บันลือกรุ๊ปสยายปีกสู่ตลาดต่างประเทศ หลังตลาดในประเทศมีสารพัดปัจจัยรุมเร้า ล่าสุดสวนกระแสตลาดที่ฮิตนำเข้าวัฒนธรรมเกาหลีด้วยการส่งการ์ตูน“สามก๊ก มหาสนุก” ของไทยตะลุยแดนโสมแทน เผยเดือนหน้าเตรียมเซ็นสัญญากับซีซีทีวีของจีนทำตลาดปังปอนด์เต็มสูบ คาดยอดรายได้ต่างประเทศปีนี้เพิ่มสัดส่วนเป็น 30-40% จากเดิมมี 10% ส่วนตลาดในไทยเตรียมส่งภาพยนตร์หนูหิ่นลงจอ 1 มิ.ย.นี้ และเตรียมต่อยอดธุรกิจทำซิทคอมหนูหิ่นคาดได้เห็นปลายปี
นายวิธิต อุตสาหจิต ประธานบริหาร กลุ่มบริษัทบันลือกรุ๊ป เปิดเผยว่า ตลาดการ์ตูนในประเทศมีการขยายตัวขึ้นทุกปีแต่ไม่มาก เนื่องจากปัญหาหลายอย่าง เช่น เด็กสนใจเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ,ปัญหาการ์ตูนเช่า และลิขสิทธิ์เถื่อน รวมถึงเรื่องสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดลิขสิทธิ์ได้รับผลกระทบมากสุด เพราะผู้บริโภคซื้อสินค้ายากขึ้นและเจ้าของสินค้าลังเลไม่กล้าลงทุน เพราะอยากรอให้เหตุการณ์สงบก่อน
ดังนั้นในปีนี้กลุ่มบริษัทฯ จึงมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ด้วยการบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ล่าสุดบริษัทบันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบันลือกรุ๊ปได้ร่วมกับบริษัทพีเอ็มจี โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และซัมซุง บุ๊ค พับลิเชอร์จากเกาหลีทำการลงนามสัญญาการแปลและจัดจำหน่ายหนังสือการ์ตูนเรื่องสามก๊ก มหาสนุก ฉบับ “หมู นินจา บรรลือสาส์น” เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อทำตลาดและจำหน่ายที่ประเทศเกาหลี
นายฮุนชุน คิม ประธานคณะผู้บริหาร บริษัทพีเอ็มจี โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เบื้องต้นบริษัทฯวางแผนทำตลาดในส่วนหนังสือการ์ตูนสามก๊ก มหาสนุกก่อน คาดว่าจะวางตลาดได้ในเดือนส.ค.นี้ โดยบริษัทฯได้มอบให้ซัมซุง บุ๊ค พับลิชเชอร์ทำการแปลและจัดจำหน่าย และตั้งเป้ายอดขายหนังสือมากกว่า 1 ล้านชุดในระยะ 2 ปี
จากนั้นจะมีการต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ เช่น ภาพยนตร์สามก๊กแอนิเมชั่นได้ร่วมกับบริษัทบิ๊ก สตาร์และอีเนเมส สตูดิโอในการพากษ์เสียงเกาหลี และมีแผนออกอากาศทางสถานีเอสบีเอสหรือตูนนิเวิร์ส ต่อจากนั้นมีแผนทำธุรกิจโมบาย คอนเทนต์และตลาดลิขสิทธิ์ ซึ่งได้ร่วมมือกับเอสเค คอมมูนิเคชั่น
นายวิธิต กล่าวต่อว่า สำหรับการทำตลาดต่างประเทศในเดือนเมษายนนี้จะมีการเซ็นสัญญากับซีซีทีวีของจีนในการทำตลาด “ปังปอนด์” เต็มรูปแบบทั้งภาพยนตร์แอนนิเมชั่น,โฮม เอนเตอร์เทนเมนต์ ,การ์ตูนและสินค้าลิขสิทธิ์ เป็นต้น หลังจากที่บริษัทวิธิตา แอนิเมชั่นในเครือบันลือกรุ๊ปได้นำปังปอนด์ไปเปิดตลาดจีนเมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วและได้รับการตอบรับดี โดยสัดส่วนยอดรายได้จากต่างประเทศปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนเป็น 30-40% จากยอดขายทั้งหมด จากเดิมปีที่แล้วมี 10%
“ส่วนตลาดในประเทศภาพยนตร์เรื่องหนูหิ่นกำลังจะเข้าฉายในวันที่ 1 มิ.ย. 49 นี้ เชื่อว่าตรงนี้จะสร้างปรากฎการณ์ให้กับภาพยนตร์และการ์ตูนไทยได้ เพราะแค่แฟนการ์ตูนของหนูหิ่นก็มีกว่า 1 ล้านคนแล้ว จากนั้นจะมีการต่อยอดธุรกิจด้วยการทำเป็นซิท คอม ขณะนี้กำลังมองหาผู้ผลิตอยู่และคาดว่าจะเปิดตัวได้ในปลายปีนี้”
ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงพิมพ์อยู่ 2 แห่ง และเตรียมสร้างแห่งที่ 3 ที่นิคมสินสาครเพิ่มเพื่อรองรับตลาดส่งออก ภายใต้งบลงทุน 500 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้
นายวิธิต อุตสาหจิต ประธานบริหาร กลุ่มบริษัทบันลือกรุ๊ป เปิดเผยว่า ตลาดการ์ตูนในประเทศมีการขยายตัวขึ้นทุกปีแต่ไม่มาก เนื่องจากปัญหาหลายอย่าง เช่น เด็กสนใจเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ,ปัญหาการ์ตูนเช่า และลิขสิทธิ์เถื่อน รวมถึงเรื่องสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดลิขสิทธิ์ได้รับผลกระทบมากสุด เพราะผู้บริโภคซื้อสินค้ายากขึ้นและเจ้าของสินค้าลังเลไม่กล้าลงทุน เพราะอยากรอให้เหตุการณ์สงบก่อน
ดังนั้นในปีนี้กลุ่มบริษัทฯ จึงมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ด้วยการบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ล่าสุดบริษัทบันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบันลือกรุ๊ปได้ร่วมกับบริษัทพีเอ็มจี โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และซัมซุง บุ๊ค พับลิเชอร์จากเกาหลีทำการลงนามสัญญาการแปลและจัดจำหน่ายหนังสือการ์ตูนเรื่องสามก๊ก มหาสนุก ฉบับ “หมู นินจา บรรลือสาส์น” เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อทำตลาดและจำหน่ายที่ประเทศเกาหลี
นายฮุนชุน คิม ประธานคณะผู้บริหาร บริษัทพีเอ็มจี โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เบื้องต้นบริษัทฯวางแผนทำตลาดในส่วนหนังสือการ์ตูนสามก๊ก มหาสนุกก่อน คาดว่าจะวางตลาดได้ในเดือนส.ค.นี้ โดยบริษัทฯได้มอบให้ซัมซุง บุ๊ค พับลิชเชอร์ทำการแปลและจัดจำหน่าย และตั้งเป้ายอดขายหนังสือมากกว่า 1 ล้านชุดในระยะ 2 ปี
จากนั้นจะมีการต่อยอดไปยังธุรกิจอื่นๆ เช่น ภาพยนตร์สามก๊กแอนิเมชั่นได้ร่วมกับบริษัทบิ๊ก สตาร์และอีเนเมส สตูดิโอในการพากษ์เสียงเกาหลี และมีแผนออกอากาศทางสถานีเอสบีเอสหรือตูนนิเวิร์ส ต่อจากนั้นมีแผนทำธุรกิจโมบาย คอนเทนต์และตลาดลิขสิทธิ์ ซึ่งได้ร่วมมือกับเอสเค คอมมูนิเคชั่น
นายวิธิต กล่าวต่อว่า สำหรับการทำตลาดต่างประเทศในเดือนเมษายนนี้จะมีการเซ็นสัญญากับซีซีทีวีของจีนในการทำตลาด “ปังปอนด์” เต็มรูปแบบทั้งภาพยนตร์แอนนิเมชั่น,โฮม เอนเตอร์เทนเมนต์ ,การ์ตูนและสินค้าลิขสิทธิ์ เป็นต้น หลังจากที่บริษัทวิธิตา แอนิเมชั่นในเครือบันลือกรุ๊ปได้นำปังปอนด์ไปเปิดตลาดจีนเมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้วและได้รับการตอบรับดี โดยสัดส่วนยอดรายได้จากต่างประเทศปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนเป็น 30-40% จากยอดขายทั้งหมด จากเดิมปีที่แล้วมี 10%
“ส่วนตลาดในประเทศภาพยนตร์เรื่องหนูหิ่นกำลังจะเข้าฉายในวันที่ 1 มิ.ย. 49 นี้ เชื่อว่าตรงนี้จะสร้างปรากฎการณ์ให้กับภาพยนตร์และการ์ตูนไทยได้ เพราะแค่แฟนการ์ตูนของหนูหิ่นก็มีกว่า 1 ล้านคนแล้ว จากนั้นจะมีการต่อยอดธุรกิจด้วยการทำเป็นซิท คอม ขณะนี้กำลังมองหาผู้ผลิตอยู่และคาดว่าจะเปิดตัวได้ในปลายปีนี้”
ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงพิมพ์อยู่ 2 แห่ง และเตรียมสร้างแห่งที่ 3 ที่นิคมสินสาครเพิ่มเพื่อรองรับตลาดส่งออก ภายใต้งบลงทุน 500 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้