xs
xsm
sm
md
lg

ประณามการโกงเลือกตั้ง 2 เมษา

เผยแพร่:   โดย: ชัยณรงค์ สมสมาน

การเลือกตั้ง 2 เมษา 2549 จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยในฐานะที่เป็นมหากาพย์แห่งการโกงโคตรโกงเลือกตั้งที่บันลือโลก และเป็นการโกงเลือกตั้งที่คนไทยจะต้องจดจำไว้ชั่วลูกหลานเหลนโหลน

และจะต้องจดจำรายชื่อ กกต. ทั้งสี่คนในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบในการเลือกตั้งที่จะต้องให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมอีกด้วย เพราะเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในความรับผิดชอบของคนสี่คนนี้ โดยที่ไม่มีทางที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ ได้

เว้นแต่จะได้สำนึกในบาปบุญคุณโทษและในความผิดมหันต์ที่กระทำไว้ต่อชาติบ้านเมือง แล้วลาออกจากตำแหน่งโดยเร็วที่สุด ถ้าอย่างนี้ก็พอถือว่าเป็นการไถ่บาปได้บางส่วน

การเลือกตั้ง 2 เมษา ถูกประณามว่าเป็นการเลือกตั้งโคตรโกงมหาโกงแห่งชาติ ก็เพราะมีการโกงที่สำคัญๆ หลายประการ และเท่าที่สรุปประมวลมาจากการเสนอข่าวของสื่อมวลชนและข้อคิดเห็นของผู้นำความคิดของสังคมตลอดจนคอลัมนิสต์ต่างๆ แล้วเป็นดังนี้คือ

ประการแรก เป็นการโกงเจตนาของการเลือกตั้งให้เป็นการฟอกตัวจากข้อกล่าวหาเรื่องขายชาติ โกงชาติ ปล้นชาติ ไร้จริยธรรม ซึ่งมีข้อหากว่า 40 ข้อหา ทั้งๆ ที่กระบวนการเลือกตั้งไม่เกี่ยวและไม่สามารถใช้ในการฟอกลักษณะนี้ได้เลย

การโกงเจตนาของการเลือกตั้งในประการนี้ทำให้ประเทศชาติเสียหายมากมายหลายสถาน เฉพาะที่เป็นตัวเงินก็หลายพันล้านบาท แต่ไม่สำคัญเท่ากับการสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนว่าการเลือกตั้งฟอกโกงได้ แต่ในที่สุดผลการเลือกตั้งก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถหลอกลวงประชาชนในประการนี้ได้

และทำให้เห็นว่ายังมีประชาชนบางส่วนที่เข้าไม่ถึงข้อมูลและข้อเท็จจริงถูกมายาภาพของการหลอกลวงทำให้สับสนและหลงเชื่อ แต่ก็มีข้อดีที่ทำให้เห็นเป้าชัดเจนว่าตรงไหนที่จะต้องได้รับการแก้ไขให้ได้รับข้อมูลข่าวสารทั่วถึงต่อไป

ประการที่สอง เป็นการโกงเวลาเลือกตั้งเพื่อเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นและเพื่ออำนวยประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว

การโกงเวลานี้มีอยู่สองส่วน ส่วนแรกคือระยะเวลาเลือกตั้ง ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วันและไม่เกิน 60 วัน แต่เพื่อจะโกงและเอาเปรียบพรรคอื่นจึงกำหนดระยะเวลาให้เลือกตั้งเพียง 37 วัน นับเป็นการโกงแบบเย้ยฟ้าท้าดิน และไม่สนใจความรู้สึกของประชาชนแม้แต่น้อย เรียกว่าเป็นการโกงกันแบบเปิดตัวเล่นก็ได้ แล้วยังหน้าไม่อายอวดอ้างว่าเป็นกลางเสียอีก

ส่วนที่สองเป็นการโกงระยะเวลารับสมัคร โดยกำหนดเวลาให้เพียงแค่ 5 วันเพื่อไม่ให้พรรคการเมืองอื่นสมัครได้ทัน

การโกงทั้งสองประการนี้ชัดเจนจนไม่รู้ว่าจะชัดเจนอย่างไร จึงทำให้พรรคฝ่ายค้านเดิมทั้งสามพรรคประท้วงโดยการไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะไม่ยอมรับการโกงแบบเย้ยฟ้าท้าดินเช่นนี้ได้

ประการที่สาม เป็นการโกงสมัครรับเลือกตั้งโดยปลุกเสกพรรคผีและผู้สมัครผีมาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะต้องการแก้ไขปัญหาอีกสองอย่างคือ

อย่างแรก ต้องการสร้างภาพลวงว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองอื่นลงแข่งขันด้วย ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งพรรคเดียว

