แกนนำประชาธิปัตย์ ขึ้นเวทีสนามหลวงรุมถล่ม"แม้ว"และ "ระบอบทักษิณ" แฉจ้างคนอีสานมาให้กำลังใจนายกฯ วันละ 200 บาท อัดดันทุรังให้มีการเลือกตั้ง 2 เม.ย.ทั้งๆ ที่เป็นการเลือกตั้งสีดำ "อภิสิทธิ์"ประกาศจุดยืนหนุนการขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ขอรัฐบาลใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7เพื่อการปฏิรูปการเมืองใหม่
บรรยากาศการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้ชื่อ “จุดเปลี่ยนประเทศไทย จุดยืนประชาธิปัตย์ หยุดระบอบทักษิณ” ที่สนามหลวง เริ่มขึ้นเมื่อ เวลา 16.00 น.วานนี้ (24มี.ค.)เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง พร้อมทั้งจะมีการนำเสนอทางออก ทั้งในเรื่องการเลือกตั้ง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีแกนนำพรรคขึ้นเวทีปราศรัย กันคับคั่ง
ทั้งนี้ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยเป็นคนแรก โดยตั้งข้อสังเกตถึงการยุบเขตเลือกตั้งของกทม.จาก 37เขต เหลือ 36 เขต โดยเขตที่ยุบเป็นเขตที่ตนเคยเป็น ส.ส.แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส เพราะ กกต.กทม.เสนอไปแล้วให้มีเขตดังกล่าว แต่ กกต.กลางกลับมีคำสั่งยุบก่อนมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา กำหนดวันเลือกตั้งเพียง 3 วัน เหมือนเป็นการปล้นเขตเลือกตั้ง ทั้งที่ประชากรลดลงไป 20,000 คน ไม่น่าเป็นเหตุผลให้ยุบเขต
นายวิฑูรย์ นามบุตร กล่าวปราศรัยเป็นภาษาอีสาน โจมตีนโยบายรัฐบาลทั้งโครงการแก้จน กองทุนหมู่บ้าน ซึ่งไม่มีโครงการใดสำเร็จและมีการฉ้อโกงเกษตรกร โดยเฉพาะโครงการกล้ายางฉาว นอกจากนี้ มีข่าวจากเกษตรกรว่า มีการจ้างรถอีแต๋นมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี คันละ 30,000 บาท และผู้ชุมนุมได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท ซึ่งเกษตรกรบอกว่า ได้เงินดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ และบอกว่าคนอีสานไม่โง่ แต่ขอหลอกเอาเงินนายกรัฐมนตรีไปใช้ก่อน
นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรค กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยชี้ให้เห็นถึงความพยายามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการนำกฟผ.เข้าขายในตลาดหุ้น เพื่อต้องการให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นสูงขึ้น รองรับกับการขายหุ้นในเครือชินคอร์ป
ด้านนายจุรินทร์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ปากบอกว่า ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่ 2 วันที่ผ่านมา ย่องเข้าทำเนียบรัฐบาลเวลา 09.19 น.ทุกครั้ง แล้วอย่างนี้จะบอกว่าไม่เชื่อได้อย่างไร เวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ได้เพราะยาดันทุรังมัยซิน ซึ่งยิ่งกินมาก บ้านเมืองยิ่งลุกเป็นไฟ การดันทุรังให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ก็แค่เป็นการสร้างความชอบธรรมในการเสวยอำนาจต่อไป
“วันนี้คนไทยทั้งประเทศ เห็นแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสีดำ มีแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่บอกว่า การเลือกตั้งเป็นสีขาว ต้องพาไปตัดแว่นที่ร้านแว่นท็อปเจริญ แล้ว 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลทักษิณ ทำเรื่องคิดใหม่ ทำใหม่อยู่เรื่องเดียวคือ โกงรูปแบบใหม่ โดยมี 2 แบบ คือ โกงแบบรับเปอร์เซ็นต์ และโกงเชิงนโยบาย ดูได้จากนโยบายกองทุนหมู่บ้าน เขาไม่ได้ให้เงินฟรี แต่ให้กู้เงิน เมื่อพี่น้องเอาเงินมาก็เอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือ แล้วเงินที่จ่ายไปใครได้ กลุ่มบริษัทนายกฯใช่หรือไม่ เท่ากับว่าเอาอัฐยายไปซื้อขนมยาย นายกฯรวยอยู่คนเดียว”
