xs
xsm
sm
md
lg

เราจะต้องปล้นชาติกันต่อไปอีก

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

ไม่ว่าจะเป็นสัจธรรมของสังคมหรือเป็นคำบอกเล่ากล่าวขานของชาวบ้าน ทุกเสียงจะเน้นลงไปว่า ไม่มีการเมืองหรือนักการเมืองในยุคไหนที่ไม่มีการคอร์รัปชัน หรือฉ้อราษฎร์บังหลวงในรูปของการใช้อำนาจหน้าที่ทำกันอยู่ทั่วไป หรือการคอร์รัปชันในรูปของผลประโยชน์ทับซ้อนเพื่อตัวเองและครอบครัว นอกไปจากการแสวงหาผลประโยชน์ซึ่งๆ หน้าเช่น ในรายการประมูลงานต่างๆ ในสนามบินหนองงูเห่าหรือการจัดทำโครงการเมกะโปรเจกต์ที่วาดฝันกันไว้อย่างหรูหรา หวยออนไลน์หรือเรือขุด 2,000 ล้าน และอื่นๆ อีกที่มีมูลค่าเป็นแสนๆ ล้าน ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ ทุนสำหรับการอยู่รอดของนักการเมืองนั้นจะมาจากการคอร์รัปชันแบบเดียวกันทั้งสิ้น เฉพาะที่ขาดเสียมิได้ก็คือนักการเมืองชาติชั่วของไทย

ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีการคอร์รัปชันกันอย่างกว้างขวางที่สุด และทำกันอย่างซึ่งๆ หน้านั้นก็น่าจะเป็นประเทศอเมริกาประเทศหนึ่ง

ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อหลายปีก่อน การชนะการเลือกตั้งของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งพรรครีพับลิกันกับนายโรเบิร์ต อัลกอร์ ของพรรคเดโมเเครตนั้นชัยชนะของท่านประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช หรือพรรครีพับลิกันก็มาจากการโกงการเลือกตั้งกันซึ่งๆ หน้าหรือได้มีการเตรียมการกันเป็นเวลานานทีเดียว

เรื่องราวเหล่านี้หรือความตื้นลึกหนาบางทั้งหมด จะรู้กันอย่างกว้างขวางทั้งโลก แต่ในอเมริกาหรือคนอเมริกาเอง เฉพาะสื่อสารมวลชนทุกแขนงจะหุบปากเงียบ

เพราะดูเหมือนว่าคนอเมริกันทั้งประเทศจะยอมรับและชื่นชมยินดี แม้ว่าจะมาจากการคดโกงอย่างหน้าด้านๆ ก็ตาม แต่ทุกคนก็จะพากันถือว่าเป็นความสามารถอย่างใหญ่หลวงของผู้ชนะ เพราะฉะนั้น ในระบอบประชาธิปไตยนั้นถือว่าให้การคดโกงหรือการคอร์รัปชันอย่างมีประสิทธิภาพก็ถือว่าเป็นนักการเมืองที่มีประสิทธิภาพที่สุด เช่นเดียวกับในเมืองไทยที่มีคนไม่น้อยที่จะชื่นชมเชิดชูนักการเมืองชนิดนี้มากที่สุด

“Vice President Al Gore would have strolled to victory in Florida if the state hadn’t kicked up to 66,000 citizens off the voters five months ago as former felons” นักหนังสือพิมพ์อังกฤษผู้หนึ่งชื่อ คุณเกรก พอลลาสท์ ได้เขียนถึงความชั่วหลายประการในระบอบการเมืองประชาธิปไตยของอเมริกา รวมทั้งการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกาด้วย ว่าคนในอเมริกานั้นมีการฉ้อฉลปล้นโกงร้อยแปดในการขึ้นมาปกครองบ้านเมืองและเป็นนักการเมือง หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า “ประชาธิปไตยที่เยี่ยมที่สุดสามารถจะเอาเงินไปซื้อได้” หรือประชาธิปไตยที่เยี่ยมที่สุดที่ใช้เงินซื้อเอาได้ (The best democracy money can buy) ซึ่งข้อความข้างบนนั้น เราอาจจะแปลออกมาเป็นภาษาไทยได้ว่า “รองประธานาธิบดีอัลกอร์ อาจจะเดินเอ้อระเหยลอยชายเพื่อไปเอาชัยชนะในรัฐฟลอริดาได้ ถ้าหากไม่มีใครไปลบชื่อผู้ลงคะแนนเสียงที่นั่นเมื่อ 5 เดือนก่อน ในข้อหาที่ว่าเป็นพวกอาชญากรเบ็ดเตล็ด” ซึ่งหมายถึงว่ามีคนไปลบชื่อผู้ลงคะแนนทิ้งเสียถึง 66,000 เสียงในข้อหาว่าไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งนี้เพราะเป็นพวกตีหัวหมา ปาหัวเจ๊ก (Felon)

