xs
xsm
sm
md
lg

โชคชะตาเมืองไทยในอนาคต

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

มีคนหลายคนมาถามผมว่า เมืองไทยจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากการตอบโต้ด่าทอระหว่างคนของรัฐบาลกับประชาชนคนเดินถนนจำนวนแสนๆ คนที่มีการทะเลาะโต้เถียงกันดังลั่นสนั่นเมืองอยู่ในขณะนี้

และสิ่งที่ไม่ควรเกิดมันก็เกิด เช่น ศาลพระพรหมที่เอราวัณอยู่ดีๆ ก็มีคนเตรียมตัวอย่างดีเข้าไปทุบยับเยิน ทั้งๆ ที่พระพรหมที่เอราวัณก็ถูกสร้างมานานหลายสิบปีแล้ว ไม่เคยไปแสดงความพยาบาทมาดร้าย และไม่เคยไปขัดขวางทางใครที่จะเป็นอะไรที่ไหน

และอะไรต่ออะไรที่เกิดจากแรงลมและไม่มีแรงลมในระยะไม่กี่วันที่ผ่านมาดูเหมือนมันจะเป็นลางร้ายว่าน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมืองเพราะเสนียดจัญไรที่เกิดจากลางร้ายต่างๆ ที่ว่านี้

แน่นอนที่สุด ในทัศนะของคนไทยโบราณ เหตุการณ์ดังกล่าวนี้คนไทยจะไม่ยอมให้เป็นเรื่องที่ไม่มีความหมาย แต่เป็นเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่ถือกันว่าเป็นลางร้ายที่บอกกล่าวถึงเสนียดจัญไรที่จะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองและผู้คน

สมัยโบราณจะมีการเซ่นไหว้บวงสรวงกันเป็นการใหญ่เพื่อสกัดกั้นปัดเสนียดจัญไรที่จะเกิดขึ้นแก่บ้านเมือง หรือเป็นการบอกกล่าวถึงเสนียดจัญไรที่จะเกิดแก่ประเทศชาติประชาชนในอนาคต เมื่อศึกษาค้นคว้าขนบประเพณีต่างๆ ที่พอหาได้ ก็พอที่จะช่วยให้มองเห็นอะไรหลายๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองในอนาคต

จากข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลกับประชาชนครั้งนี้ที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชัน และการขายชาติของพวกรัฐบาลไทยชุดนี้ที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุลได้นำมาเสนอต่อประชาชน มันน่าจะเกิดดวงชะตาเมืองของเราเองที่จะบันดาลให้มีอันเป็นไปเช่นนั้นก็ได้ เพราะการสร้างเมืองหลวงของประเทศไทยในสมัยโบราณหรือเฉพาะการสร้างกรุงเทพมหานครของเรานั้น ตามคติประเพณีโบราณของไทยแล้วไม่สามารถจะทำได้ง่ายๆ เพราะมันมีหลักเกณฑ์ และตำรับตำรามากมายที่เป็นหลักและคู่มือสำหรับการปฏิบัติ เฉพาะอย่างยิ่ง เรามีคัมภีร์เก่าแก่ฉบับหนึ่งเป็นตำรับตำราสำหรับสร้างเมืองเรียกว่าตำรา พระนครฐาน หรือตำราการ สร้างเมืองหลวงของไทยซึ่งไม่รู้ว่าในตอนนี้จะยังมีเหลืออยู่ที่ไหนหรือสาบสูญไปแล้วไม่มีใครรู้ เพราะถือว่าเป็นความลับของบ้านเมืองหรือตามประเพณีไทย เราจะไม่หวงแหนหรือไม่สนใจทรัพย์สมบัติเก่าๆ ของเรานัก เพราะเมื่อมีความใหม่ทะลักทลายเข้ามาจากนอกประเทศเราก็จะลืมของเก่าที่มีคุณค่าของเราทิ้งไปเสีย ของโบราณนั้นมีหลักเกณฑ์ของท่านหรือมีเวทมนตร์คาถาอาคมอาถรรพ์อะไรบังคับบงการดวงชะตาเมืองอยู่จึงไม่ทำให้ประเทศชาติล่มจมแตกสลายไปง่ายๆ ซึ่งน่าจะเป็นไปได้หลังจากที่เรามีปัญหาอกสั่นขวัญแขวนมามากมายตั้งแต่สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นต้นมา

