”ทักษิณ” ดอดไปซอยละลายทรัพย์ สีลมหวังหาเสียง แต่เจอแม่ค้ากู้ชาติใจเด็ดด่า “ขายชาติ” ขณะหม่ำข้าวถึงหน้าเสีย แต่ยังใจดีสู้เสือกินข้าวจนหมด ตำรวจติดตามแค้นนายถูกด่า สวมวิญญาณลูกผู้ชายนุ่งผ้าถุงท้าแม้ค้าแน่จริงลงมา แต่ที่สุดต้องหนีหัวซุกหัวซุน ยกเลิกหาเสียงพร้อมเผ่นแน่บไปหากองเชลียร์ที่เชียงใหม่กะทันหัน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงภารกิจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ช่วงเช้า วานนี้ (27 มี.ค.)ได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัลสนิทวงศ์ 69 จนเมื่อเวลา 09.00 น. จึงเดินทางออกจากบ้านพักโดยมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยถึงทำเนียบฯ เวลา 09.19 น. ตามเวลาเดิมเหมือนเมื่อ 2 ครั้งที่เข้าทำเนียบฯ พร้อมขึ้นไปยังห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยห้ามผู้สื่อข่าวและช่างภาพเข้าไปทำข่าวบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
จากนั้นเวลา 11.50 น.พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมคณะ ออกเดินทางจากทำเนียบฯ ไปยังซอยละลายทรัพย์ ย่านสีลม เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ที่ศูนย์อาหารตรินินี้มอลล์ 3 และช่วยลูกพรรคหาเสียง ท่ามกลางความแปลกใจของประชาชนที่กำลังรับประทานอาหารเที่ยงในบริเวณดังกล่าว โดย พ.ต.ท.ทักษิณ พูดกับผู้สื่อข่าว อย่างอารมณ์ดีว่า เดี๋ยวจะมาละลายทรัพย์สัก 400-500 บาท ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมไม่ไปรับประทานอาหารที่โรงแรม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มัน Luxury (ฟุ่มเฟือย) ไปหน่อย
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งเส้นใหญ่ราดหน้าหมู และผัดไทห่อไข่ มารับประทาน แต่ขณะที่กำลังรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐาน ได้ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า กินลงเหรอไม่ต้องกินแล้ว ขายชาติออกไป ทำให้นายกฯ หันไปดูทันที ด้วยสีหน้าตกใจ พร้อมฝืนยิ้ม
แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ก็ได้เข้าไปกัน ผู้หญิงคนดังกล่าวให้ออกไปจากบริเวณนั้นทันที ผู้หญิงใจกล้าคนดังกล่าวจึงได้เดินกลับไปยังร้านขายเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใต้อาคารตรีนิตี้ มอล 3 โดยมีพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้เดินออกมาให้กำลังใจ พร้อมได้ช่วยกันร่วมตะโกนว่า ทักษิณ ออกไป คนขายชาติมาทำไม ไปให้ไกลที่สุด ไปอังกฤษนั่นเลย
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าพื้นที่ บริเวณดังกล่าว จะเป็นร้านขายสินค้าที่มีระดับ เช่น ร้านขายเพชร ร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ยังไม่ยุติแค่นั้น เมื่อภายในศูนย์อาหารมีเสียงตะโกน ทักษิณ สู้ ๆ ดังขึ้น ขณะที่เสียงตะโกนทักษิณออกไปของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงทักษิณ สู้ ๆ ดังเป็นระยะๆ โดย นางอรทัย ฐานะจาโร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ซึ่งตามคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้นเสียงนำ โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงรับประทานอาหารอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ รับประทานอาหารเสร็จ ได้มีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปและลายเซ็น พร้อมเสียง ทักษิณ สู้ๆ ดังตลอดเวลา โดย นางอรทัย กล่าวว่า ขอให้ช่วยเป็นคนนำตะโกนเชียร์นายกฯ ให้หน่อย ค่ะ เพราะจะได้มีคนตามเยอะๆ