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่อยากบอกว่าใครเป็นคนปล้นรธน.แต่คนไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อ คงเดากันได้ ทักษิณ เข้ามาบริหาร วันแรก ก็ประกาศว่าจะจัดตั้งรัฐบาล 300 เสียง เพราะว่าได้เตรียมแผนตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้ามีการโกงเกิดขึ้นฝ่ายค้านไม่สามารถซักฟอกได้
"รัฐบาลพยายามแทรกสื่อปิดหูปิดประชาชน คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ตอนนี้ ยกมือให้พ.ต.ท.ทักษิณหมด หรือเพียงองค์กรเดียวที่ พ.ต.ท.ทักษิณกินไม่เข้า คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)เพราะโดนรองเท้าของคุณหญิงจารุวรรณ เฆฑกา ค้างคออยู่ นอกนั้นเสร็จโรงเรียนทักษิณหมด แม้แต่ ส.ว.ตอนนี้ก็เหลือไม่กี่คนที่กล้าวางตัวเป็นกลาง "นายจุรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขี้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไป ร้านเจ็เล้ง ตนคิดว่าไปซื้อครีมหน้าเด้ง แต่ไม่ใช่กลับไปซื้อครีมหน้าด้านมา จนถึงวันนี้ไม่ยอมลาออกซะที จนครีมหน้าด้านหมดตลาดแล้ว และตนยังได้รับแจงจากรพ.โรคจิต ว่าขอให้ช่วยประกาศหาคนหายให้ด้วย เขาคนั้นชื่อไอ้แม้ว และตนขอยืนยันว่าทางพรรคจะยืนข้างประชาชนร่วมขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อไป
"สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ย่องกลับเข้ามาทำเนียบฯเพื่อที่จะเข้ามาเก็บเอกสารสำคัญ เอกสารนั้นคือ เอกสารขายชาติ เพราะทุกวันนี้ยังเก็บขายไม่หมด" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มเติมว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เดินทางมาที่บริเวณหลังเวทีปราศรัย โดยได้นำดอกไม้มาให้กำลังใจ และทักทายกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์
**จวกแม้วสร้างวงจรอุบาทว์ใหม่
ด้านนายบัญยัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ระบอบทักษิณกำลังใช้วิธีการ 3 ส่วน 1. ใช้ทุนใหญ่สร้างพรรคใหญ่ 2. ใช้อำนาจพรรคใหญ่สร้างอำนาจรัฐบาล 3.ใช้สร้างอำนาจรัฐสร้างคนใหญ่ ซึ่งเป็นวงจรอุบาทว์ ที่หมุนไม่มีวันจบ และก่อนที่จะมีการตั้งพรรคไทยรักไทย ก็มีนักธุรกิจหารือกันว่าจะทำอาชีพอะไรจึงจะร่ำรวย จึงได้ข้อสรุปว่าต้องเป็นอาชีพนักการเมืองเข้ามาแล้วใช้อำนาจกอบโกยผลประโยชน์ ขณะนี้บริษัทชินวัตร จะต้องเรียกใหม่ว่า บริษัท ชินคอร์รัปชั่น ซึ่งภารกิจข้างหน้าของทุกคนจะต้องช่วยกันล้มระบอบทักษิณ และคนชื่อทักษิณให้ได้ และตนเห็นว่า ไม่ใช่ทักษิณเท่านั้นแต่ครม.ต้องออกด้วย ในช่วง 4-5 ที่ผ่านทักษิณ ทำลายประเทศชาติอย่างมากในทุกด้าน จำเป็นที่เราทุกคนจะต้องช่วยกันออกมาขับไล่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.30 น. บนเวทีมีการนำวีทีอาร์ เกี่ยวกับพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมาแสดงให้เห็นถึงความโกหก อาทิ การรออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ยุบสภา แต่สุดท้ายก็มีการกลับลำ ยุบสภากะทันหัน การปราศรัยระหว่างหาเสียงโดยใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ตำหนิกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาประท้วงขับไล่ โดยนายอาคม เอ่งฉ้วน ซึ่งเป็นพิธีการบนเวทีได้กล่าว่า สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอาการสติแตกของนายกรัฐมนตรี และขณะเดียวกันประชาชน 50,000 ก็ส่งเสียงโห่ไล่ตลอดเวลา ที่ดูวีทีอาร์
