วานนี้ (27 มี.ค.) ก่อนการประชุมคณะกรรมการบูรณะปฏิสังขรณ์องค์ท้าวมหาพรหม ที่สำนักช่างสิบหมู่ พุทธมณฑลสาย 5 จ.นครปฐม ช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ได้อัญเชิญท้าวมหาพรหมที่ใช้เวลา 3 วัน ขึ้นรูปด้วยดินน้ำมัน ประกอบกับชิ้นส่วนที่ยังสมบูรณ์อยู่เดิม คือ พระเศียร พระกร ศาสตราวุธ ขึ้นเป็นรูปองค์ใหม่เสร็จสมบูรณ์ เตรียมหล่อเป็นพิมพ์ที่จะหล่อด้วยนวโลหะเข้ามาห้องประชุม ซึ่งนายศุภโชค ปาละภูติ หัวหน้าศาลท่านท้าวมหาพรหม เห็นองค์ท้าวมหาพรหมถึงกับอุทานว่า เหมือนฝันว่าองค์เดิมยังอยู่ทุกประการ
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯว่า ได้ข้อสรุปว่าจะอัญเชิญพระเศียรเดิมขององค์ท้าวมหาพรหมประดิษฐานไว้บนส่วนยอดของศาล และจะทำการปิด ทั้งนี้ไม่สามารถนำมาประดิษฐานที่พระอุระได้ เพราะความกว้างของพระเศียรสี่หน้า กว้างกว่าพระอุระ สำหรับชิ้นส่วนอื่นยังประดิษฐานไว้ใต้ฐานขององค์ท้าวมหาพรหมที่หล่อขึ้นใหม่ โดยไม่บดย่อยละเอียด ซึ่งจะบูรณะแล้วเสร็จกลางเดือนพฤษภาคม และจะอัญเชิญมาประดิษฐานยังศาลก่อนวันที่ 9 มิถุนายนนี้
ส่วนการออกแบบศาลยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นแบบศิลปะไทยประยุกต์ หรือภารตะ แบบอินเดีย โดยได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องหาข้อสรุปใน 3 วัน จากนั้นจะให้มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม ประกาศให้สาธารณชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติทราบว่าจะทำการปิดศาลท้าวมหาพรหม เพื่อบูรณะศาลใหม่โดยจะใช้เวลากี่วัน
นายสุรเกียรติ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยชิ้นส่วนองค์เดิม ได้ประสานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติส่งตำรวจมาอยู่เวรยามตลอด และจะประสานกับทางทหารให้ส่ง สห.มาช่วยอีกทางหนึ่ง รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรมได้ว่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยเพิ่ม 1-2 เท่า
ด้านนายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า องค์ท้าวมหาพรหมจะมีอายุครบ 50 ปีในวันที่ 9 พฤศจิกายน นี้ เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบและประวัติความเป็นมาแล้วมีความสมบูรณ์ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุได้ ส่วนศาลจะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ซึ่งจะทำหนังสือแจ้งไปยังมูลนิธิฯ เพื่อขอขึ้นทะเบียน ต่อไปหากมีการปรับปรุงจะต้องแจ้งให้กรมศิลปากรทราบ
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรมว.วัฒนธรรม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯว่า ได้ข้อสรุปว่าจะอัญเชิญพระเศียรเดิมขององค์ท้าวมหาพรหมประดิษฐานไว้บนส่วนยอดของศาล และจะทำการปิด ทั้งนี้ไม่สามารถนำมาประดิษฐานที่พระอุระได้ เพราะความกว้างของพระเศียรสี่หน้า กว้างกว่าพระอุระ สำหรับชิ้นส่วนอื่นยังประดิษฐานไว้ใต้ฐานขององค์ท้าวมหาพรหมที่หล่อขึ้นใหม่ โดยไม่บดย่อยละเอียด ซึ่งจะบูรณะแล้วเสร็จกลางเดือนพฤษภาคม และจะอัญเชิญมาประดิษฐานยังศาลก่อนวันที่ 9 มิถุนายนนี้
ส่วนการออกแบบศาลยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเป็นแบบศิลปะไทยประยุกต์ หรือภารตะ แบบอินเดีย โดยได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องหาข้อสรุปใน 3 วัน จากนั้นจะให้มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม ประกาศให้สาธารณชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติทราบว่าจะทำการปิดศาลท้าวมหาพรหม เพื่อบูรณะศาลใหม่โดยจะใช้เวลากี่วัน
นายสุรเกียรติ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยชิ้นส่วนองค์เดิม ได้ประสานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติส่งตำรวจมาอยู่เวรยามตลอด และจะประสานกับทางทหารให้ส่ง สห.มาช่วยอีกทางหนึ่ง รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรมได้ว่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยเพิ่ม 1-2 เท่า
ด้านนายอารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า องค์ท้าวมหาพรหมจะมีอายุครบ 50 ปีในวันที่ 9 พฤศจิกายน นี้ เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบและประวัติความเป็นมาแล้วมีความสมบูรณ์ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุได้ ส่วนศาลจะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ซึ่งจะทำหนังสือแจ้งไปยังมูลนิธิฯ เพื่อขอขึ้นทะเบียน ต่อไปหากมีการปรับปรุงจะต้องแจ้งให้กรมศิลปากรทราบ