xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียนของคนขายชาติที่คนไทยจะต้องรู้ต้องจำ

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

จากการรวมตัวกันของประชาชนทั่วประเทศเพื่อประกาศให้บรรดานักการเมืองคอร์รัปชันหรือราชการการเมืองคอร์รัปชันของเรา ซึ่งทุกคนถ้าใครจะเรียกเสียใหม่ว่า “เดียรัจฉานทางการเมืองแห่งชาติ” ให้พากันยุติการกระทำที่เป็นการทำลายประเทศชาติและแผ่นดินที่คนได้อาศัยซุกหัวนอนที่ทำกันอยู่นี้เสีย เป็นพฤติกรรมทางการเมืองที่มีอะไรหลายอย่างน่าสังเกตมาก และมันจะเป็นแบบอย่างการปฏิวัติรัฐบาลคอร์รัปชัน ของเราที่กำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวอย่างและบอกกล่าวสั่งสอนนักการเมืองชาติชั่วของเราที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

การรวมตัวทักท้วงของประชาชนทั่วไปในเมืองไทยตั้งแต่เริ่มมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าหากจะหลับหูหลับตาพูดกันไม่ต้องเอาอะไรมาคิดก็มีการพูดส่งเดชหรือพูดโง่ๆ ออกมาว่าเป็นเรื่องการสร้างความรำคาญให้แก่นักการเมือง และผู้คนทำมาหากินที่มีแต่สร้างความน่ารำคาญอย่างที่ทำกันอยู่ในกลุ่มประเทศมุสลิมหลายประเทศ ในฟิลิปปินส์ อเมริกาหรือในแถบอเมริกาใต้ธรรมดาที่นี่เอง ไม่มีอะไรที่ใครควรแก่การเห็นอกเห็นใจหรือไม่จำเป็นแม้แต่จะต้องให้ความสนใจแก่ประชาชนอย่างกลุ่มพันธมิตรกู้ชาติของเมืองไทยทุกวันนี้ ซึ่งความจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น แต่มันเป็นความคิดเห็นตรงข้ามกับความจริงในการชุมนุมครั้งสุดท้ายของคนไทยทั่วประเทศเป็นแสนๆ คนในวันนี้

หรืออาจจะพูดกันได้อย่างเต็มปากว่าการรวมกลุ่มชุมนุมประท้วงรัฐบาลอภิมหา คอร์รัปชัน ทั้งในกรุงเทพฯ และประท้วงทั่วประเทศไทย มันเป็นประกาศให้คนทั้งโลกเห็นว่า เป็นการต่อสู้ทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยของประชาชนโดยประชาชนคนไทยซึ่งอาจจะเป็นชนชาติแรกทั้งประเทศได้สำแดงความเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจ และสันดานหรือวัฒนธรรมที่ยังมีคนที่มีความทุกข์หลายๆ ชาติที่ทำไม่ได้เหมือนในเมืองไทย และทำได้เหนือกว่านักการเมืองในประเทศที่มันจะ “เสือก” ไปตะโกนบอกผู้คนว่ามันเกิดมาเป็นผู้รับใช้ประชาชน

และก็ยังมีนักการเมืองประเภทวิกลจริตที่เกิดสันดานโลภโกรธหลงอันชั่วช้าที่สุดที่ฝังแน่นอยู่ในสันดานมนุษย์ และสัตว์ร้ายทุกชนิดรวมกันหรือเราจะเป็นคนชาติแรกและประเทศแรกในโลกที่มีการชุมนุมประท้วงอย่างสงบด้วยคนจำนวนเป็นแสนๆ ที่มีระเบียบและมีวัฒนธรรมอันดีงามที่สุด โดยไม่มีใครนัดหมายกันว่าจะต้องทำอย่างไหนเพียงแต่บอกถึงปัญหา และวัตถุประสงค์ของการชุมนุมเท่านั้นก็ถือว่ามากพอ

การเป็นนักการเมืองก็คือ การร่วมมือกันขายชาติ ซึ่งประเทศด้อยพัฒนาทั้งในอารยประเทศ และในประเทศด้อยพัฒนาส่วนมากจะมีเดียรัจฉานพวกนี้โดดเด่นขึ้นมามีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง และขายชาติกันอย่างมีความสุข ประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่นักการเมืองเดียรัจฉานประเภทที่ว่านี้มีอยู่ไม่ขาดระยะ เฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ศาลพระพรหมเอราวัณถูกทำลายยับเยินไปแล้วเพื่อการสร้างพระพรหมองค์ใหม่ขึ้นมาแทนเพื่อให้ทำหน้าที่สนับสนุนคนขายชาติที่ตนคิดว่าตนจะต้องก้าวต่อไปถึงการเป็นประธานาธิบดีของชาติต่อไปในอนาคตที่จะมีโอกาสได้คอร์รัปชันให้ถึงใจพระเดชพระ คุณกันต่อไปอีกอย่างถาวรต่อไป

ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์และมีทุกสิ่งที่จะทำมาหากินได้อย่างมีความสุข คนไทยส่วนมากจะทำมาหากินไปตามมีตามเกิดตามรอยของบรรพบุรุษในยุคสุโขทัยและสมัยปู่เจ้าลาวจกในอดีต คนไทย 62 ล้านคนของเราทุกวันนี้เคยอยู่กันตามอัตภาพ ไม่ต้องแสวงหา ไม่ต้องดิ้นรน กินอิ่มนอนหลับเท่านั้นก็พอใจ ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่เจ้าพ่อเจ้าแม่แล้วมักจะอยู่กับความยากจนตามมีตามเกิดแบบบรรพบุรุษ จะไม่ขวนขวายอะไรมากนัก พออยู่ได้ก็อยู่กันไปหรืออยู่กับความยากจนกันต่อไป จนกระทั่งคิดกันว่าการเกิดมาเป็นคน หรือเป็นคนไทยบ้านนอกจะต้องยากจนจึงจะถูกต้อง

ถ้าคิดจะไปขวนขวายทำมาหากินอย่างใดอย่างหนึ่งให้ร่ำรวยหรือมีกินตามปกติขึ้นมาก็มีปัญหาอยู่สองประการคือ (1) ไม่มีทุนที่จะไปทำมาหากินอะไรให้มากไปกว่านั้น (2) ไม่มีความรู้ในเรื่องที่ทำมาหากินที่คนทั้งโลกเขาทำมาหากินเพราะเราเป็นชาติที่จะไม่ยอมให้ความรู้แก่คนจนทุกคน เพื่อให้คนจนดั้งเดิมทุกคนยากจนต่อไปตามปกติ

นั่นเป็นความยากจนถาวรที่สืบต่อกันมา จนกลายเป็นธรรมชาติและประเพณี แม้แต่ความรู้ความเข้าใจต่อปัญหาโลกและชีวิตก็จะไม่มีการสั่งสอนอบรมกัน ใครรู้มาก เฉลียวฉลาดกว่าหรือมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการเอารัดเอาเปรียบในการปล้นสะดมได้มากกว่าคนอื่นก็กอบโกยไป โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยที่มีจำนวนมากถึง 62 ล้านคนแล้วจะมีคนที่มีโอกาสมีเงินมีทองหรือมีชีวิตกันอยู่อย่างสุโขมโหฬารได้ก็คือนักการเมืองขี้ฉ้อตอแหลของเรา และพวกนายทุนผูกขาดที่นักการเมืองระยำหมาต่างๆ ของเราที่เราได้ สร้างมันขึ้นมา

คนไทยจึงยากจน และจะต้องยากจนกันต่อไป

แต่สภาพทั้งหมดนี้ โดยรายละเอียดและความเป็นมาเป็นไปของมันคนไทยส่วนใหญ่จะไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพราะอะไรหรือมีกรรมมีเวรอะไร ทุกคนจะไม่รู้ ไม่เข้าใจ

นักการเมืองเดียรัจฉานทั้งหลายทั้งปวงที่เคยมีมาก็จะวิ่งเต้นปล้นสะดม แย่งชิงและโกหกอะไรต่ออะไรต่อไปโดยไม่เคยมีใครสนใจกับปัญหานี้

แต่มาถึงวันนี้ หลังจากที่คนไทยเงยหน้าขึ้นมามองโลกกันอย่างไม่ตั้งอกตั้งใจมากนัก แต่ในการถูกปลุกโดยกลุ่มพันธมิตรกู้ชาติในขณะนี้ มันได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือขึ้นมาแล้วคือความมานะพยายามที่จะเรียนรู้จักโลก สังคมของตนเอง และชนชั้นของตนเองให้มากขึ้น

ในขณะเดียวกัน สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรกู้ชาติได้จัดการให้การศึกษาโดยการเปิดเผยเสรี และโดยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ อย่างกว้างขวางและชัดเจน

มันช่วยให้ได้เพิ่มความรู้ความเข้าใจต่อโลก และสังคมของตนชัดเจนยิ่งขึ้น

เรื่องที่น่าสังเกตเพิ่มเติมเข้ามาอีกเล็กน้อยก็คือ ประชาชนมาร่วมในรายการของพันธมิตรกู้ชาติที่เริ่มขึ้นโดยคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งแต่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาจนกระทั่งถึงการเข้ามารวมตัวกับกลุ่มพันธมิตรกู้ชาตินั้น จะมีผู้คนที่มาร่วมกันตั้งแต่เด็กอายุ 2 ขวบไปจนกระทั่งถึงอายุ 82 ปี