นายอาคม กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของนายกฯ ทำให้ต่างชาติเกิดความตะหนกว่าประเทศไทยมีการโกงกินมากที่สุด นอกจากนี้พฤติกรรมการเชื่อไสยศาสตร์ หมอดูของผู้นำประเทศโดยกล่าวประนามคนอื่นเป็นสัตว์ 4 เท้า แต่ตนเองก็ขี้ขลาดไม่ยอมเข้าทำเนียบฯ กว่า 10 วัน ยอมเชื่อหมอผีเนวิน โดยให้ไปขี่ช้าง โดยที่ก่อนเดินทางกลับควาญได้มอบตะขอ 1 อัน โดยบอกว่า จะช่วยให้เข้าทำเนียบฯได้ แต่ระหว่างทางนายเนวิวบอกว่าสมัยก่อนควาญส่วนใหญ่จะเป็นโจร ลักช้างโดยใช้ตะขอ ทักษิณ เลยโยนตะขอทิ้งไม่กล้านำเข้าทำเนียบฯ และหนีไปประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศแทน
*หนุนใช้ ม.7 ขอพระราชทานรัฐบาลใหม่
จนกระทั่งเวลา 20.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวปราศรัยบนเวที โดยประกาศจุดยืนของพรรค กับข้อเสนอทางออกประเทศไทยโดยระบุว่า เพื่อนำมาสู่ความสมัครสมานสามัคคี ความปรองดองในชาติ ยุติปัญหาวิกฤตในประเทศ ป้องกันไม่ให้มีการเผชิญหน้านำไปสู่ความรุนแรง จึงเสนอพันธกรณี โดยขอเสนอ 1. ทักษิณ ควรนำ ครม.กราบบังคมทูล ขอพึ่งพระบารมีในฐานะพสกนิกรชาวไทย เพื่อขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ขอรัฐบาลใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7
ข้อ 2 . ขอให้นายกฯ และรัฐบาลชุดใหม่ ดำเนินการฟื้นฟูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยเปิดโอกาสให้ ทักษิณ พิสูจน์ข้อเท็จจริงข้อกล่าวหาทั้งหมด เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะนายกฯ โดยการไต่สวนหาข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง และเปิดเผย และสร้างความมั่นใจในความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการเลือกตั้ง โดยการแก้ปัญหา กกต.ชุดที่มีอยู่ในขณะนี้
ข้อ 3 . กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิรูปการเมือง โดยให้พรรคการเมืองยอมรับการดำเนินการดังดล่าว นำโดยบุคคลที่เป็นกลาง มีความส่วนร่วมของประชาชน เชื่อว่าแนวทางทั้งหมด จะให้ความเป็นธรรมของทุกฝ่าย บนฐานการเสียสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อความสงบสุข และอนาคตที่ดีของบ้านเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ให้ประชาชนได้เห็นถึงอันตรายจากระบบอบทักษิณที่กำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติกับการบริหารประเทศชมา 5 ปี ว่านอกจากจะเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยแล้วยังมีการหาผลประโยชน์ซับซ่อนในเชิงนโยบาย เช่น การปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศพม่า แล้วให้กระทรวงการคลังไปค้ำประกันเพื่อให้นำมาทำธุรกรรมกับธุรกิจของลูกชาย รวมทั้งการขายหุ้นที่สลับซับซ้อนไม่ตรงไปตรงมาและทำผิดกฏหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีปราศัย แต่ก็มีการพยายามสะกัดกั้นไม้ให้ประชาชนเข้ามาแต่ไม่สามารถหยุดได้ แม้แต่ในกทม.เองก็มีคนจากพรรคการเมืองหนึ่งไปพูดว่า อย่ามาฟังเพราะจะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย แต่ประชาชนก็บอกว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ก็ยังมีทีมกฏหมายของพรรคไทยรักไทย อัดเทปเพื่อฟ้องพวกตน จึงอยากบอกให้คนที่อัดเทปว่า ถ้าเรื่องใดมันเจ็บปวด มันก็ไม่ใช่ความหยาบคาย เหมือนกับทางหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แต่ถ้ามีอะไรเจ็บปวดก็มาจากที่สิ่งที่ตนเองพูดที่สะท้อนให้เห็นความชั่วร้ายของทักษิณ และเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องได้รู้ เพราะอยากให้ประเทศพ้นจากความชั่วร้ายตรงนี้