หลังแจกลายเซ็นเรียบร้อย จังหวะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังจะเดินออกจากศูนย์อาหาร ได้มีชายหนุ่มวัยทำงานคนหนึ่ง ได้ถือผ้าโพกศีรษะกู้ชาติ สีเหลืองไว้ในมือ พร้อมตะโกนเสียงดังลั่นว่า ทักษิณ ออกไป แต่ยังไม่ทันที่ชายคนดังกล่าวจะพูดต่อ รปภ.นายกฯ ได้แสดงความฉุนเฉียว เดินไปกระชากแขนชายคนดังกล่าว พร้อมสบถลั่นว่า ออกพ่อมึงเหรอ ทำให้ชายคนดังกล่าวตกใจ หน้าถอดสี พร้อมเดินถอยห่างออกไป แต่ รปภ.นายกฯ ยังไม่ยอมลดละ เดินตามประกบไปด่าอีกว่า มึงพูดทำไม ไปพูดที่อื่นไม่ได้เหรอ ไอ้ เหี้.. ไอ้ คว... ขณะที่ชายคนดังกล่าวไม่ได้ตอบโต้อะไร โดยเดินไปหากลุ่มเพื่อนๆ ที่รอให้กำลังใจอยู่บริเวณใกล้เคียง
จากนั้นได้มีผู้หญิงวัยกลางคน สวมเสื้อสีส้ม ซึ่งอยู่บนอาคารชั้นจอดรถ ได้ตะโกนด่าลงมาว่า ทักษิณ ออกไป คนขายชาติออกไป สิ้นเสียงด่า ประชาชนบางส่วนที่อยู่ข้างล่างพากันปรบมือชอบใจ ทำให ้รปภ.นายกฯ โกรธจัด แหงนหน้า ตะโกนสวนกลับไปว่า แน่จริง ลงมา
ขณะนั้น นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ซึ่งเดินทางมาสมทบ เพื่อช่วยพ่อหาเสียงเดินทางมาถึงพอดี เมื่อได้ยินถึงกับสบถกว่า เหี้....
อย่างไรก็ตามก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ทาง รปภ.นายกฯ จึงได้แนะนำให้นายกฯ เดินทางกลับทันที และยกเลิกแผนการเดินพบปะพ่อค้าแม่ขายซอยละลายทรัพย์ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้นายกฯบอกว่า จะเดินชอบปิ้งละลายทรัพย์ซัก 400-500 บาททันที โดยเดินทางกลับไปยังบ้านพิษณุโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปยังบ้านพิษณุโลก ประมาณ 20 นาที ก็มีรถรถตู้โฟล์คติดฟิล์มดำวิ่งออกมา 3 คัน ทำให้ผู้สื่อข่าวต้องเช็คกันให้วุ่นว่า นายกฯ ออกจากพิษณุโลกแล้วหรือยัง จนกระทั่งเวลา 14.30 น.รถนำขบวนของนายกรฯ ได้เคลื่อนขบวนออกจากบ้านพิษณุโลก มุ่งหน้าไปยังทางด่วนศรีรัชต์ และจอดบริเวณทางขึ้นทางด่วน โดย ทีมติดตามได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าให้จอดรอนายกฯ ก่อน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที รถนายกฯก็ขับมาพร้อมขบวนรถของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม จากนั้นจึงเดินทางไปประชุมที่พรรคไทยรักไทย
พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาประชุมผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจนถึงเวลา 16.15 น. จึงเดินทางออกจากที่ทำการพรรค โดยให้สัมภาษณ์ว่า จะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ จะไปนอนพักผ่อนที่บ้านเชียงใหม่กรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม 1-2 วัน และจะกลับวันพุธที่ 29 มี.ค. ส่วนการประชุม ครม.ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ จะประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ จาก จ.เชียงใหม่มายังทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกท้อใจไหมที่กระแสขับไล่เพิ่มขึ้น ขนาดไปกินข้าวที่สีลมยังโดนตะโกนไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า กระแสไล่น้อยมาก กระแสสนับสนุนยังเยอะ