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือผู้คนที่เกิดขึ้นจะไม่มีอะไรยั่งยืนอยู่อย่างเป็นอมตะ ทุกอย่างจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น เช่นเดียวกับบ้านเมืองมันอาจจะเกิดแก่เจ็บตายไม่ได้เพราะไม่มีชีวิตแต่สิ่งหนึ่งที่มันจะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองคือการเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่างหลังจากมันพัฒนามาตามลำดับจนสมบูรณ์แล้ว มันก็จะต้องการสิ่งใหม่และให้สิ่งใหม่เกิดขึ้น

ในวิชาโหราศาสตร์ทุกระบบจะมีหลักเกณฑ์ที่ว่านี้ด้วยกันทั้งนั้น เฉพาะอย่างยิ่งโหราศาสตร์ไทย

การเปลี่ยนแปลงต่างๆ จะต้องเกิดขึ้น ซึ่งถ้าเป็นดวงชะตาคนมันอาจจะเป็นเพราะว่ามีบางสิ่งที่ควบคุมอยู่ เป็นอยู่และมีอยู่หรือมีความรู้สึกร่วมกันว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างหนึ่งอย่างใด มันก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามกฎเกณฑ์ของมัน

ในดวงชะตาเมืองไทยนั้น คนโบราณว่ากันว่ายุคหนึ่งมันก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน แต่ระหว่างที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงหรือยังพออยู่กันได้ก็จะต้องค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละเล็กทีละน้อย ถ้าหากการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความสุขความเจริญ จากวันที่ฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ โหรไทยซึ่งมีพระบาทสมด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเป็นประธานได้วางดวงชะตา และได้แบ่งยุคต่างๆ ไว้เสร็จว่าแต่ละยุคจะเกิดอะไรขึ้นและหมายถึงอะไร ซึ่งตั้งพ.ศ. 2325 เป็นต้นมา จนกระทั่งถึง พ.ศ. 2483 ท่านทรงแบ่งได้ 9 ยุคซึ่งจากนั้นมาถึงพ.ศ. 2483 เป็นระยะเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ทรงรับสั่งว่าตามวันเวลาที่กำหนดตามดวงที่ผูกขึ้นในวันฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ พระองค์ทรงแบ่งยุคของกรุงเทพฯไว้ 9 ยุค และรับสั่งว่าจะถาวรลำดับกษัตริย์ไป 150 ปีซึ่งมีกำหนดว่าจะหมดยุคของกษัตริย์ สำหรับเมืองไทยจะมีเพียงเท่านั้น ใน 150 ปี

การเปลี่ยนจากยุคหนึ่งมาสู่ยุคหนึ่งตามความพอใจของคนโบราณในสมัยนั้น ท่านจะถือเอาระยะ 20 ปีเป็นการสิ้นสุดของแต่ละยุค โดยกำหนดจากการโคจรของดาวพฤหัสบดีและเสาร์ (5-7) จะเข้ามากุมกันในราศีใดราศีหนึ่งเป็นหลัก

ในแต่ละยุค ท่านจะขนานนามไว้เสร็จ เช่น ยุค 20 ปีแรก เป็นยุคที่บ้านเมืองจะมีปัญหามากทุกปัญหาเพราะเป็นสมัยที่เมืองหลวงของไทยไปตั้งไว้ที่ธนบุรี เป็นการกู้เอกราชจากพม่าใหม่ๆ เรียกยุคนั้นว่า ยุคมหากาฬ ต่อมามีการใช้อำนาจและการลงโทษที่รุนแรงก็มีตามปกติ ต่อมาอีก 20 ปี ยุคที่ 2 เป็นยุคที่เจ้านายและผู้มีอำนาจฆ่ากันเองเรียกว่า ยุคพันธุ์ยักษ์ และมาถึงยุคที่ 3 ที่เรียกว่า ยุครักบัณฑิต คือสะสมผู้คนมาช่วยกันสร้างบ้านสร้างเมืองฯลฯ

แต่เมื่อครบเวลา 150 ปีขึ้นมา คำทำนายของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็เป็นความจริงขึ้นมาเพราะมีการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ไม่ได้ใช้พระราชอำนาจผ่านนายกรัฐมนตรีซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนส่วนมากซึ่งส่วนมากจะโง่เขลา และได้ผู้ปกครองมาชุดแล้วชุดเล่าจนถึงทุกวันนี้

แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้จนกระทั่งบัดนี้

ในสมัยนั้น เพื่อแก้อาถรรพ์บ้านเมืองจะต้องเปลี่ยนแปลงก็ได้มีเจ้านายทั้ง 4 พระ
องค์เข้ามาช่วยกันแก้อาถรรพ์คือ (1) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (2) สมเด็จเจ้าฟ้านครสวรรค์วรพินิต (3) กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน (4) สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินทร์