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังได้ปราศัยถึงกรณี ของนายสนธิ ที่ออกมานำประชาชนขับไล่ว่า ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ได้ให้นายสนธิ ไปทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่ ช่อง 9 เพราะต้องการไปขับนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แต่ พอ 1 ปีผ่านไป นายสนธิ ก็เลิกที่จะชมรัฐบาล ทำใหห้กลายเป็นคนเลวในสายตาของทักษิณ ในที่สุดก็ถูกกำจัดออกจาก ช่อง 9 แต่เพราะมีประชาชนเริ่มสนใจในรายการ เพราะเป็นรายการเดียวที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ทำให้เกิดปรากฏการณ์สวนลุม ลานพระบรมรูป สนามหลวง แล้ววันนี้ก็อยู่ที่ทำเนียบฯ ล้วนเป็นฝีมือของทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่รู้จักคำว่าพอ ในเรื่องอำนาจ หน้าฉากบอกว่าทำทุกอย่างเพื่อประชาชน ทั้งที่เป็นเงินของพวกเราทังนั้น มาเจ็บใจที่สุดมาทวงบุญคุณที่เอาเงินของเรามาให้เรากู้ ทำให้เกิดปัญหาทุกหย่อมหญ้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากบอกว่า 19 ล้านเสียง ที่นำมาอ้างเขาไม่ได้ต้องการให้ไปขายสมบัติชาติ วันที่ 2 เม.ย.นี้ไม่ว่าจะได้เสียงมาเท่าไร ก็อย่าคิดที่จะทำเช่นนี้อีก ประชาชนให้เสียงเพื่อไปทำประโยชน์ให้บ้านเมือง
นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปขู่ประชาชนว่า ถ้าทักษิณ ไม่ได้เป็นนายกฯ อีกจะไม่มีโครการต่างๆ เช่น 30 บาท เอสเอ็มแอล กองทุนหมู่บ้าน เป็นการเอาเสียงประชนที่ควรได้มาต่อรองเพื่อฟอกตนเอง พวกตนยอมไม่ได้ เพราะไม่มีประชาธิปไตยที่ประเทศไหนในโลกที่เอาผลเลือกตั้งมาฟอกตัว แล้วให้ใบสัมปทานนายกฯ ที่ทำผิดดกฏหมายได้อีก พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่มาเพื่อเป็นผงซักฟอกให้ใคร จึงต้องตัดสินใจคว่ำบาตรเหมือนที่นายควง อภัยวงศ์ และหม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เคยตัดสินใจไม่ยอมเป็นเครื่องมือของจอมพลป.พิบูลย์สงคราม
"เราต้องเริ่มต้นจุดเปลี่ยนของประเทศไทยให้หลุดพ้นจากระบอบที่เลวร้าย เวลานี้เรามาถึงจุดเปลี่ยนของประเทศแล้ว คือ 1. สื่อเริ่มมีความกล้าที่จะออกมาทักท้วงระบอบทักษิณมากขึ้น 2.ประชาชนหลายกลุ่มทุกอาชีพเริ่มกล้าพูดความจริง กล้าวิจารณ์การเมืองและออกมาเรียกร้องให้ปลดปล่อยระบอบทักษิณ 3. ดูอาการของทักษิณแล้วกำลังจะต้องยอม เพราะเดิมไม่เคยเรียกร้องปฎิรูปการเมือง แต่ตอนนี้จะออกมาบอกว่า ขออาสาเข้ามาปฏิรูป แต่ที่น่าห่วงก็คือ เริ่มมีอาการทางจิต พูดในแต่ละวันกลับไปกลับมา ซึ่งผมเป็นห่วงว่าคนใกล้ชิด ไม่ชิดชัย ก็ชิดชอบ จะพาไปตายได้ เวลาจะเข้าทำเนียบฯ ดูอยู่ 2 อย่าง คือฤกษ์กับม็อบ ผมขอให้ประชาชนหนักแน่นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบทักษิณได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดขณะนี้คือ ระบอบทักษิณได้สร้างความแตกแยกให้กับสังคม ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายการุญ ใสงาม นายวิญญู อุฬารกุล นายสมบูรณ์ ทองบุราณ รักษาการ ส.ว.ได้เดินทางมาร่วมฟังการปราศรัย โดยเปิดเผยว่า เป็นตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ มาเชิญชวนประชาชนที่ฟังปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ ให้เดินขบวนไปสมทบกลุ่มพันมิตรฯ ด้วย
บรรยากาศการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้ชื่อ “จุดเปลี่ยนประเทศไทย จุดยืนประชาธิปัตย์ หยุดระบอบทักษิณ” ที่สนามหลวง เริ่มขึ้นเมื่อ เวลา 16.00 น.วานนี้ (24มี.ค.)เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง พร้อมทั้งจะมีการนำเสนอทางออก ทั้งในเรื่องการเลือกตั้ง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีแกนนำพรรคขึ้นเวทีปราศรัย กันคับคั่ง
ทั้งนี้ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปราศรัยเป็นคนแรก โดยตั้งข้อสังเกตถึงการยุบเขตเลือกตั้งของกทม.จาก 37เขต เหลือ 36 เขต โดยเขตที่ยุบเป็นเขตที่ตนเคยเป็น ส.ส.แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส เพราะ กกต.กทม.เสนอไปแล้วให้มีเขตดังกล่าว แต่ กกต.กลางกลับมีคำสั่งยุบก่อนมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา กำหนดวันเลือกตั้งเพียง 3 วัน เหมือนเป็นการปล้นเขตเลือกตั้ง ทั้งที่ประชากรลดลงไป 20,000 คน ไม่น่าเป็นเหตุผลให้ยุบเขต
นายวิฑูรย์ นามบุตร กล่าวปราศรัยเป็นภาษาอีสาน โจมตีนโยบายรัฐบาลทั้งโครงการแก้จน กองทุนหมู่บ้าน ซึ่งไม่มีโครงการใดสำเร็จและมีการฉ้อโกงเกษตรกร โดยเฉพาะโครงการกล้ายางฉาว นอกจากนี้ มีข่าวจากเกษตรกรว่า มีการจ้างรถอีแต๋นมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี คันละ 30,000 บาท และผู้ชุมนุมได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท ซึ่งเกษตรกรบอกว่า ได้เงินดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ และบอกว่าคนอีสานไม่โง่ แต่ขอหลอกเอาเงินนายกรัฐมนตรีไปใช้ก่อน
นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรค กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา แปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยชี้ให้เห็นถึงความพยายามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการนำกฟผ.เข้าขายในตลาดหุ้น เพื่อต้องการให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นสูงขึ้น รองรับกับการขายหุ้นในเครือชินคอร์ป
ด้านนายจุรินทร์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ปากบอกว่า ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่ 2 วันที่ผ่านมา ย่องเข้าทำเนียบรัฐบาลเวลา 09.19 น.ทุกครั้ง แล้วอย่างนี้จะบอกว่าไม่เชื่อได้อย่างไร เวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ได้เพราะยาดันทุรังมัยซิน ซึ่งยิ่งกินมาก บ้านเมืองยิ่งลุกเป็นไฟ การดันทุรังให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ก็แค่เป็นการสร้างความชอบธรรมในการเสวยอำนาจต่อไป
“วันนี้คนไทยทั้งประเทศ เห็นแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสีดำ มีแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่บอกว่า การเลือกตั้งเป็นสีขาว ต้องพาไปตัดแว่นที่ร้านแว่นท็อปเจริญ แล้ว 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลทักษิณ ทำเรื่องคิดใหม่ ทำใหม่อยู่เรื่องเดียวคือ โกงรูปแบบใหม่ โดยมี 2 แบบ คือ โกงแบบรับเปอร์เซ็นต์ และโกงเชิงนโยบาย ดูได้จากนโยบายกองทุนหมู่บ้าน เขาไม่ได้ให้เงินฟรี แต่ให้กู้เงิน เมื่อพี่น้องเอาเงินมาก็เอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือ แล้วเงินที่จ่ายไปใครได้ กลุ่มบริษัทนายกฯใช่หรือไม่ เท่ากับว่าเอาอัฐยายไปซื้อขนมยาย นายกฯรวยอยู่คนเดียว”
