xs
xsm
sm
md
lg

องค์ประกอบแห่งราชอาณาจักรไทย ถูกทำลายด้วยลัทธิรัฐธรรมนูญ

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

ในสถานการณ์อันล่อแหลม ดุจรั้งม้าที่หน้าผา หลายครั้งนับไม่ถ้วนที่มีความขัดแย้ง โกลาหลทางการเมือง วนเวียนอยู่ในอ่างน้ำเน่าตามแนวคิดลัทธิรัฐธรรมนูญ (Constitutional) ครอบงำมายาวนานร่วม 74 ปี บิดเบือนว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ทุกวันนี้ประเทศไทยเหมือนกับอยู่ในทวีปยุโรป-อเมริกา ประเพณี กติกา ทางการเมืองกลายเป็นตะวันตกไปหมดแล้ว และภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านมา 9 ปี ได้ทำลายเอกลักษณ์ แนวคิด ปัญญา ประเพณีวัฒนธรรมของชาติ ถูกครอบงำโดยสมบูรณ์

ประเทศไทยได้อิทธิพลความคิด จิต วิญญาณมาจากพระพุทธศาสนามายาวนานร่วม 1,000 กว่าปี ในอดีตการกำเนิดรัฐ (State) ธรรมดาย่อมมีองค์ประกอบแห่งรัฐ องค์ประกอบแห่งรัฐไทย หรือราชอาณาจักรไทย ได้แก่

1. ประชาชน

2. ศาสนา ในที่นี้คือพระพุทธศาสนา คือจิตของประเทศ (ถือตามมติ พระมหากษัตริย์ กองทัพแห่งชาติ และนักปราชญ์ ผู้รู้ทั้งหลาย)

3. สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขของประเทศ และจอมทัพไทย

4. รัฐบาล (เดิมเป็นหนึ่งเดียวกับพระมหากษัตริย์ เหมือนจิตกับกาย)

5. กองทัพแห่งชาติ

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มีผลปรากฏเป็นรูปธรรมชัดเจน ชัดยิ่งกว่าชัดได้บ่อนทำลายองค์ประกอบแห่งรัฐ การทำลายองค์ประกอบแห่งรัฐ คือการทำลายประเทศชาติ (การทำลายองค์ประกอบแห่งชีวิต คือการทำลายชีวิตให้พิกลพิการหรือตายลง)

การทำลายองค์ประกอบแห่งรัฐในอดีต ใช้กองทัพทำสงครามเข้ายึดโดยตรงด้วยอำนาจกำลังรบหรือกองทัพที่เหนือกว่า แต่ประชาชนและผู้นำฝ่ายก้าวหน้าในประเทศนั้นๆ ร่วมมือกันลุกขึ้นต่อต้านจนกว่าจะได้ชัยชนะ เช่น ประเทศ ลาว เวียดนาม มาเลเซีย อินเดีย พม่า จีน เป็นต้น

ส่วนประเทศไทยองค์ประกอบแห่งรัฐทั้ง 5 กำลังถูกลิดรอนบ่อนทำลายให้เสื่อมถอยลงตามลำดับ กล่าวโดยสังเขป คือ

(1) พระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ มาแต่โบราณกาล หรือเป็นศาสนาแห่งรัฐ เป็นลักษณะทั่วไปทางธรรม (เป็นฝ่ายกระทำ) แต่ปัจจุบันได้ถอยร่นลงมาเป็นกลไกรัฐ เป็นลักษณะเฉพาะ (ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ) จึงถูกลดฐานะลงกลายเป็นลัทธิความเชื่อเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น สิ้นความเป็นสากล เมื่อระบอบเลว ศาสนาอยู่ใต้ระบอบเลว คิดดูเถิดผลจะเป็นอย่างไร

พระพุทธศาสนาเป็นจิตแห่งแผ่นดิน หรืออุปมา เป็นจิตของผู้เล่นหมากรุก ปัจจุบันตกอยู่ในฐานะเบี้ยหมากรุก ทำให้สถาบันพระพุทธศาสนาสูญเสียความเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐ อันเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับชนชาติไทย ใครจะเป็นผู้กล้าหาญ มีปัญญา สามารถจัดความสัมพันธ์กลับมาสู่ความถูกต้องดังเดิม ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่างอิงอาศัยกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน แยกกันไม่ได้

(2) สถาบันพระมหากษัตริย์ ตามหลักวิชาย่อมเป็นลักษณะทั่วไปของชาติ เป็นศูนย์รวมของประชาชนในชาติอันแตกต่างหลากหลายทุกระดับ (ลักษณะเฉพาะ) ปัจจุบันได้สูญเสียความเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐ หลังจากการใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมา 9 ปี ได้ลิดรอน บั่นทอน พระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ สูญเสียความเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐ สั่นคลอนพระราชอำนาจในฐานะสถาบันประมุขแห่งรัฐ ได้ลดน้อยถอยลงทุกที ทั้งเป็นการลิดรอนพระบรมเดชานุภาพ ได้แก่ 1 “มาตรา 2 ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” ฯลฯ (อย่าลืมว่า พระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ไม่ใช่ประมุขระบอบฯ)