เจ้านายทั้ง 4 พระองค์ทรงสมภพในปีมะเส็งด้วยกันทั้งสิ้น

ทั้งหมดได้ร่วมกันสร้างอนุสรณ์แก้อาถรรพ์ขึ้นที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่25 เมษายน 2325 ตึกที่ทรงสร้างขึ้นนั้นชื่อว่า “ตึกสี่มะเส็ง” ซึ่งอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้

และก็ยังมีการพูดกันในหมู่คนไทยผู้เฒ่าผู้แก่ว่ากรุงเทพฯ หรือเมืองไทยนั้น ไม่ว่ามันจะชั่วดีอย่างไร ก็จะไม่มีใครทำลายได้ กรุงเทพฯ ยังเป็นกรุงเทพฯ เมืองไทยยังคงเป็นเมืองไทยมีอยู่คนหนึ่งที่พยายามจะเป็นประธานาธิบดีนั้นจะฉิบหาย เพราะมีการฝังอาถรรพ์ที่ร้อนแรงไว้ทั้ง 4 มุมเมือง เมื่อวันที่ฝังเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ

ก็ว่าๆ กันมาอย่างนั้นในวงการโหรไทยรุ่นเก่า แต่จะเท็จจริงอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ

เรื่องราวเกี่ยวกับชะตาเมืองและดวงเมืองที่เขียนมานี้ ไม่ได้เขียนให้ใครเชื่อกัน แต่เขียนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวเก่าๆ เล่าสู่กันฟังแล้วแต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของศรัทธาของแต่ละคน

เพราะว่ามีความขัดแย้งกันระหว่างพวกขายชาติ และสมุนบริวารที่ขายแผ่นดินและทรัพย์สินของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ดินน้ำลมไฟจดหมด แล้วที่ทำให้นักธุรกิจการเมืองตระกูลหนึ่งรวยขึ้นมาทันตาเห็นถึง 860,000 ล้านบาท (แปดแสนหกหมื่นล้านบาท ตามข่าวชาวบ้าน) ภายในไม่กี่ปีและมีคนเทียบไว้ว่าเงินจำนวนนี้จะต้องใช้คนไทย 250,000 ครอบครัวที่จะหาเงินจำนวนนี้ได้ภายในไม่กี่ปี กับคุณสนธิ ลิ้มทองกุลกับประชาชนที่ไม่ถูกซื้อถูกเกณฑ์ เลียมือเลียเท้าที่นำมาพร้อมด้วยดอกไม้ทุกประเภท ถือว่าเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง และหนักหน่วงที่สุดตั้งแต่มีการจัดตั้งกรุงเทพมหานคร เป็นต้นมา

ก็ทำให้ผู้สนใจโหราศาสตร์ทั่วไปสนใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไป

ในตำราของผม ผมขอยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยจะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป จากอิทธิพลของเสาร์และราหูที่เข้ามารบกวนดวงเมืองคือ การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทุกด้าน เฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจะต้องเกิดขึ้นก่อน ต่อจากนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และนักการเมืองชั่วทุกประเภทออกไปให้พ้น ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นจากอิทธิพลของดาวอื่นๆ อีก 3 ดวงคือ มฤตยูในราศีกุมภ์ เนปจูนในราศีมังกร และที่สำคัญที่สุดก็คือพลูโตในราศีธนูซึ่งจะเข้ามากุมเสาร์ และราหูเดิมในดวงชะตากรุงเทพฯ ซึ่งเป็นราศีและดวงดาวที่หมายถึงกฎหมาย และการพัฒนาการต่างประเทศซึ่งจะดำเนินไปอย่างรุนแรง และไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือมหาเศรษฐีเป็นแสนล้านที่มีอยู่

ขอให้ทราบว่า คนที่มีดาวเสียในราศีนี้ ถ้าไม่ฉิบหายกันแล้ว ก็น่าอัศจรรย์

แม้แต่บรรดาสุนัขรับใช้ขนานแท้และดั้งเดิมทุกตัวที่ยืนยันกันว่ามั่นคง ก็ขอให้เลียกันไปเห่ากันไปเท่าที่ต้องการก็จะต้องฉิบหายไปหนักยิ่งกว่าพระพรหมที่เอราวัณเป็นไหนๆ

เฉพาะนักคอร์รัปชันที่มีชื่อเสียงของบ้านเรา เตรียมใช้กรรมกันเถอะครับ!!

ถึงเวลาแล้วครับ ที่พวกคุณทุกคนจะต้องได้รับความฉิบหาย
กำลังโหลดความคิดเห็น