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่อยากบอกว่าใครเป็นคนปล้นรธน.แต่คนไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อ คงเดากันได้ ทักษิณ เข้ามาบริหาร วันแรก ก็ประกาศว่าจะจัดตั้งรัฐบาล 300 เสียง เพราะว่าได้เตรียมแผนตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้ามีการโกงเกิดขึ้นฝ่ายค้านไม่สามารถซักฟอกได้
"รัฐบาลพยายามแทรกสื่อปิดหูปิดประชาชน คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ตอนนี้ ยกมือให้พ.ต.ท.ทักษิณหมด หรือเพียงองค์กรเดียวที่ พ.ต.ท.ทักษิณกินไม่เข้า คือ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)เพราะโดนรองเท้าของคุณหญิงจารุวรรณ เฆฑกา ค้างคออยู่ นอกนั้นเสร็จโรงเรียนทักษิณหมด แม้แต่ ส.ว.ตอนนี้ก็เหลือไม่กี่คนที่กล้าวางตัวเป็นกลาง "นายจุรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขี้นเวทีปราศรัยโดยกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไป ร้านเจ็เล้ง ตนคิดว่าไปซื้อครีมหน้าเด้ง แต่ไม่ใช่กลับไปซื้อครีมหน้าด้านมา จนถึงวันนี้ไม่ยอมลาออกซะที จนครีมหน้าด้านหมดตลาดแล้ว และตนยังได้รับแจงจากรพ.โรคจิต ว่าขอให้ช่วยประกาศหาคนหายให้ด้วย เขาคนั้นชื่อไอ้แม้ว และตนขอยืนยันว่าทางพรรคจะยืนข้างประชาชนร่วมขับไล่พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อไป
"สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ย่องกลับเข้ามาทำเนียบฯเพื่อที่จะเข้ามาเก็บเอกสารสำคัญ เอกสารนั้นคือ เอกสารขายชาติ เพราะทุกวันนี้ยังเก็บขายไม่หมด" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์เพิ่มเติมว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เดินทางมาที่บริเวณหลังเวทีปราศรัย โดยได้นำดอกไม้มาให้กำลังใจ และทักทายกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์
**จวกแม้วสร้างวงจรอุบาทว์ใหม่
ด้านนายบัญยัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ระบอบทักษิณกำลังใช้วิธีการ 3 ส่วน 1. ใช้ทุนใหญ่สร้างพรรคใหญ่ 2. ใช้อำนาจพรรคใหญ่สร้างอำนาจรัฐบาล 3.ใช้สร้างอำนาจรัฐสร้างคนใหญ่ ซึ่งเป็นวงจรอุบาทว์ ที่หมุนไม่มีวันจบ และก่อนที่จะมีการตั้งพรรคไทยรักไทย ก็มีนักธุรกิจหารือกันว่าจะทำอาชีพอะไรจึงจะร่ำรวย จึงได้ข้อสรุปว่าต้องเป็นอาชีพนักการเมืองเข้ามาแล้วใช้อำนาจกอบโกยผลประโยชน์ ขณะนี้บริษัทชินวัตร จะต้องเรียกใหม่ว่า บริษัท ชินคอร์รัปชั่น ซึ่งภารกิจข้างหน้าของทุกคนจะต้องช่วยกันล้มระบอบทักษิณ และคนชื่อทักษิณให้ได้ และตนเห็นว่า ไม่ใช่ทักษิณเท่านั้นแต่ครม.ต้องออกด้วย ในช่วง 4-5 ที่ผ่านทักษิณ ทำลายประเทศชาติอย่างมากในทุกด้าน จำเป็นที่เราทุกคนจะต้องช่วยกันออกมาขับไล่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.30 น. บนเวทีมีการนำวีทีอาร์ เกี่ยวกับพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมาแสดงให้เห็นถึงความโกหก อาทิ การรออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ยุบสภา แต่สุดท้ายก็มีการกลับลำ ยุบสภากะทันหัน การปราศรัยระหว่างหาเสียงโดยใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย ตำหนิกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาประท้วงขับไล่ โดยนายอาคม เอ่งฉ้วน ซึ่งเป็นพิธีการบนเวทีได้กล่าว่า สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงอาการสติแตกของนายกรัฐมนตรี และขณะเดียวกันประชาชน 50,000 ก็ส่งเสียงโห่ไล่ตลอดเวลา ที่ดูวีทีอาร์