ผู้สื่อรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเชียงใหม่ในเวลา 19.00 น. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายกฯประกาศว่าจะลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.สมุทรปราการ ในวันอังคารที่ 28 มี.ค. หลังการประชุม ครม. และพรรคไทยรักไทยเองก็ได้ออก กำหนดการลงพื้นที่หาเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงโค้งสุดท้ายในพื้นที่กรุงเทพฯ ไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าในช่วงเย็นภายหลังการประชุมพรรคกลับตัดสินไปเดินทางไป จ.เชียงใหม่อย่างกะทันหัน
**แม่ค้ายันไม่กลัวคนขายชาติ
นางวราภรณ์ (ไม่ขอเปิดเผยนามสกุล) อายุ 45 ปี ผู้ค้าจิวเวอรี่อยู่ในศูนย์การค้าตรีนิตี้ มอลล์ 3 ปากซอยละลายทรัพย์ ถนนสีลม กล่าวว่า พวกเราเป็นกลุ่มผู้ค้าที่ไม่ชอบและอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณลาออก จึงออกไปยืนตะโกนบริเวณหน้าศูนย์การค้า ซึ่งก็เป็นสิทธิของเรา
ทั้งนี้ หลังจากที่นายกฯ เดินทางกลับ นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย จะเดินเข้ามาในศูนย์การค้า แต่กลุ่มแม่ค้าก็ไปยืนอยู่ด้านหน้าศูนย์การค้า โดยตนเป็นคนนำเสียงพูดว่า "ทักษิณ" และกลุ่มเพื่อนๆ ผู้ค้าก็ช่วยตะโกนว่า "ออกไป" ทำให้นายจักรภพ ไม่กล้าเดินเข้ามาในศูนย์การค้า หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ก็ได้มีชาย 2 คน อายุประมาณ 45 ปี สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้ามาแอบถ่ายรูปที่หน้าร้านและเพื่อนๆ ที่ออกไปยืนตะโกนหน้าศูนย์การค้า
เมื่อถามชายทั้งสองว่ามาถ่ายรูปทำไม ทั้งสองก็อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อขอดูบัตรประจำตัวหนึ่งในนั้นก็หยิบบัตรขึ้นมา แต่ใช้มือกำไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังจึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศอะไร และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ จากนั้นทั้งสองก็ได้เดินทางออก โดยบอกว่า มีปัญหาอะไรให้ไปหาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
“ฉันไม่เข้าใจว่าการออกไปยืนตะโกนที่ทำไปมันผิดตรงไหน มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละคน ที่จะมีการแสดงความคิดเห็น อีกอย่างฉันจำได้ว่าทั้งสองคนที่อ้างเป็นตำรวจเป็นทีมงานที่เดินทางมาพร้อมกับขบวนของนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังมาแอบถ่ายที่หน้าร้านซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ แล้วจะเอารูปไปทำอะไรก็ไม่ยอมบอก”
นางวราภรณ์ กล่าวอีกว่า เมื่อปีที่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยเข้ามาเยี่ยมเยียนและหาเสียง ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี พ่อค้าแม่ค้าเกือบทุกคนยินดีและเปิดใจที่จะรับนายกฯคนนี้ และยังได้เลือกลงคะแนนให้พรรคนี้ แต่พอมาวันนี้ก็รู้เรื่องตามที่เขาทำ เรื่องล่าสุดก็เรื่องการขายหุ้นกฟผ. ยิ่งทำให้เสียความศรัทธา ซึ่งตอนนี้เขาน่าจะยอมออกไป
อย่างไรก็ตาม ตนจะประสาน ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อขอดูว่าชายสองคนที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นตำรวจของ สน.ทุ่งมหาเมฆจริงหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ เนื่องจากที่ร้านก็เป็นพื้นที่สาธารณะ คนสามารถเดินเข้าออกได้ และไม่รู้ว่าใครคิดดีหรือคิดไม่ดี
ทางด้านนางเพียงเพ็ญ (ไม่ขอเปิดเผยนามสกุล) อายุ 32 ปี แม่ค้าขายผ้าคนหนึ่ง กล่าวว่า มีลูกค้ามาเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้าที่รักษาการนายกจะเดินทางมาก็มีชาย 2 คน ซื้อดอกกุหลาบมาแจกให้กับแม่ค้าที่ขายของอยู่ระหว่างทาง โดยบอกว่าถ้านายกฯเดินทางมาถึงให้มอบดอกกุหลาบให้ แต่บรรดาแม่ค้าต่างปฏิเสธ ซึ่งเชื่อว่าคนที่ถือดอกกุหลาบให้นายกฯ น่าจะเป็นคนที่เขาเตรียมมา