การเตรียมการลบชื่อคนเหล่านี้ทิ้งไปเป็นหมื่นๆ คนนั้น ก็เพราะว่าน้องชายของ ฯพณฯ จอร์จ บุช คนนี้เป็นผู้ว่าการมลรัฐฟลอริดาซึ่งเป็นขุมกำลังที่จะทำเพื่อพี่ชายได้ทุกอย่างนั่นเอง

นี่คือระบอบประชาธิปไตยในอเมริกา การคดโกงหรือการคอร์รัปชันขนาดกินบ้านกินเมืองกันหรือต้องหลอกลวงคนทั้งโลกได้นั้นเป็นเรื่องปกติของนักการเมืองที่นั่น

การมีความผิดจนกระทั่งไม่มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ในข้อห้ามที่ว่าหมดสิทธิหรือไม่มีสิทธิเพราะมีความผิดในฐานะเคย “ตีหัวหมา ปาหัวเจ๊ก” มาก่อนนั้น ความจริงไม่มีใครทำอะไรทำลายสิทธิของตัวเองตามที่กล่าวหา แต่เพราะคนเหล่านี้เป็นแอฟริกัน-อเมริกันเท่านั้น ไม่ใช่อเมริกันแท้ (African- American) เท่านั้น

เช่นเดียวกับในเมืองไทย ตั้งแต่เริ่มต้นระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาในประเทศ ยังไม่มีรัฐบาลไหนที่ไม่มีเรื่องอื้อฉาวไปด้วยการคอร์รัปชันก็ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ขนาดหนักที่เดียว

การคอร์รัปชันทางการเมืองหรือในวงการเมืองเป็นวัฒนธรรมอันหนึ่งของชาติไปแล้ว

แล้วก็คงจะต้องมีอีกต่อไป ตลอดเวลาอันยาวนานในอนาคต


และที่น่ามหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งสำหรับการคอร์รัปชันในเมืองไทยนั้น จะไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือจะต้องได้รับการลงโทษประการหนึ่งประการใด และจะไม่มีรัฐบาลชุดไหนหรือผู้ปกครองบ้านเมืองกลุ่มไหนให้ความสนใจ ใครปล้นบ้านปล้นเมืองได้ก็ปล่อยให้ปล้นกันไปโดยที่รัฐบาลชุดใหม่ต่อมาจะไม่ยอมหันกลับไปมอง ทุกคนต้องพยายามช่วยกันปิดบังหรือทำเฉย เพราะตัวเองก็กำลังจ้องเขมือบอยู่ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ไม่ต้องการสร้างศัตรูพวกหนึ่งพวกใดซึ่งจะทำให้มีคนคอยจับผิดตัวเองซึ่งก็จะตั้งหน้าตั้งตาเขมือบเหมือนกัน

เช่นเดียวกับนักการเมืองรายอื่นๆ ที่เคยกินบ้านกินเมืองกันมาอย่างหนักแล้ว เมื่อถึงคราวที่ตัวจะต้องดำเนินการกินกันขึ้นมาบ้างแล้ว ก็จะไม่มีใครว่าใคร