ทุกคนจะเข้ามาร่วมกันอยู่ทุกหนทุกแห่งในบริเวณที่จัดรายการตั้งแต่หัวค่ำ จนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงวันใหม่หรือในตอนกลางวันที่บริเวณใกล้ทำเนียบนายกรัฐมนตรี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นพวกลูกมือลูกตีนของทรราชโง่ๆ ของเราหาทางบีบด้วยวิธีการสกปรก ที่ตัวเองมีอยู่จนกระทั่งตอนนี้มาถึงสะพานมัฆวานฯ เข้าไปแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้จำนวนคนที่เข้ามาร่วมลดลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้นและมาจากทุกจังหวัดทุกตำบลที่จะสามารถมาได้

ภาวการณ์เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน

คนเหล่านี้จะชี้ชวนให้ไปประท้วงที่ไหนก็ไปกันโดยสงบ ไม่ว่าจะต้องอยู่ในสภาพใด และที่น่าสนใจค่อนข้างมากก็คือผู้คนที่เข้าไปร่วมทุกหนทุกแห่งเป็นเเรงดันใหม่นั้นไม่มีอะไรใหม่ แต่เป็นเรื่องที่เป็นการกระทำที่เจ็บปวดสำหรับคนไทยทั้งหมดหลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มาแล้วเท่านั้น แต่ทุกคนพร้อมที่จะนั่งจะยืนอยู่อย่างไม่ย่อท้อเป็นเวลาค่อนวันค่อนคืนเพื่อรอรับการให้ความคิดเห็นของผู้รอบรู้ และคนเหล่านี้จะไม่เหมือนกับการประท้วงหรือมาร่วมชุมนุมอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย นั่นก็คือผู้ที่เข้ามาร่วมประชุมเหล่านั้นส่วนมากจะเป็นผู้ใหญ่ เฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านหรือมีครอบครัวแล้วทั้งสิ้น สำหรับวัยรุ่น เฉพาะผู้ชายหรือประเภทนักศึกษาจะสนใจน้อยมากหรือไม่มีเลย

ไม่น้อยคนนักที่ยอมมานอนกลางถนน และข้างถนนกันเป็นวันเป็นคืนเพื่อร่วมการชุมนุมในรูปของการปฏิวัติแบบอหิงสา ซึ่งเป็นครั้งที่สองของการปฏิวัติต่อจากการ ปฏิวัติของชาวอินเดียโดยการนำของท่านมหาตมะ คานธี ที่ทำให้อินเดียสิ้นสุดความเป็นทาสมาแล้ว

คนเหล่านี้ยังมีจำนวนแสนหรือเป็นจำนวนหลายแสน แต่ไม่ปรากฏว่ามีการกระทำใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามคำร้องของผู้จัดซึ่งขออย่างเดียวเท่านั้นคือ การงดเว้นการก่อเรื่องหรือตอบโต้ใดๆ ขบวนการประท้วงทุกๆ แห่งของคนจำนวนมากเหล่านี้ล้วนแต่เป็นความเรียบร้อยและความน่ารักทั้งสิ้น

สภาพดังกล่าวนี้จะเกิดเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและคนไทยเท่านั้น!!

แต่ไม่ว่าการตื่นตัวของประชาชนที่ไม่มีอำนาจวาสนาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นผลสำเร็จหรือความพ่ายแพ้ในวาระสุดท้ายก็ตาม อย่างหนึ่งที่จะยืนยันได้ในวันนี้ก็คือว่าการต่อสู้อย่างถูกต้องของประชาชนชาวไทยเกิดขึ้นแล้วอย่างมีสติสัมปชัญญะ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือความทุกข์ยากประการหนึ่งประการใดก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยและคนไทยทั่วไปหรือบรรดาพวกเดรัจฉานทางการเมืองของเราที่มันผยองกันอย่างลืมตัวอยู่ทุกวันนี้ก็เถอะ จะปล้นหรือจะเผามันอย่างไร มันก็จะต้องอยู่บนแผ่นดินนี้ต่อไปจนกระทั่งถึงลูกหลานของมัน การต่อสู้อย่างไม่ยอมถอยทั่วประเทศทุกวันนี้เป็นบทเรียนให้ทุกคนรู้ว่าอย่าวางใจนักการเมืองที่จะขึ้นมาปกครองอย่างง่ายดาย หรือจะเชื่อถือแต่เพียงการโกหก และการกะล่อนหลอกลวงของมันไม่ได้