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงภารกิจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ช่วงเช้า วานนี้ (27 มี.ค.)ได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัลสนิทวงศ์ 69 จนเมื่อเวลา 09.00 น. จึงเดินทางออกจากบ้านพักโดยมุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยถึงทำเนียบฯ เวลา 09.19 น. ตามเวลาเดิมเหมือนเมื่อ 2 ครั้งที่เข้าทำเนียบฯ พร้อมขึ้นไปยังห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยห้ามผู้สื่อข่าวและช่างภาพเข้าไปทำข่าวบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
จากนั้นเวลา 11.50 น.พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมคณะ ออกเดินทางจากทำเนียบฯ ไปยังซอยละลายทรัพย์ ย่านสีลม เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ที่ศูนย์อาหารตรินินี้มอลล์ 3 และช่วยลูกพรรคหาเสียง ท่ามกลางความแปลกใจของประชาชนที่กำลังรับประทานอาหารเที่ยงในบริเวณดังกล่าว โดย พ.ต.ท.ทักษิณ พูดกับผู้สื่อข่าว อย่างอารมณ์ดีว่า เดี๋ยวจะมาละลายทรัพย์สัก 400-500 บาท ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมไม่ไปรับประทานอาหารที่โรงแรม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มัน Luxury (ฟุ่มเฟือย) ไปหน่อย
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งเส้นใหญ่ราดหน้าหมู และผัดไทห่อไข่ มารับประทาน แต่ขณะที่กำลังรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายภูมิฐาน ได้ตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า กินลงเหรอไม่ต้องกินแล้ว ขายชาติออกไป ทำให้นายกฯ หันไปดูทันที ด้วยสีหน้าตกใจ พร้อมฝืนยิ้ม
แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ก็ได้เข้าไปกัน ผู้หญิงคนดังกล่าวให้ออกไปจากบริเวณนั้นทันที ผู้หญิงใจกล้าคนดังกล่าวจึงได้เดินกลับไปยังร้านขายเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใต้อาคารตรีนิตี้ มอล 3 โดยมีพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในบริเวณเดียวกันได้เดินออกมาให้กำลังใจ พร้อมได้ช่วยกันร่วมตะโกนว่า ทักษิณ ออกไป คนขายชาติมาทำไม ไปให้ไกลที่สุด ไปอังกฤษนั่นเลย
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าพื้นที่ บริเวณดังกล่าว จะเป็นร้านขายสินค้าที่มีระดับ เช่น ร้านขายเพชร ร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ยังไม่ยุติแค่นั้น เมื่อภายในศูนย์อาหารมีเสียงตะโกน ทักษิณ สู้ ๆ ดังขึ้น ขณะที่เสียงตะโกนทักษิณออกไปของผู้หญิงอีกคนก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงทักษิณ สู้ ๆ ดังเป็นระยะๆ โดย นางอรทัย ฐานะจาโร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ซึ่งตามคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นต้นเสียงนำ โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงรับประทานอาหารอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ รับประทานอาหารเสร็จ ได้มีประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปและลายเซ็น พร้อมเสียง ทักษิณ สู้ๆ ดังตลอดเวลา โดย นางอรทัย กล่าวว่า ขอให้ช่วยเป็นคนนำตะโกนเชียร์นายกฯ ให้หน่อย ค่ะ เพราะจะได้มีคนตามเยอะๆ
