุมฝังศพ ดังคำของคุณเสนาะว่าชนะการรบแต่แพ้สงคราม ทางที่ถูกท่านควรหาทางเข้ามาร่วมกับระบอบราชประชาสมาสัยให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยกันปฏิรูป และสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มีมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริงเสียโดยเร็ว เมื่อมีประชาธิปไตยแล้ว ถึงท่านจะร่วงจากอำนาจเป็นคนธรรมดา ก็ยังต้องได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ใครจะมาเนรเทศท่านไม่ได้ หรือจะยึดทรัพย์โดยปราศจากขั้นตอนของขบวนการยุติธรรมก็ไม่ได้

การต่ออายุของระบอบทักษิณโดยอ้างว่าจะหาคนกลางมาปฏิรูปแล้วรีบเลือกตั้งใหม่นั้นจะมีใครเชื่อ เขาก็จะมองอดีตที่ท่านตั้งคนกลางเข้าไปเต็มองค์กรอิสระต่างๆ เพราะท่านควบคุมวุฒิสภาที่มีอำนาจแต่งตั้งไว้อยู่มือ สมมติว่าท่านประชุมสภาสำเร็จและตั้งรัฐบาลหุ่นของท่านได้ครั้งนี้ ใครเขาจะไม่รู้ว่าเป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก และเป็นเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จของพรรคเดียวที่อยู่ใต้อุ้งมือของคนคนเดียวอย่างที่ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ทำนายไว้ทุกประการ ใครเขาจะไว้ใจ ในเมื่อหัวหน้าฝ่ายค้านก็ดี บุพการีการเมืองของท่านคือพลตรีจำลองก็ดี ต่างก็สรุปว่าท่านล้มละลายทางวาจา ทางความเชื่อถือและทางการเมืองแล้วโดยสิ้นเชิง

แต่ท่านนายกฯ ครับ คุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งท่านอาจจะไม่ได้ตั้งใจและคาดไม่ถึงก็คือ การเล่นเอาเถิดเจ้าล่อหนีการตรวจสอบของท่านหลังยุบสภามานี้ ทำให้คนไทยกว่าสิบล้านคนหูตาสว่าง ได้รับการศึกษาทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง ถึงจะเรียนในมหาวิทยาลัยสักสิบปีก็ไม่ปาน เป็นการศึกษาที่ครบขบวนการในภาษาฝรั่งที่ท่านชอบ คือ political education, political socialization, political mobilization สิบล้านคนที่รู้ทันท่านนายกฯ และพรรคของท่าน เป็นสิบล้านคนที่นับวันจะใหญ่โตและเข้มแข็งขึ้น

เขาไม่เอาดอกครับ ระบอบทักษิณ ขอให้ท่านเสียสละ รีบถอนตัวออกมาเถิด รีบมาร่วมกับพลังแห่งอนาคตที่จะสร้างประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยกัน ก่อนจะออกอย่าลืมบริจาคเงินให้ทุกจังหวัดในประเทศไทยสักจังหวัดละหนึ่งร้อยล้านบาท เพื่อสร้างมูลนิธิกองทุนเพื่อประชาธิปไตยและปราบปรามคอร์รัปชัน ท่านจะกลายเป็นรัฐบุรุษประชาธิปไตยในพริบตาเดียว แทนที่จะเป็นทรราชกอดซากศพรัฐบาลร่างทรงไปสู่อเวจีทางการเมือง

วันจักรี 6 เมษายนนี้ ไปถวายบังคมพระบรมปฐมกษัตริย์ขอพระบารมีคุ้มเกล้าเถิด

ด้วยปรารถนาดี

ปราโมทย์ นาครทรรพ
กำลังโหลดความคิดเห็น