ถ้าเป็นระบอบการเมืองโดยธรรมหรือธรรมาธิปไตยก็คงไม่เป็นไร แต่นี่เป็นระบอบประชาธิปไตยปลอม หลอกลวง ประชาชนผู้ไม่มีความรู้เรื่องประชาธิปไตย และผลของรัฐธรรมนูญปัจจุบันเห็นชัดว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นพิษ เป็นภัยทำลายความมั่นคงของชาติ

(3) กองทัพแห่งชาติ โดยหลักวิชาด้านปฐมภูมิ หรือด้านความสัมพันธ์หลัก กองทัพเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐ พระมหากษัตริย์เป็นจอมทัพไทย ส่วนด้าน ทุติยภูมิ หรือความสัมพันธ์รอง กองทัพเป็นกลไกรัฐ สภาพการณ์ปัจจุบัน ความเป็นองค์ประกอบแห่งรัฐของกองทัพได้สูญสิ้นไปแล้ว เหลือเพียงเป็นกลไกรัฐเพียงด้านเดียว น่ากังวลที่สุด เช่น ผู้นำกองทัพพูดว่า “กองทัพไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง” เมื่อกองทัพไม่ศึกษาการเมืองโดยธรรม จึงมืดบอดมองไม่ออกว่าปัจจุบันเป็นระบอบการเมืองเลว เป็นปัจจัยให้รัฐบาลเลว เมื่อกองทัพเป็นกลไกรัฐในระบอบนี้ ขอให้ฉุกคิดกันบ้าง

“ถ้ากองทัพกลับมาสู่ความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง ย่อมแสดงบทบาทในการแก้เหตุวิกฤตชาติได้อย่างสมบูรณ์ กองทัพแห่งชาติจะได้ทำหน้าที่ประสานงาน จัดความสัมพันธ์องค์ประกอบแห่งรัฐให้ถูกต้อง เป็นการเชิดชูพระบรมเดชานุภาพโดยธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไป สู่การแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ตามแนวธรรมาธิปไตย 9”

(4) ประชาชน
ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ตามไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ระบอบรัฐธรรมนูญไทยเป็นแนวคิดปรัชญาตะวันตก และเอกลักษณ์คนไทยส่วนใหญ่มักจะฝากความหวังไว้กับ ผู้ปกครองโดยธรรม ผู้มีอำนาจโดยธรรม ผู้ปกครองเอาไงก็เอากัน เป็นผู้ตามที่ดี จึงทำให้ไม่สนใจติดตามปัญหาการเมืองอย่างจริงจัง และ ตลกที่สุดที่บังคับให้ประชาชนไปเลือกตั้ง เช่นเดียวกับระบอบนาซีเยอรมัน

“ปัญหาระบอบการเมือง คือเหตุแห่งความเลวร้ายทั้งปวง ที่สลับซับซ้อน หมกเม็ดยากที่ประชาชนธรรมดาสามัญจะตามทัน และเห็นพิษภัยร้ายกาจแนบเนียนดุจปลวกกินบ้านจากลัทธิรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้วิวัฒนาการไปในทิศทางทำลายองค์ประกอบแห่งรัฐ มายาวนานอย่างค่อยเป็นค่อยไป และแนบเนียนที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองโลก”

ส่วนด้านการดำเนินชีวิตของประชาชน ประเพณีวัฒนธรรมไทย ถูกกระแสคลื่นวัฒนธรรมตะวันตกไหลบ่าครอบงำอย่างรอบด้าน ทุกระดับ จากระดับสูงสุดคือการครอบงำแนวคิดผ่านระบอบการเมือง อันเป็นหัวใจหลัก ส่งผลให้มีการครอบงำทางการปกครอง เศรษฐกิจ ศาสนา การศึกษา ประเพณีวัฒนธรรมเป็นลำดับ อย่างจงใจและเป็นไปเอง (เป็นไปตามกฎอิทัปปัจยตาฝ่ายลบ เมื่อสิ่งนี้มี(เหตุมิจฉาทิฐิ) สิ่งนี้จึงมี (ผลคือความเสื่อม)

ใคร? เสกสรรประเทศไทยให้กลายเป็นแบบตะวันตก ผู้ปกครองตกเป็นทาสแนวคิดตะวันตก และตกเป็นทาสแก่ประเทศเกิดใหม่หลังสงครามโลกที่ 2 เช่น เกาหลี, สิงคโปร์ เป็นต้น ไทยต่ำถึงเพียงนั้น ผู้ปกครองมิจฉาทิฐิร้ายแรงที่สุด ร้ายกาจที่สุดคือตกเป็นทาสความคิด (ปรัชญาการเมืองตะวันตก) เป็นจริตที่ยากจะแก้ไข (แก้ไขยากที่สุด)