หลังแจกลายเซ็นเรียบร้อย จังหวะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังจะเดินออกจากศูนย์อาหาร ได้มีชายหนุ่มวัยทำงานคนหนึ่ง ได้ถือผ้าโพกศีรษะกู้ชาติ สีเหลืองไว้ในมือ พร้อมตะโกนเสียงดังลั่นว่า ทักษิณ ออกไป แต่ยังไม่ทันที่ชายคนดังกล่าวจะพูดต่อ รปภ.นายกฯ ได้แสดงความฉุนเฉียว เดินไปกระชากแขนชายคนดังกล่าว พร้อมสบถลั่นว่า ออกพ่อมึงเหรอ ทำให้ชายคนดังกล่าวตกใจ หน้าถอดสี พร้อมเดินถอยห่างออกไป แต่ รปภ.นายกฯ ยังไม่ยอมลดละ เดินตามประกบไปด่าอีกว่า มึงพูดทำไม ไปพูดที่อื่นไม่ได้เหรอ ไอ้ เหี้.. ไอ้ คว... ขณะที่ชายคนดังกล่าวไม่ได้ตอบโต้อะไร โดยเดินไปหากลุ่มเพื่อนๆ ที่รอให้กำลังใจอยู่บริเวณใกล้เคียง
จากนั้นได้มีผู้หญิงวัยกลางคน สวมเสื้อสีส้ม ซึ่งอยู่บนอาคารชั้นจอดรถ ได้ตะโกนด่าลงมาว่า ทักษิณ ออกไป คนขายชาติออกไป สิ้นเสียงด่า ประชาชนบางส่วนที่อยู่ข้างล่างพากันปรบมือชอบใจ ทำให ้รปภ.นายกฯ โกรธจัด แหงนหน้า ตะโกนสวนกลับไปว่า แน่จริง ลงมา
ขณะนั้น นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ซึ่งเดินทางมาสมทบ เพื่อช่วยพ่อหาเสียงเดินทางมาถึงพอดี เมื่อได้ยินถึงกับสบถกว่า เหี้....
อย่างไรก็ตามก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ทาง รปภ.นายกฯ จึงได้แนะนำให้นายกฯ เดินทางกลับทันที และยกเลิกแผนการเดินพบปะพ่อค้าแม่ขายซอยละลายทรัพย์ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้นายกฯบอกว่า จะเดินชอบปิ้งละลายทรัพย์ซัก 400-500 บาททันที โดยเดินทางกลับไปยังบ้านพิษณุโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าไปยังบ้านพิษณุโลก ประมาณ 20 นาที ก็มีรถรถตู้โฟล์คติดฟิล์มดำวิ่งออกมา 3 คัน ทำให้ผู้สื่อข่าวต้องเช็คกันให้วุ่นว่า นายกฯ ออกจากพิษณุโลกแล้วหรือยัง จนกระทั่งเวลา 14.30 น.รถนำขบวนของนายกรฯ ได้เคลื่อนขบวนออกจากบ้านพิษณุโลก มุ่งหน้าไปยังทางด่วนศรีรัชต์ และจอดบริเวณทางขึ้นทางด่วน โดย ทีมติดตามได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่าให้จอดรอนายกฯ ก่อน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที รถนายกฯก็ขับมาพร้อมขบวนรถของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม จากนั้นจึงเดินทางไปประชุมที่พรรคไทยรักไทย
พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เวลาประชุมผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจนถึงเวลา 16.15 น. จึงเดินทางออกจากที่ทำการพรรค โดยให้สัมภาษณ์ว่า จะเดินทางไป จ.เชียงใหม่ จะไปนอนพักผ่อนที่บ้านเชียงใหม่กรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม 1-2 วัน และจะกลับวันพุธที่ 29 มี.ค. ส่วนการประชุม ครม.ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ จะประชุมทางไกลผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ จาก จ.เชียงใหม่มายังทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกท้อใจไหมที่กระแสขับไล่เพิ่มขึ้น ขนาดไปกินข้าวที่สีลมยังโดนตะโกนไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า กระแสไล่น้อยมาก กระแสสนับสนุนยังเยอะ
ผู้สื่อรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเชียงใหม่ในเวลา 19.00 น. อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายกฯประกาศว่าจะลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.สมุทรปราการ ในวันอังคารที่ 28 มี.ค. หลังการประชุม ครม. และพรรคไทยรักไทยเองก็ได้ออก กำหนดการลงพื้นที่หาเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงโค้งสุดท้ายในพื้นที่กรุงเทพฯ ไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าในช่วงเย็นภายหลังการประชุมพรรคกลับตัดสินไปเดินทางไป จ.เชียงใหม่อย่างกะทันหัน