นายอาคม กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของนายกฯ ทำให้ต่างชาติเกิดความตะหนกว่าประเทศไทยมีการโกงกินมากที่สุด นอกจากนี้พฤติกรรมการเชื่อไสยศาสตร์ หมอดูของผู้นำประเทศโดยกล่าวประนามคนอื่นเป็นสัตว์ 4 เท้า แต่ตนเองก็ขี้ขลาดไม่ยอมเข้าทำเนียบฯ กว่า 10 วัน ยอมเชื่อหมอผีเนวิน โดยให้ไปขี่ช้าง โดยที่ก่อนเดินทางกลับควาญได้มอบตะขอ 1 อัน โดยบอกว่า จะช่วยให้เข้าทำเนียบฯได้ แต่ระหว่างทางนายเนวิวบอกว่าสมัยก่อนควาญส่วนใหญ่จะเป็นโจร ลักช้างโดยใช้ตะขอ ทักษิณ เลยโยนตะขอทิ้งไม่กล้านำเข้าทำเนียบฯ และหนีไปประชุมที่กระทรวงการต่างประเทศแทน
*หนุนใช้ ม.7 ขอพระราชทานรัฐบาลใหม่
จนกระทั่งเวลา 20.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวปราศรัยบนเวที โดยประกาศจุดยืนของพรรค กับข้อเสนอทางออกประเทศไทยโดยระบุว่า เพื่อนำมาสู่ความสมัครสมานสามัคคี ความปรองดองในชาติ ยุติปัญหาวิกฤตในประเทศ ป้องกันไม่ให้มีการเผชิญหน้านำไปสู่ความรุนแรง จึงเสนอพันธกรณี โดยขอเสนอ 1. ทักษิณ ควรนำ ครม.กราบบังคมทูล ขอพึ่งพระบารมีในฐานะพสกนิกรชาวไทย เพื่อขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ขอรัฐบาลใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7
ข้อ 2 . ขอให้นายกฯ และรัฐบาลชุดใหม่ ดำเนินการฟื้นฟูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยเปิดโอกาสให้ ทักษิณ พิสูจน์ข้อเท็จจริงข้อกล่าวหาทั้งหมด เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะนายกฯ โดยการไต่สวนหาข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง และเปิดเผย และสร้างความมั่นใจในความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการเลือกตั้ง โดยการแก้ปัญหา กกต.ชุดที่มีอยู่ในขณะนี้
ข้อ 3 . กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิรูปการเมือง โดยให้พรรคการเมืองยอมรับการดำเนินการดังดล่าว นำโดยบุคคลที่เป็นกลาง มีความส่วนร่วมของประชาชน เชื่อว่าแนวทางทั้งหมด จะให้ความเป็นธรรมของทุกฝ่าย บนฐานการเสียสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อความสงบสุข และอนาคตที่ดีของบ้านเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ให้ประชาชนได้เห็นถึงอันตรายจากระบบอบทักษิณที่กำลังจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติกับการบริหารประเทศชมา 5 ปี ว่านอกจากจะเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยแล้วยังมีการหาผลประโยชน์ซับซ่อนในเชิงนโยบาย เช่น การปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศพม่า แล้วให้กระทรวงการคลังไปค้ำประกันเพื่อให้นำมาทำธุรกรรมกับธุรกิจของลูกชาย รวมทั้งการขายหุ้นที่สลับซับซ้อนไม่ตรงไปตรงมาและทำผิดกฏหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีปราศัย แต่ก็มีการพยายามสะกัดกั้นไม้ให้ประชาชนเข้ามาแต่ไม่สามารถหยุดได้ แม้แต่ในกทม.เองก็มีคนจากพรรคการเมืองหนึ่งไปพูดว่า อย่ามาฟังเพราะจะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย แต่ประชาชนก็บอกว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ก็ยังมีทีมกฏหมายของพรรคไทยรักไทย อัดเทปเพื่อฟ้องพวกตน จึงอยากบอกให้คนที่อัดเทปว่า ถ้าเรื่องใดมันเจ็บปวด มันก็ไม่ใช่ความหยาบคาย เหมือนกับทางหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แต่ถ้ามีอะไรเจ็บปวดก็มาจากที่สิ่งที่ตนเองพูดที่สะท้อนให้เห็นความชั่วร้ายของทักษิณ และเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องได้รู้ เพราะอยากให้ประเทศพ้นจากความชั่วร้ายตรงนี้