และจะไม่มีใครแตะต้องกันในเรื่องน
ี้
อย่างกรณีการคอร์รัปชันจำนวนมหาศาลเป็นแสนๆ ล้านซึ่งได้แก่เงิน ปรส.ซึ่งคนไทยสองสามคนร่วมกันกับฝรั่งอีกสองสามคนร่วมกันปล้น และเขมือบไปจากแผ่นดินไทยครั้งนั้น เมื่อรัฐบาลที่ขายชาติชุดนั้นพังไปแล้ว รัฐบาลชุดต่อมาก็จะไม่ยอม และไม่ถามถึง ทั้งๆ ที่มันป็นการปล้นประเทศหรือผิดกฎหมาย และก่อให้เกิดการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การปล้นประเทศของนักการเมืองไทยแต่ก็อาจจะถือว่าเป็นทีของเพื่อนก็ปล่อยให้เพื่อนเอาบ้านเมืองไปทำมาหากินกันไป

และในขณะที่ไม่แตะต้องการกระทำที่ผิดต่อแผ่นดินอย่างร้ายแรงนั้น ทั้งตนเองและ
นักการเมืองที่ขึ้นมามีอำนาจชุดใหม่ก็ก้มหน้าก้มตาเขมือบต่อไป ดังจะเห็นได้จากเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชันที่ทำกันมาในเมืองไทยซึ่งกำลังทำกันอยู่ในขณะนี้ หรือทำกันไปแล้วแต่ยังไม่จบสิ้นนั้นมากมายมหาศาลกว่ายุคใดสมัยใด

แต่เมื่อคิดจะทำขึ้นมาก็ทำกันอย่างสิ้นคิด เช่น กรณีกินสินบนหรือการคอร์รัปชันที่เกี่ยวกับบริษัทอินวิชั่น ซึ่งมีการกล่าวหาว่าในการทำธุรกิจระหว่างประเทศไทยกับบริษัทเอกชนในอเมริกานั้น มีการติดสินบนนักการเมืองและข้าราชการที่รับผิดชอบกลุ่มหนึ่งทำกันอยู่ แต่ปรากฏว่าทางอเมริกาได้เปิดเผยเรื่องนี้ไปทั่วโลก ชื่อเสียงของประเทศไทยและนักการเมืองไทยที่ร่วมกันเขมือบจนกระทั่งกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ต้องเปิดเผยนั้น มันเป็นการตบหน้าประเทศไทยประจานต่อโลก แต่รัฐบาลไทยและนักการมืองไทยเต้นผางออกรับถึงกับให้ฝ่ายอเมริกายืนยันว่าจริงหรือเท็จ ซึ่งความจริงมันใช่หน้าที่ของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งในอเมริกาหรือสถานทูตอเมริกาในกรุงเทพฯ ที่จะมายืนยันว่านักการเมืองคนไหนหรือข้าราชการคนใด (ซึ่งไทยเองก็รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้ว) ว่าเป็นตัวการในการคอร์รัปชัน ครั้งประวัติศาสตร์นี้ และทางรัฐบาลไทยก็ไม่ต้องสิ้นคิดถึงจะต้องไปร้องขอความช่วยเหลือใดๆ จากอเมริกาเพราะมันเป็นเรื่องของไทยและคนไทยทำกันเองเพื่อการเขมือบ อเมริกาไม่ได้เกี่ยวข้องหรือไม่ได้รับผิดชอบอะไรในเรื่องใครจะกินใคร ปัญหาของบริษัทอเมริกันอยู่ที่จะต้องขายของให้ได้เท่านั้น ใครที่มีความสามารถจะทำให้เขาขายของได้เขาก็เล่นกับคนนั้น เขาไม่ผิดและคนที่เขาติดต่อก็ไม่ผิด มันเป็นเรื่องการทำมาหากินของนักธุรกิจกับนักธุรกิจธรรมดาทั่วไปนี่เอง มันผิดที่คนในคณะรัฐบาลไทยมันกินบ้านกินเมืองกันเอง

ทำไมจะต้องให้รัฐบาลอเมริกามาตัดสินว่าในประเทศไทยมีการคอร์รัปชันกันอย่างไรหรือใครเป็นตัวคอร์รัปชัน ?