อย่างที่สอง ต้องการหลีกเลี่ยงข้อกำหนดตามกฎหมายที่กำหนดให้เขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครคนเดียวต้องได้รับคะแนนไม่น้อยกว่า 20% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เพราะถ้ามีผู้สมัครลงแข่งแล้ว ถึงจะได้คะแนนเท่าใดก็เป็นอันใช้ได้

แต่การโกงในประการที่สามนี้ได้รับผลกระทบจากการโกงเวลาเลือกตั้งในส่วนของการสมัครรับเลือกตั้งด้วย เพราะมีเวลาน้อย หาพรรคและผู้สมัครไม่ทัน จึงเกิดกระบวนการจ้างวานพรรคผีและผู้สมัครผีที่ไม่มีคุณสมบัติ และเกิดกระบวนการปลอมแปลงแก้ไขทะเบียนสมาชิกพรรคการเมืองใน กกต. ทำกันอย่างครึกโครมจนเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั้งโลก

และในที่สุดผู้สมัครพรรคผีเหล่านี้ก็ถูกเพิกถอนไปร่วม 600 คน นับเป็นการถูกเพิกถอนคุณสมบัติมากที่สุดและต้องดูกันต่อไปว่าจะมีการดำเนินคดีกับสารพัดผีเหล่านี้หรือไม่

จึงเป็นเหตุให้เขตเลือกตั้งถึง 240 กว่าเขตมีผู้สมัครคนเดียว และต้องต่อสู้กับสองปัญหาที่เผชิญหน้า คือ

ปัญหาแรก ปัญหาที่จะต้องทำทุกอย่างให้ได้เสียงเกินกว่า 20% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตนั้น

ปัญหาที่สอง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากกระแสต่อต้านระบอบทักษิณ จึงต้องทำให้คะแนนที่ได้รับมากกว่าผู้ที่ต่อต้าน

เพราะสองปัญหานี้จึงทำให้เกิดกระบวนการโกงในประการต่อไป

ประการที่สี่ การโกงคะแนนเพื่อให้ได้คะแนนเสียงเกิน 20% และได้คะแนนมากกว่าผู้ต่อต้าน และให้ได้คะแนนรวมมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ไปใช้สิทธิ์ เพราะคุณทักษิณได้พลั้งปากพูดว่า ถ้าได้คะแนนเสียงน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ไปใช้สิทธิ์ก็จะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การโกงประการนี้จึงนำไปสู่กระบวนการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินจำนวน ซึ่งมีผู้มีสิทธิ์ประมาณ 44 ล้านคน ไปใช้สิทธิ์ประมาณ 36 ล้านคน แต่กลับพิมพ์บัตรเลือกตั้งถึง 49 ล้านใบ หมายความว่าเกินจำนวนผู้มีสิทธิ์ไปถึง 5 ล้านใบ เกินจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์ถึง 13 ล้านใบ

นั่นเป็นตัวเลขเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่ครั้งนี้มีผู้ไปใช้สิทธิ์เพียง 28 ล้านคน ซึ่งหมายความว่ามีบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์เกินอยู่ถึง 21 ล้านใบ

บัตรที่เกิน 21 ล้านใบนี้ไปอยู่ที่ไหน? ปรากฏว่ามีการจับได้คาหนังคาเขาสองที่ คือที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จับได้คาหนังคาเขาว่ามีบัตรลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์ถึง 20,000 ใบ และที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนพบว่าเกินไป 6 ใบ แล้วใช้วิธีให้ผู้สมัครจับฉลากกันเอาบัตรออกจากหีบเลือกตั้ง

ซึ่งผิดกฎหมาย เพราะถ้าเมื่อเป็นเช่นนี้ต้องเลือกตั้งใหม่

แล้วที่จับไม่ได้คาหนังคาเขาหละมีเท่าใดกันแน่? และมีการตั้งข้อสังเกตว่าคะแนนเสียงที่ชนะเลือกตั้งนั้นแทบทุกเขตจะอยู่ที่ระดับ 35,000-45,000 เป็นส่วนใหญ่

มีเสียงจากคนตัวน้อยๆ ใน กกต. ที่ทนไม่ได้และดังไปถึงสื่อมวลชนว่าการโกงคะแนนที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์คือต้นแบบการโกงบัตรเลือกตั้งในครั้งนี้ และขยายความว่ามีการใช้บัตรเลือกตั้งปั๊มตรายางใส่หีบไว้สำหรับเขตเลือกตั้งจำนวนมากเป็นจำนวนถึงเขตละ 20,000 ใบ ซึ่งหมายความว่าเพื่อให้ผ่านเสียงขั้นต่ำ 20% ให้ได้นั่นเอง

บัตร 20,000 ใบนี้บางส่วนก็ได้เพิ่มเติมให้ในการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยเปลี่ยนหีบและใช้หีบใหม่ซึ่งบรรจุบัตรที่ปั๊มตรายางไว้แล้วเข้าไปแทน ดังนั้นจึงทำให้คะแนนรองรังทุกเขตเกิน 20,000 อย่างแน่นอน