ไม่มีทางอื่นใดเลย ขอให้ผู้รักชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ รักแผ่นดิน รักเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ปรัชญาไทย ภูมิปัญญาไทย เพื่ออนาคตของประเทศและลูกหลานไทย พึงทำการศึกษา ทำความกระจ่างต่อยุทธศาสตร์ของประเทศไทย และก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายนั้น อันถูกต้องที่สุด ทรงพลังที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุดนำไปสู่การสร้างสรรค์ประเทศ และสร้างสันติภาพโลกถาวร ด้วยการพวิปัสสนาภาวนา รู้แจ้งสภาวะกฎธรรมชาติ เป็นปัญญาอันยิ่งใหญ่จากสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และการประยุกต์สู่หลักธรรมาธิปไตย 9

ยุทธศาสตร์ (Strategy) หรือจุดมุ่งหมาย หรือความมุ่งหมาย (Aim) คือการเรียนรู้และทำความเข้าใจในส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันธ์กันทั้งหมด ทุกส่วน ทุกระดับ ทุกแง่ทุกมุม ทั้งภายนอกและภายในใจให้แจ่มแจ้ง ในความสัมพันธ์ทั้งองค์รวม เป็นหลักที่ตั้งขึ้นเพื่อการแก้ปัญหาวิกฤตที่สำคัญๆ ในที่นี้จะเสนอปัญหายุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด กว้างสุด ครอบคลุมเหตุปัจจัยภายในประเทศ (ทั้งองค์รวม)หรือเรียกว่าด้านทั่วไป คือการพิจารณาสภาพการณ์ทั่วไป เช่น ประวัติศาสตร์ของชาติ ประเพณีวัฒนธรรม การจัดความสัมพันธ์ต่อสถาบันหลัก องค์ประกอบแห่งรัฐในอดีต-ปัจจุบัน การจัดความสัมพันธ์ระบอบการปกครองสมัยใหม่ ประชาชนทุกทุกระดับชั้น ทุกสาขาอาชีพ ทั้งภาครัฐและเอกชน พิจารณาภาพรวมทั้งประเทศ (อุปมาเหมือนมอง “กระดานหมากรุก” ทั้งกระดาน)

ทั้งความสัมพันธ์กับต่างประเทศ เป็นไปอย่างเสมอภาค มีความเป็นอิสระหรือไม่ ถ้าตกเป็นเบี้ยล่าง ถูกครอบงำ ควรที่จะปรับปรุงแก้ไขจัดความสัมพันธ์ให้ถูกต้องโดยธรรม

“ไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ที่สุด มีวัด 30,000 กว่าวัด พระภิกษุสามเณรร่วม 300,000 รูป พลังธรรมทานจากพระพุทธศาสนา และพลังคุณธรรมความเมตตากรุณา และวัตถุทาน จากพระมหากษัตริย์อย่างยิ่งใหญ่ ประเทศไทยน่าจะเป็นเมืองแห่งความสงบสุข ร่มเย็น และมีความมั่นคั่ง รุ่งเรืองไพบูลย์ แต่กลับมิได้เป็นเช่นนั้นเลย ถึงแม้ว่าบุคคลและสถาบันหลักของชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนผู้มีคุณธรรม จะถือพระธรรมคำสอนอย่างไรก็ตาม ก็มิอาจจะต้านทาน ระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญอันใหญ่มหึมาที่ได้แผ่ความชั่วร้ายออกไปทั่วทุกตารางนิ้วของประเทศ นี้ได้ เว้นแต่จะได้ฉุกคิด และตื่นได้ทันกาล

นับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
ผู้ปกครองได้นำแนวคิด วิธีการจากตะวันตกโดยถือรัฐธรรมนูญเป็นสรณะ ปราศจากหลักการปกครองโดยธรรม อย่าได้คิดแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติซ้ำรอยเดิม ผิดซ้ำซากมาแล้วถึง 16 ครั้งอีกเลย

แนวทางแก้ไขเหตุวิกฤตชาต
ิ ในเบื้องต้นมีทางเดียวเท่านั้น ไม่เป็นอื่น “เจริญรอยตามพระยุคลบาท ขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาล ยุติการเลือกตั้ง ส.ส., ส.ว. ฯลฯ ของระบอบปัจจุบันอันเลวทรามโดยด่วน, จัดตั้งสภาประชาชนทุกสาขาอาชีพอย่างกว้างขวางที่สุด, พระมหากษัตริย์ ทรงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ใช้ระบบเศรษฐกิจพอเพียง” แล้วจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ขอให้ทุกฝ่ายเสียสละ ปล่อยวางๆๆ ถอยมานับหนึ่งใหม่ เริ่มต้นกันใหม่ในทางธรรมที่งดงาม อย่าได้ดันทุรังเดินหลงทางมิจฉาทิฐิ แนวทางนรกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เลย จะโง่เขลา เบาปัญญากันไปถึงไหน...หลุดพ้นจากอบายภูมิเสียทีเถอะ...
กำลังโหลดความคิดเห็น