อย่างที่ว่ามาแล้วว่าอเมริกาเองก็เป็นประเทศคอร์รัปชันที่ทำกันถึงปล้นคะแนนเสียงผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความผิดและความชั่วจากการคอร์รัปชันในประเทศนั้น มีมากมายมหาศาลในแต่ละปีเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว การตอบอย่างใดอย่างหนึ่งของอเมริกันไม่ว่ารับหรือปฏิเสธ เราจะเชื่ออเมริกันได้อย่างไร และเอาเหตุผลอะไรมาเชื่อถือได้

ว่ากันตามจริงเราไม่ใช่ลูกมือของอเมริกาหรืออยู่ใต้การปกครองของอเมริกาที่เราจะต้องคอยเชื่อฟังอเมริกาว่าจริงหรือเท็จ หรือว่าทำกันสกปรกเลวร้ายอย่างไร เรื่องคอร์รัปชันครั้งนี้เป็นเรื่องคนของเรา ระบบของเรา ข้าราชการ และนักการเมืองของเรา ทำไมไทยจึงจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอเมริกัน ทำไมเราจะต้องให้อเมริกามาตัดสินความผิดพฤติกรรมสกปรกของไทย และความชั่วของนักการเมืองไทยว่าเราชั่วกันอย่างไร?

มันแย่ยิ่งกว่าเด็กอมมือเสียอีกเป็นไหนๆ

ในแถลงการณ์หรือนโยบายสำคัญที่รัฐบาลชุดนี้จะทำ ที่ยืนยันกันอย่างเอาจริงเอาจังมีทั้งหมด 8 ประการด้วยกัน แต่ในนโยบาย 8 ประการนั้น จะไม่มีนโยบายเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหาการคอร์รัปชันและความเสียหายที่เกิดจากการคอร์รัปชัน หรืออาจจะพูดได้ว่าทุกปัญหาที่แก้กันรัฐบาลยืนยันว่าจะแก้ให้เสร็จสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจนของประชาชน ปัญหายาเสพติดและอื่นๆ แต่ปัญหาการคอร์รัปชันจะไม่มีการเอ่ยถึงว่าจะทำยังไงกันต่อไป

หน้าที่ของเราทุกคนมีอย่างเดียวเท่านั้นคือปล่อยมันไป

เมืองไทยเรามีวันสำคัญของชาติมากมาย คนไทยทุกคนน่าจะตั้งสัจจะอธิษฐานนั้นสักข้อหนึ่ง ถ้าทำกันได้ก็น่าจะเป็นการอธิษฐานขอให้นักการเมืองของเรางดเว้นการกินบ้านกินเมือง งดเว้นการขายชาติ งดเว้นการปล้นชาติบ้านเมืองร้อยแปดที่ทำกันอยู่นี้เสีย น่าจะเป็นกุศลยิ่ง

การคอร์รัปชันนั้น เมื่อเอ่ยออกมาแล้วดูเหมือนทุกคนจะมองเห็นแต่เพียงว่าการทุจริตฉ้อฉลเท่านั้น แต่การคอร์รัปชันที่แท้แล้วหมายถึงความชั่วทุกชนิดที่เกี่ยวกับความไม่มีศีลธรรมของบุคคล โบราณไทยตัดทอนเอามาสรุปแต่เพียงสั้นๆ ว่า “ฉ้อราษฎร์บังหลวง” ซึ่งเป็นคำที่ถูกต้องที่สุดและครอบคลุมถึงความชั่วที่บุคคลกระทำกันทั้งกายและใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

แต่จะอย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาการคอร์รัปชันนั้นคนไทยจะทำได้เพียงแต่การพูดถึงเล่นๆ เป็นบางครั้งเท่านั้น การพูดก็พูดกันไป แต่การคอร์รัปชันก็จะต้องคอร์รัปชันกันต่อไปอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน นั่นเป็นธรรมเนียมประ
เพณีของคนไทยและชาติไทย

ตอนนี้มีการกล่าวถึงกันว่าเราจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องของการคอร์รัปชันที่ทำกันมาแล้ว และจะอึกทึกครึกโครมกันต่อไปขนาดไหนก็ไม่มีใครทราบ แต่เรื่องที่ไม่มีการคอร์รัปชันนั้นคงเป็นไปไม่ได้

เพราะการคอร์รัปชันเป็นภารกิจของชาติไทยเรา
กำลังโหลดความคิดเห็น