**แม่ค้ายันไม่กลัวคนขายชาติ
นางวราภรณ์ (ไม่ขอเปิดเผยนามสกุล) อายุ 45 ปี ผู้ค้าจิวเวอรี่อยู่ในศูนย์การค้าตรีนิตี้ มอลล์ 3 ปากซอยละลายทรัพย์ ถนนสีลม กล่าวว่า พวกเราเป็นกลุ่มผู้ค้าที่ไม่ชอบและอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณลาออก จึงออกไปยืนตะโกนบริเวณหน้าศูนย์การค้า ซึ่งก็เป็นสิทธิของเรา
ทั้งนี้ หลังจากที่นายกฯ เดินทางกลับ นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย จะเดินเข้ามาในศูนย์การค้า แต่กลุ่มแม่ค้าก็ไปยืนอยู่ด้านหน้าศูนย์การค้า โดยตนเป็นคนนำเสียงพูดว่า "ทักษิณ" และกลุ่มเพื่อนๆ ผู้ค้าก็ช่วยตะโกนว่า "ออกไป" ทำให้นายจักรภพ ไม่กล้าเดินเข้ามาในศูนย์การค้า หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ก็ได้มีชาย 2 คน อายุประมาณ 45 ปี สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้ามาแอบถ่ายรูปที่หน้าร้านและเพื่อนๆ ที่ออกไปยืนตะโกนหน้าศูนย์การค้า
เมื่อถามชายทั้งสองว่ามาถ่ายรูปทำไม ทั้งสองก็อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อขอดูบัตรประจำตัวหนึ่งในนั้นก็หยิบบัตรขึ้นมา แต่ใช้มือกำไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังจึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศอะไร และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ จากนั้นทั้งสองก็ได้เดินทางออก โดยบอกว่า มีปัญหาอะไรให้ไปหาที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ
“ฉันไม่เข้าใจว่าการออกไปยืนตะโกนที่ทำไปมันผิดตรงไหน มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละคน ที่จะมีการแสดงความคิดเห็น อีกอย่างฉันจำได้ว่าทั้งสองคนที่อ้างเป็นตำรวจเป็นทีมงานที่เดินทางมาพร้อมกับขบวนของนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังมาแอบถ่ายที่หน้าร้านซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ แล้วจะเอารูปไปทำอะไรก็ไม่ยอมบอก”
นางวราภรณ์ กล่าวอีกว่า เมื่อปีที่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยเข้ามาเยี่ยมเยียนและหาเสียง ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี พ่อค้าแม่ค้าเกือบทุกคนยินดีและเปิดใจที่จะรับนายกฯคนนี้ และยังได้เลือกลงคะแนนให้พรรคนี้ แต่พอมาวันนี้ก็รู้เรื่องตามที่เขาทำ เรื่องล่าสุดก็เรื่องการขายหุ้นกฟผ. ยิ่งทำให้เสียความศรัทธา ซึ่งตอนนี้เขาน่าจะยอมออกไป
อย่างไรก็ตาม ตนจะประสาน ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อขอดูว่าชายสองคนที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นตำรวจของ สน.ทุ่งมหาเมฆจริงหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ เนื่องจากที่ร้านก็เป็นพื้นที่สาธารณะ คนสามารถเดินเข้าออกได้ และไม่รู้ว่าใครคิดดีหรือคิดไม่ดี
ทางด้านนางเพียงเพ็ญ (ไม่ขอเปิดเผยนามสกุล) อายุ 32 ปี แม่ค้าขายผ้าคนหนึ่ง กล่าวว่า มีลูกค้ามาเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้าที่รักษาการนายกจะเดินทางมาก็มีชาย 2 คน ซื้อดอกกุหลาบมาแจกให้กับแม่ค้าที่ขายของอยู่ระหว่างทาง โดยบอกว่าถ้านายกฯเดินทางมาถึงให้มอบดอกกุหลาบให้ แต่บรรดาแม่ค้าต่างปฏิเสธ ซึ่งเชื่อว่าคนที่ถือดอกกุหลาบให้นายกฯ น่าจะเป็นคนที่เขาเตรียมมา