และเป็นการประกาศว่าประชาชนคนสามัญนั้นมันมีทางสู้เสมอนั่นสำคัญที่สุด ก็พยายามรู้เท่าให้ถึงการณ์ว่าสมัยนี้อะไรมันเกิดขึ้นในประเทศชาติ เราจะต้องไม่ยอมให้พวกมันพากันมาปล้น ไม่ยอมให้มันเอาไปขายให้ใคร คนไทยและลูกไทยหลานไทยทุกคนในอนาคตจะต้องร่วมกันรู้ และเข้าใจว่ามันเป็นที่เกิดที่ตาย และเป็นชาติเป็นแผ่นดินของเรา ที่เราเอาไว้สำหรับซุกหัวนอน และทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกัน ไม่มีใครมีสิทธิมากไปกว่ากัน

ทุกลมหายใจเข้าออกและทุกก้าวย่างของเราที่เดินอยู่ในแผ่นดินนี้ เราจะต้องเปิดหูเปิดตาระวังระไวอยู่เสมอว่า ทุกคนอยู่ในวงล้อมของโจรที่ชั่วร้าย ไม่ว่ารูปร่างผิวพรรณมันจะเป็นอย่างไร มนุษย์พวกนี้มันจะคอยปล้นเราทุกคน คอยหลอกลวงหลอกหลอนทุกคนด้วยมารยาสาไถยนานาประการ นี่คือความเป็นจริงระบบเดียรัจฉานในบ้านเมืองของเรายังอาจจะต้องมีต่อไปในอนาคตหรือยังไม่หมดไปจากแผ่นดินในอนาคตอันใกล้นี้

“พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรียุติธรรมให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการที่นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมแกนนำพรรคไทยรักไทยอย่างเคร่งเครียดว่าไม่มีอะไร ไปกินกาแฟกันเฉยๆ ส่วนการที่ท่านนายกรัฐมนตรีเรียก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.เข้าพบหารือที่บ้านพิษณุโลกนั้น ไม่ทราบ ไม่ได้หารือด้วย ขณะนี้ไม่มีการหารือกันถึงเรื่องการออก พ.ร.ก.เพื่อประกาศภาวะฉุกเฉินสำหรับการชุมนุมกันในวันที่ 25 มี.ค. ตนและหน่วยงานด้านความมั่นคงยังไม่ได้หารือกับฝ่ายทหาร แต่เชื่อว่าการชุมนุมน่าจะเรียบร้อย เพราะการชุมนุมเมื่อวันที่ 21 มี.ค. คนมาร่วมชุมนุมน้อย มีคนบอกว่าคนน่าจะเบื่อหน่ายมากขึ้น บางคนมองว่าน่าเบื่อ” (ไทยรัฐ 24 มีนาคม 2549)

ข้อความนี้เป็นข้อความชิ้นหนึ่งที่หนังสือพิมพ์ “ไทยรัฐ”

นำมาลงเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนั้นพยายามที่จะทำตัวเป็นศัตรูกับประชาชนเรือนแสนที่เพิ่มจำนวนเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมกันมากขึ้นทุกวัน ประชาชนที่เข้ามายึดถนนรวมตัวกันตั้งแต่หน้าพระบรมรูปทรงม้าเมื่อสองสามวันที่ผ่านมานั้น มันจะเบื่อหรือไม่เบื่อกันไม่มีใครรู้ แต่ที่ทุกคนพยายามเข้ามาเพื่อประท้วงมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวันนั้นก็ไม่เบื่อกัน

และจุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของเขา โดยความเป็นจริงแล้วก็คือคัดค้านรัฐบาลจะขับไล่นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และให้ไปอยู่นอกประเทศต่อไปไม่ต้องการให้กลับมาอีกซึ่งจุดมุ่งหมายที่มาร่วมกันด้วยความทุกข์ทรมานเหล่านี้เป็นการแสดงถึงความเกลียดชังอย่างรุนแรงของคนไทยที่มีต่อผู้นำของเขาซึ่งอาจจะเคยมีต่อผู้นำในอดีตมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม การรวมตัวของประชาชนทั่วทั้งชาติในคราวนี้ จะเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับประชาชนคนไทยในอนาคตจะยึดถือเอาเป็นแบบอย่างสำหรับการคัดค้าน และการต่อสู้เพื่อป้องกันประเทศชาติ เช่นเดียวกับพวกนักการเมืองเดียรัจฉานของเราก็จะได้ระมัดระวังในการขายชาติ และปล้นชาติว่าจะมีวิธีการที่ประเสริฐเพียงพอที่จะหาทางหลีกเลี่ยง

แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่เอาพวกเดียรัจฉานชุดนี้เข้าคุกไปเสียด้วยเพราะความผิดมากมายในการเอา กฟผ.ไปขาย เอากันให้ครบทั้ง 7 ชั่วโคตรเลย ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเข้าไปด้วย จะเป็นการเมืองที่สอนนักการเมือง และประชาชนให้เป็นบทเรียนที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น