xs
xsm
sm
md
lg

เทคโนโลยีดับอนาคตของเล่นเดิมดรีมทอยพึ่งทามาก็อตฉบับเรียลิตี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 

ตลาดของเล่นเจอวิกฤติประสบปัญหายอดขายไม่กระเตื้อง หลังกระแสเทคโนโลยีมาแรง เด็กหันไปเล่นอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ล่าสุด ดรีมทอย สบช่องทางดึงไอทีโยงเข้ากับของเล่น ส่งทามาก็อต เวอร์ชั่น 3 เจาะตลาดช่วงปิดเทอม ในรูปแบบ เรียลิตี้ ทอย ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต มั่นใจเพิ่มยอดขายช่วงซัมเมอร์ได้ 30 % จากจำนวน 15,000 ตัว มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท
 
นายวีระรัตน์ กิจเลิศไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท ดรีมทอย จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายของเล่นแบรนด์ “บันได” เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดของเล่นในประเทศไทยอยู่ในระดับประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยแทบจะไม่มีอัตราการเติบโตขึ้นเลย ทั้งนี้เกิดจากกระแสการใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาแทนการเล่นของเล่นดังแต่ก่อน

อีกทั้งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเด็ก ที่ปกติเด็กอายุระหว่าง 15 ปี ยังคงเล่นของเล่น แต่ในปัจจุบัน เด็ก 10 ขวบ ก็เริ่มหยุดเล่นของเล่นกันแล้ว

ขณะเดียวกันเทรนด์ของของเล่นจะเริ่มเปลี่ยนไป โดยจะเริ่มเป็นของเล่นที่มีการนำเอาเทคโนโลยีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของของการเล่นด้วยให้เข้ากับยุคปัจจุบันที่ต้องมีความทันสมัย และความสะดวกในการใช้งานจึงจะสามารถขายได้ ซึ่งจะมาทดแทนของเล่นในแบบเดิมๆ

ดังนั้นบริษัทฯจึงได้เปิดตัว ทามาก็อต เวอร์ชั่น 3 อีกครั้ง หลังจากที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา กับเวอร์ชั่นที่ 1 และ 2 ที่มียอดจำหน่ายรวมกว่า 21.6 ล้านชิ้นทั่วโลก โดยทามาก็อต เวอร์ชั่น 3 นี้ มีจุดเด่นอยู่ที่ ความเป็น เรียลิตี้ ทอย สามารถเล่นผ่านอินเทอร์เน็ตได้อีกทางหนึ่ง คาดว่าจะได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี
สำหรับกลุ่มเป้าหมาย จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น และเด็กโตเป็นกลุ่มหลัก เนื่องจาก ฟังก์ชั่นการเล่นที่ซับซ้อนขึ้น รวมไปถึงการเล่นผ่านอินเทอร์เน็ต บวกกับราคาการจำหน่ายที่ 859 บาทต่อ 1 ชิ้น เป็นราคาที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว เนื่องจากสามารถเก็บเงินซื้อเองได้แล้วนั่นเอง

ทั้งนี้ทามาก็อต เวอร์ชั่น 3 ได้เริ่มวางจำหน่ายมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คาดว่าภายในเดือนพฤษภาคมจะจำหน่ายได้หมด ผ่านช่องทางการขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ทั้งในกรุงเทพและจังหวัดใหญ่ๆ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ นครราชสีมา

ส่วนกิจกรรมส่งเสริมการขาย อย่างการสาธิตวิธีการเล่นตามบูธของเล่นนั้น คาดว่าจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้จำหน่ายได้ตามที่ทางบริษัทนำเข้ามา คือ 15,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 12 ล้านบาท โดยส่งผลให้ยอดขายในช่วงซัมเมอร์นี้โตขึ้นอีก 30% อีกด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้เตรียมเปิดตัวของเล่นใหม่อีก 2-3 ตัวตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไป โดยของเล่นใหม่นี้ยังคงอิงกับกระแสเทคโนโลยีหรือคาเรกเตอร์ของของเล่นเป็นสำคัญ คาดว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นยอดขายแก่บริษัทได้ไม่ต่ำกว่า 30% ในปีนี้
 
กำลังโหลดความคิดเห็น