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังได้ปราศัยถึงกรณี ของนายสนธิ ที่ออกมานำประชาชนขับไล่ว่า ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ได้ให้นายสนธิ ไปทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่ ช่อง 9 เพราะต้องการไปขับนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แต่ พอ 1 ปีผ่านไป นายสนธิ ก็เลิกที่จะชมรัฐบาล ทำใหห้กลายเป็นคนเลวในสายตาของทักษิณ ในที่สุดก็ถูกกำจัดออกจาก ช่อง 9 แต่เพราะมีประชาชนเริ่มสนใจในรายการ เพราะเป็นรายการเดียวที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ทำให้เกิดปรากฏการณ์สวนลุม ลานพระบรมรูป สนามหลวง แล้ววันนี้ก็อยู่ที่ทำเนียบฯ ล้วนเป็นฝีมือของทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่รู้จักคำว่าพอ ในเรื่องอำนาจ หน้าฉากบอกว่าทำทุกอย่างเพื่อประชาชน ทั้งที่เป็นเงินของพวกเราทังนั้น มาเจ็บใจที่สุดมาทวงบุญคุณที่เอาเงินของเรามาให้เรากู้ ทำให้เกิดปัญหาทุกหย่อมหญ้า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากบอกว่า 19 ล้านเสียง ที่นำมาอ้างเขาไม่ได้ต้องการให้ไปขายสมบัติชาติ วันที่ 2 เม.ย.นี้ไม่ว่าจะได้เสียงมาเท่าไร ก็อย่าคิดที่จะทำเช่นนี้อีก ประชาชนให้เสียงเพื่อไปทำประโยชน์ให้บ้านเมือง
นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปขู่ประชาชนว่า ถ้าทักษิณ ไม่ได้เป็นนายกฯ อีกจะไม่มีโครการต่างๆ เช่น 30 บาท เอสเอ็มแอล กองทุนหมู่บ้าน เป็นการเอาเสียงประชนที่ควรได้มาต่อรองเพื่อฟอกตนเอง พวกตนยอมไม่ได้ เพราะไม่มีประชาธิปไตยที่ประเทศไหนในโลกที่เอาผลเลือกตั้งมาฟอกตัว แล้วให้ใบสัมปทานนายกฯ ที่ทำผิดดกฏหมายได้อีก พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่มาเพื่อเป็นผงซักฟอกให้ใคร จึงต้องตัดสินใจคว่ำบาตรเหมือนที่นายควง อภัยวงศ์ และหม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช เคยตัดสินใจไม่ยอมเป็นเครื่องมือของจอมพลป.พิบูลย์สงคราม
"เราต้องเริ่มต้นจุดเปลี่ยนของประเทศไทยให้หลุดพ้นจากระบอบที่เลวร้าย เวลานี้เรามาถึงจุดเปลี่ยนของประเทศแล้ว คือ 1. สื่อเริ่มมีความกล้าที่จะออกมาทักท้วงระบอบทักษิณมากขึ้น 2.ประชาชนหลายกลุ่มทุกอาชีพเริ่มกล้าพูดความจริง กล้าวิจารณ์การเมืองและออกมาเรียกร้องให้ปลดปล่อยระบอบทักษิณ 3. ดูอาการของทักษิณแล้วกำลังจะต้องยอม เพราะเดิมไม่เคยเรียกร้องปฎิรูปการเมือง แต่ตอนนี้จะออกมาบอกว่า ขออาสาเข้ามาปฏิรูป แต่ที่น่าห่วงก็คือ เริ่มมีอาการทางจิต พูดในแต่ละวันกลับไปกลับมา ซึ่งผมเป็นห่วงว่าคนใกล้ชิด ไม่ชิดชัย ก็ชิดชอบ จะพาไปตายได้ เวลาจะเข้าทำเนียบฯ ดูอยู่ 2 อย่าง คือฤกษ์กับม็อบ ผมขอให้ประชาชนหนักแน่นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบทักษิณได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดขณะนี้คือ ระบอบทักษิณได้สร้างความแตกแยกให้กับสังคม ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายการุญ ใสงาม นายวิญญู อุฬารกุล นายสมบูรณ์ ทองบุราณ รักษาการ ส.ว.ได้เดินทางมาร่วมฟังการปราศรัย โดยเปิดเผยว่า เป็นตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ มาเชิญชวนประชาชนที่ฟังปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ ให้เดินขบวนไปสมทบกลุ่มพันมิตรฯ ด้วย