แล้วก็บอกว่าหลายเขตเลือกตั้งโกงอย่างนี้ไม่ได้เพราะมีหลายหน่วยงานไปจ้องจับผิดอย่างใกล้ชิด แต่ในบางพื้นที่ของภาคอีสานและภาคเหนือยังคงโกงได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ซึ่งเป็นเรื่องน่าคิดน่าติดตามค้นคว้าหาความจริงเพราะจะว่าไม่มีมูลก็ไม่ได้ เนื่องจากการโกงที่ประจวบคีรีขันธ์นั้นชัดเจน

จึงทำให้คะแนนเสียง 16 ล้านเสียงมีปัญหาข้อกังขาว่าเกิดจากบัตร 20,000 ใบจำนวนกี่เขตกันแน่ และรวมเป็นจำนวนเท่าใดกันแน่ ผลคะแนน 16 ล้านเสียงจึงไม่ใช่สีขาว หากเป็นสีเทาค่อนไปทางดำ

การโกงคะแนนนี้ยังรวมถึงการนับผลคะแนนด้วย เพราะบัตรที่ไม่ออกเสียงก็ดี บัตรเสียเพราะไปเขียนด่าระบายความโกรธแค้นก็ดี หรือจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ที่หายไปร่วม 10 ล้านคน เพราะประท้วงการเลือกตั้งฟอกโกงก็ดี เมื่อรวมกันแล้วก็จะมากกว่าจำนวน 16 ล้านเสียง แต่กลับพาลนับเอาแค่ผลไม่ออกเสียงเพียงเพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับ 16 ล้านเสียงเท่านั้น

ประการที่ห้า เป็นการโกงในกระบวนการเลือกตั้ง


คือทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นความลับเพื่อให้หัวคะแนนตรวจสอบได้ว่าคนที่รับเงินไปแล้วกาบัตรให้จริงหรือไม่ ซึ่งทำให้การเลือกตั้งไม่ลับและผิดรัฐธรรมนูญ

คือการให้ติดเบอร์ผู้สมัครไว้ในคูหาเลือกตั้ง ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง

คือการไม่จัดปากกาสำหรับผู้ไปเลือกตั้งได้ใช้กา เท่ากับบังคับให้ปั๊มตรายางซึ่งเป็นการขัดคำสั่งศาลปกครองสูงสุด และผิดกฎหมาย

คือการทำให้เกิดความสับสนในการลงคะแนน เพราะทำช่องผู้ไม่ออกเสียงไว้ในช่องเล็กๆ อยู่ทางขวามือล่างสุด หากใครริกาช่องนี้ทุกคนก็จะรู้ได้หมดเพราะต้องยกข้อศอกถอยออกมาข้างหลัง ทำให้ถูกข่มขู่และไม่เป็นธรรม

คือการรู้เห็นเป็นใจให้มีการแจกเงินในคูหาเลือกตั้ง ปล่อยปละละเลยให้มีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ว่าการแจกเงิน แจกของ ให้สัญญา ใส่ร้ายผู้อื่นอย่างครึกโครมต่อสาธารณะโดยไม่ทำอะไรเลย

คือการปกป้องไม่เพิกถอนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ ทั้งๆ ที่มีผู้กล่าวหา มีข้อเท็จจริงและหลักฐานมากมาย เพื่อให้มีคุณสมบัติรับสมัครเลือกตั้งได้และเป็น ส.ส.ได้ ที่สำคัญคือการกล่าวหาคุณทักษิณและการขาดคุณสมบัติของพระเปรมศักดิ์ซึ่งยังไม่ได้ทำอะไรเลย

คือการรู้เห็นเป็นใจให้ข้าราชการบางหน่วยงานที่อยู่ในการควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของรัฐบาลรักษาการดำเนินการเลือกตั้งในทุกกระบวนการ ทำให้การจับทุจริตและการตรวจสอบของประชาชนทำไม่ได้ในหลายพื้นที่

เหล่านี้จึงทำให้การเลือกตั้ง 2 เมษา เป็นการเลือกตั้งโคตรโกงมหาโกง เป็นโมฆะ และทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงทำให้การประท้วงการเลือกตั้งเป็นปัญหาใหญ่เพิ่มขึ้นในบ้านเมือง ทับซ้ำปัญหาวิกฤตระบอบทักษิณเพิ่มขึ้นอีกปัญหาหนึ่ง

มันกำลังทำให้ประเทศไทยจมดิ่งลงไปในวิกฤต ซึ่งเหลือทางรอดเพียงทางเดียวเท่านั้นคือรัฐบาลพระราชทาน ที่ชนทุกกลุ่มทุกหนแห่งกำลังรอคอยด้วยใจวิงวอนร้องขอ
กำลังโหลดความคิดเห็น